เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 282
บทที่ 282 คุณยังมีหน้ากลับมาอีก
ประมาณสองทุ่มนิดๆ ซูย้าวขับรถไปที่คอนโดฯเดิมที่อยู่ในเมือง
ซึ่งอยู่ห่างไม่ไกลจากโรงแรมที่เธอพักอาศัย และเป็นการมาที่นี่ครั้งแรกหลังจากที่กลับประเทศ อีกทั้งเป็นการเอ่ยถึงขึ้นอย่างกะทันหันของลี่เฉินซี
และก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาถึงก่อนเธอเสียอีก
เป็นคอนโดฯที่ห้าปีไม่มีใครเดินเข้ามาย่างกราย บริเวณรอบๆคอนโดฯไม่มีวัชพืชขึ้น คงน่าจะเป็นเพราะฝ่ายนิติบุคคลคอยดูแลจัดการ แต่เมื่อผลักประตูทางเข้าแล้วเปิดไฟขึ้น ด้านในนั้นกลับมีแต่ฝุ่นและหยากไย่ปกคลุมไปทั่ว เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวเต็มไปด้วยฝุ่นที่หนาเตอะเป็นชั้นๆ ช่างไม่เหมือนกับสถานที่ที่คนเคยพักอยู่อาศัยจริงๆ
ลี่เฉินซีที่ใบหน้ารูปงามยืนอยู่ข้างประตูด้วยสีหน้าบึ้งตึง เย็นชา สายตาจดจ้องมาทางเธออย่างเยือกเย็น แววตาดุจทะเลลึกที่ไม่สามารถจะหยั่งถึงได้
ซูย้าวยืนอยู่ในนั้น ประสานตากับเขาอย่างเฉยเมย และพูดแดกดันขึ้น “เรียกฉันมามีอะไรมิทราบ” ลี่เฉินซีเย็นชาต่อความเฉยเมยของเธอ ใบหน้าของลี่เฉินซีเย็นชากว่าเธอด้วยซ้ำ ใบหน้าเด็ดเดี่ยวสะท้อนให้เห็นถึงความเย็นยะเยือก หรี่ตาจ้องแววตาเธอแล้วกล่าวขึ้น “คุณกลับมานานหรือยัง”
เป็นคำถามเรียบๆ แต่ทำให้เธอถึงกับชะงัก จนสายตาพร่ามัวเล็กน้อย “คำถามนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณต้องการพบฉันหรือไม่ ตอนที่คุยทางโทรศัพท์คุณบอกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจิ้งเอ๋อไม่ใช่เหรอ!”
เมื่อเอ่ยถึงลูกชาย แววตาลี่เฉินซีเคร่งขรึมขึ้น เม้มริมฝีปากบางแน่น “ประมาณครึ่งเดือนแล้วสินะ!”
ซูย้าวหายใจเข้าลึก “ถ้าหากคำถามเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเจิ้งเอ๋อ อย่างนั้นฉันตอบคุณก็ได้ ใช่ พอรู้ว่าเจิ้งเอ๋อเกิดเรื่อง วันที่สองฉันก็กลับมาเลย”
ลี่เจิ้งเกิดอุบัติเหตุที่โรงเรียน เกือบจะเป็นเวลาเดียวกันที่ซูย้าวได้รับข่าวตอนที่อยู่ที่นั่น จากนั้นก็โดยสารเครื่องบินโดยตรงสิบกว่าชั่วโมงเพื่อกลับมา
“รวดเร็วทันด่วนจริงๆ!” คำพูดถากถางปรากฏขึ้นในดวงตาคู่งาม มุมปากเย็นชายกโค้งขึ้น แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
เธอขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มคนนี้หมายความอย่างไรกัน
ไม่รอช้าที่จะถาม น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาได้ดังขึ้นอีกครั้ง “ทำไมห้าปีมานี้ถึงไม่กลับมาเลยสักครั้ง”
คำถามนี้ดูเหมือนจะเป็นคำถามก้าวก่ายไปนิดหนึ่ง
ดวงตาใสคู่งามถึงกับค้าง ซูย้าวจ้องมองดวงตาของเขา และแน่นอนว่าใบหน้าของเขาไร้ร่องรอยความรู้สึก
ห้าปีที่ไม่เคยกลับประเทศ กับการกลับมาแล้วแต่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาที่ตึกคอนโดฯแห่งนี้สักครั้งเดียว เหตุผลก็คงไม่ต่างกัน
ตึกแห่งนี้ เธอกับเจิ้งเอ๋อเคยพักอยู่อาศัย คุณแม่อานโล๋ก็เคยพักอยู่อาศัย ที่นี่ เขาเองก็เคยมา ที่นี่ มีอดีตและความทรงจำมากมาย เฉกเช่นเดียวกันกับเมืองแห่งนี้
หลายปีมานี้ เพื่อการเพื่องานแล้ว เธอสามารถเดินทางไปๆมาๆยังเมืองอื่นๆและยังประเทศต่างๆ ทำงานตลอดเวลาราวกับเครื่องจักร นอกจากลูกสาวแล้ว แทบจะไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะทำให้เธอปลดปล่อยความหวาดระแวงได้ มีเพียงแต่การทำงานอย่างบ้าคลั่ง ไม่หยุดหย่อน เก็บซ่อนตัวเองไว้ในนั้น ถึงจะสามารถทำให้เธอลืมเรื่องราวในอดีตลงไปได้ชั่วขณะ และคิดเข้าใจว่าตัวเองในตอนนี้นั้นสบายดี
คนเราบางทีก็เป็นแบบนี้ ยอมที่จะหลอกตัวเอง ก็ไม่ยอมที่จะเปิดเผยความรู้สึกนั้นออกมา ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่กลับเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ เพราะรสชาติของความโดดเดี่ยว ใครๆก็ย่อมไม่อยากจะลิ้มลอง แต่ทว่ากลับไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้
“พูดสิ! ว่าทำไมถึงไม่เคยกลับมาเลยสักครั้ง” ลี่เฉินซียังคงถามขึ้น พร้อมกับสาวเท้าเดินเข้ามาหาเธอ
ซูย้าวหรี่ตาลงแล้วตอบกลับอย่างใจเย็น “คำตอบนี้สำคัญมากเหรอ คุณจะถามเพื่ออะไร”
เขามองเธอด้วยสายตาที่ยิ่งเยือกเย็น คำที่พูดออกมาก็ยิ่งเย็นชา “ห้าปีไม่เคยกลับมาแม้แต่สักครั้งเดียว จนแทบจะลืมลูกชายคนนี้ไปเสียสนิท แต่หลังจากนั้นห้าปี จู่ๆวันหนึ่งก็กลับมา——”
ลี่เฉินซีลากเสียงยาว แล้วค่อยๆเดินมุ่งมาหาเธอทีละก้าวๆ สายตาเยือกเย็นข่มขวัญ ริมฝีปากบางเม้มขึ้นอย่างไม่พอใจ ความอาฆาตพรั่งพรูหลั่งออกมาจากตัวของเขาจนดูน่ากลัว ทำให้บรรยากาศรอบๆถึงกับเย็นยะเยือกขึ้นในทันใด
ซูย้าวมองไปทางเขา และคล้ายๆได้ยินความหมายบางอย่างจากคำพูดของเขา เพียงแต่ความคิดที่สับสน ฟังไม่ออกว่าเขานั้นต้องการจะพูดสื่ออะไร
“ช่างบังเอิญจริงๆ บังเอิญกับที่ลูกชายเกิดอุบัติเหตุ ซูย้าว นี่คุณกำลังหาข้ออ้างและเหตุผลที่เหมาะสมเพื่อกลับมาใช่ไหม”
เธอหายใจแรง “คุณพูดเรื่องอะไร”
“คุณหาเหตุผล ข้อนี้ผมเข้าใจดี ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าทำไมคุณถึงต้องทำร้ายเจิ้งเอ๋อด้วย”
น้ำเสียงลี่เฉินซีไม่สูงนัก ทุ้มต่ำด้วยซ้ำ เสียงแหบแห้งของเขาซ่อนด้วยความโกรธ จนเห็นเส้นเลือดข้างขมับปูดนูนขึ้น เผยให้เห็นถึงความโกรธของเขาในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
เธอแทบจะฟังไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร สัมผัสได้แต่เพียงว่ารอบๆตัวเขานั้นมีบรรยากาศที่น่ากลัวแผ่ซ่านไปทั่ว จึงได้แต่ค่อยๆถอยหลังออกทีละก้าวๆ
“เขาไม่ใช่ลูกชายของคุณหรือไง ไม่ใช่เลือดเนื้อที่คุณแบกท้องมาตั้งสิบเดือนหรือไง ตอนนั้นที่คุณบอกใบ้ด้วยภาษามือกับผมว่าเขาคือชีวิตของคุณ คุณลืมหมดไปแล้วหรือ”
น้ำเสียงลี่เฉินซียังคงไม่สูงมากนัก แต่ความโกรธนั้นกลับชัดเจนอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่เย็นชาและแดงก่ำ เดินก้าวตามการถอยหลังของซูย้าว จนเธอชิดติดกับกำแพง
มือที่เรียวใหญ่ยาวบีบเข้าที่ปลายคางของเธออย่างแรง จนกระดูกแทบแหลกสลาย และขบฟันขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “ตอนนั้นเพราะคุณจู่ๆก็จากไป แล้วทิ้งลูกชายไว้ ลี่เจิ้งร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ร้องไห้อยู่อย่างนี้ไปจนครึ่งปีกว่า ทุกๆวันเขาซบอยู่ที่ริมหน้าต่างเพื่อรอคุณไปรับเขา แล้วคุณล่ะ คุณกลับหนีไปไม่หวนกลับมา!”
“ห้าปีแล้ว เจิ้งเอ๋อเติบโตขึ้นทุกวัน เขาไม่เคยถามผมว่าคุณแม่ไปไหน แต่เมื่อใดที่เขาเห็นเด็กคนอื่นมีแม่คอยเคียงข้าง เขาก็มักจะแอบเข้าไปร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว!”
“ซูย้าว เขาเป็นลูกในไส้ของคุณนะ ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายทำร้ายเขาได้ลงเช่นนี้!”
ลี่เฉินซีโกรธจนเอ่ยคำพูดเย็นชาออกมาจากปาก เขาโมโหมากจนแทบควบคุมสติไม่อยู่ มองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า และหวนคิดถึงเรื่องราวหลายปีที่ผ่านมา เธอที่ใจร้ายทิ้งเขากับลูกชายไปอย่างไม่เหลือแม้แต่เยื่อใย!
ความโกรธที่อยู่ในก้นบึ้งจิตใจได้ปะทุขึ้น จนไม่สามารถควบคุมได้ เขาสะบัดเธอทิ้งไปอย่างสุดแรง ร่างซูย้าวจึงเซไถลไปชนกับโต๊ะที่อยู่ข้างๆประตู
จนหน้าท้องของเธอไปกระแทกเข้ากับขอบมุมโต๊ะจนเจ็บและจุก แต่ว่าเธอในตอนนี้ ไม่มีเวลาไปสนใจความเจ็บปวดนั้น เธอรีบลุกขึ้นมาแล้วหันไปมองเขา “นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไร ใครทิ้งเจิ้งเอ๋อ ตอนนั้นฉันกับคุณหย่ากันแล้ว อีกทั้ง……”
“คุณยังกล้าพูดเรื่องหย่าอีกเหรอ!”
เธอยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกชายหนุ่มพูดแทรกขึ้น ความโกรธของเขาได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เขายกมือมาจับที่แก้มของเธออย่างไว โดยนิ้วมือบีบเข้าผิวที่นุ่มและบอบบางของเธอ จากนั้นดึงเข้ามาใกล้ “ทำไมตอนนั้นถึงต้องการหย่า คุณตั้งท้องก็ไม่บอกผมสักคำ จู่ๆก็เอ่ยเรื่องหย่าขึ้น จากนั้นยังพาลูกของผมจากไปอย่างไม่ดูดำดูดี ซูย้าว คุณช่างใจร้ายมาก!”
ห้าปีมานี้ เขาไม่เคยรู้ว่าหน้าตาลูกสาวของตัวเองมีหน้าตาอย่างไร รสชาติของการพลัดพรากจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง เขาลิ้มลองมาเป็นเวลาห้าปีเต็มๆ!”
“ผมน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าผู้หญิงแบบคุณสามารถทำทุกอย่างได้ เพื่อหาเหตุผลในการกลับประเทศครั้งนี้ คุณจึงทำสารพัดวิธี แม้กระทั่งการทำร้ายเจิ้งเอ๋อ นี่คุณยังมีความเป็นแม่เป็นคนอยู่หรือเปล่า”
ลี่เฉินซีรวบรวมกำลังขึ้น แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพง ราวกับร่างบอบบางจะทะลุกำแพงไปให้ได้ ร่างเปราะบางของเธอกระแทกเข้ากับกำแพง เจ็บปวดจนหน้าขมวดคิ้วแน่น
เธอยิ่งฟังยิ่งสับสน จึงได้ถามขึ้น “ลี่เฉินซี คุณกำลังพูดเรื่องเหลวไหลอะไรกัน ฉันไปทำร้ายเจิ้งเอ๋อตอนไหน”
“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่มีทางยอมรับ แต่ก็ไม่เป็นไร หลักฐานได้ตรวจสอบมาหมดแล้ว!”
เมื่อสิ้นประโยค ลี่เฉินซีก็คลายเธอออก แล้วหยิบเอกสารที่อยู่ในกระเป๋าชุดสูทที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรก โยนใส่หน้าของซูย้าวแรงๆ
“เมื่อคุณทำเรื่องเหล่านี้แล้ว คุณยังจะมีหน้ากลับมาดูลูกชายอีกเหรอ!”
เอกสารถูกโยนมากระทบศีรษะปกคลุมใบหน้าของเธอ เจ็บเล็กน้อย เธอจึงเก็บเอกสารเหล่านั้นที่ตกกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาดู แล้วพลิกอ่านสองสามหน้า แววตาที่สับสนก็ต้องตกตะลึง ดวงตาที่หวาดกลัวค่อยๆเบิกกว้างขึ้น