เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 283
บทที่ 283 ไม่มีความหมายอีกแล้ว
ลี่เฉินซียืนอยู่ตรงนั้น บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือก ทำให้อากาศภายในห้องอุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อยและค้ำฝาผนังไว้ หน้าอกเต้นกระเพื่อมอย่างควบคุมไม่ได้ แสงสลัวจากโคมไฟคริสทัลส่องกระทบใบหน้ารูปงามของเขา ทำให้เห็นถึงสีหน้าเย็นชาและน่ากลัวได้อย่างชัดเจน
“คุณเห็นชัดเจนหรือยัง”
เขาพูดขึ้นในทันใด แต่กลับรู้สึกถึงลำคอที่แหบแห้งจนแทบจะไม่มีเสียง ความโกรธที่อยู่ในใจราวกับจุดติดด้วยเปลวไฟ ทำให้ความชื้นในร่างกายระเหยไปจนแห้ง สายตาเยือกเย็นเหลือบมองหญิงสาวที่ล้มลงนั่งกองอยู่กับพื้น
ซูย้าวอ่านดูเอกสารที่กระจัดกระจายเหล่านั้นไปมา คิ้วค่อยๆขมวดแน่น หลายๆหน้าในเอกสารมีตัวอักษรไม่เยอะ แต่เมื่อเธอดูหลายรอบแล้ว เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเธอยังคงมึนงง ดวงตาคู่งามยังคงสับสน มองเขาอย่างไม่เข้าใจ “นี่คืออะไร หมายความว่าอย่างไร”
“ไม่เข้าใจอย่างนั้นเหรอ” ลี่เฉินซีถูกความโกรธครอบงำ กระชากไปที่คอเสื้อของเธอ มือที่ใหญ่ได้ดึงเธอขึ้นอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็ดึงเอกสารที่อยู่ในมือของเธอมาด้วย “นี่ดูไม่เข้าใจ หรือว่าแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่ ซูย้าว นี่คุณต้องการให้ผมพูดออกมาทั้งหมดใช่ไหม คุณถึงจะยอมรับ”
เธอพยายามผลักตัวเขาออกไป สายตาที่ไม่พอใจแฝงด้วยความโกรธ “นี่มันอะไรกัน คุณอยากจะพูดอะไร ก็พูดตรงๆมาเลย!”
“ได้!”
ลี่เฉินซีแค่นหัวเราะด้วยความโกรธ ก้มศีรษะลงด้วยความเย็นชา กดเสียงที่กริ้วโกรธของเขาให้ต่ำลง ราวกับเสียงโหยหวนของวิญญาณที่คลานออกมาจากขุมนรกที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
“สาเหตุที่ทำให้เจิ้งเอ๋อเกิดอุบัติเหตุ ก็คือมีคนจงใจวางยาพิษในอาหาร เป็นยาพิษชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อการมองเห็นของสายตา และสามารถทำลายระบบประสาทของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย ซึ่งในนั้นมีการเขียนไว้อย่างชัดเจน และแหล่งที่มาของยาพิษชนิดนี้นั้นผลิตมาจากต่างประเทศ แล้วมันก็ประจวบเหมาะกับที่คุณทำการสั่งซื้อในปีนี้ถึงสามครั้งในจำนวนมหาศาล ซูย้าว คุณคิดว่านี่ความบังเอิญอย่างนั้นเหรอ”
ชะงักไปสักพัก เขาได้กล่าวต่อขึ้น “ยังมีอีก ป้าจางพี่เลี้ยงที่ตระกูลลี่จ้างมาเมื่อปีก่อน มีทำหน้าที่ดูแลอาหารในชีวิตประจำวันของเจิ้งเอ๋อ และเรื่องราวก็เกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน บัญชีธนาคารของเธอมีเงินฝากเข้าประจำทุกๆเดือน โดยโอนมาจากต่างประเทศด้วยบัญชีจากจู้สือกรุ๊ปของพวกคุณอย่างไงเล่า คุณคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นเหรอ”
“ซูย้าว คุณทำไมถึง…..” ลี่เฉินซีกัดฟัน ใบหน้าที่หล่อเหลาดูน่าเกลียดขึ้นเนื่องจากความโกรธ “คุณทำไมถึงวางแผนอย่างแยบยลเพื่อทำร้ายลูกในไส้ของตัวเอง!”
เขาพูดเน้นทีละคำๆออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคำเธอนั้นฟังเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อนำมารวมกันแล้ว เธอกลับไม่เข้าใจซะอย่างนั้น
ซูย้าวพยายามควบคุมตัวเองให้ใจเย็น แล้วใช้สมองคิดพิเคราะห์พิจารณา แต่ก็ยังงงงวย มองเขาด้วยแววตาที่มึนงง “แล้ว…แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับฉัน ทำไมฉันต้องทำร้ายลูกชายของฉันเอง”
“ก็เพราะว่าคุณเป็นแม่แท้ๆของเขา เพราะความสัมพันธ์แบบนี้ไง เลยทำให้คนอื่นไม่คิดสงสัยในตัวคุณ และคุณก็อาศัยโอกาสนี้เชิดหน้าลอยตาได้อย่างไม่เกรงกลัว!”
คำพูดของลี่เฉินซีทำให้ซูย้าวกลายเป็นคนผิดไปได้ในชั่วพริบตา เธอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น หัวสมองหยุดคิดทุกอย่างแล้วจ้องมองไปที่เขา โดยไม่มีความรู้สึกใดๆ จะมีสิ่งไหนที่ทำให้เจ็บปวดได้มากไปกว่าคำพูดของคนอีก
ดูเหมือนเธอจะฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ จึงหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองเอกสารที่อยู่ในมือของเขา จากนั้นก็จ้องมองเขา “ดังนั้นคุณจึงคิดว่าฉันเป็นคนซื้อยาแล้วจ้างคนมาทำร้ายลี่เจิ้ง เป็นเหตุให้ลูกต้องเกิดอุบัติเหตุ จากนั้นฉันก็สามารถกลับประเทศได้อย่างไม่มีข้อกังขา อย่างนั้นเหรอ”
ลี่เฉินซีเงียบไม่พูดไม่จา เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ในเมื่อลูกน้องของตัวเองได้ไปตรวจสอบมาแล้ว และข้อมูลที่ได้ก็ตรงกับการตรวจสอบของทางตำรวจ สิ่งที่เขาไม่อยากจะเชื่อในที่สุดก็ต้านทานความจริงที่โหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้
ซูย้าวเงยหน้าขึ้นมองเขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “คุณเชื่อจริงๆเหรอว่าฉันเป็นคนทำร้ายลูกชาย”
“คุณทำให้ผมเชื่อได้ไหมล่ะ” ลี่เฉินซีถามกลับ แววตาเย็นชาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
ซูย้าวปิดตาลงอย่างอ่อนแรง ช่างเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ โยนคำถามกลับมาให้เธอเหมือนเดิม
ถ้าหากว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องอื่น บางทีเธอก็อาจจะเถียงกลับไปด้วยเหตุผล และอธิบายแก้ต่างให้กับตัวเองโดยไม่สนใจอะไร
แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของลูกชาย และเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตัวเอง รวมไปถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของการเป็นมารดาคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่เคยกระทำเรื่องใดๆ และก็ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกปรักปรำใส่ร้าย ดังนั้นจึงไม่มีความรู้สึกที่อยากจะพูดอะไรมากมาย เพียงแต่คำถามที่รุนแรงของลี่เฉินซีเช่นนี้ ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ยิน
เธอดึงเอกสารที่อยู่ในมือของเขามา จากนั้นก็ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหล่นกระจุยกระจายไปทั่วพื้นราวเกล็ดหิมะ “ฉันมีร้อยแปดพันวิธีที่จะพิสูจน์ได้ว่าฉันบริสุทธิ์ แต่ว่านับตั้งแต่วินาทีที่คุณสงสัยในตัวฉัน ลี่เฉินซี คุณรู้ไหมฉับพลันนั้นฉันก็รู้สึกว่าไม่มีความหมายจะที่ต้องอธิบายอีกแล้ว!”
ตรวจสอบแฟ้มเอกสารทางการแพทย์ของจู้สือกรุ๊ปอย่างละเอียดสักหน่อยก็จะทราบว่า ในปีกว่านี้ซูย้าวมีหน้าที่รับผิดชอบการซื้อขายเกี่ยวกับสารพิษชนิดต่างๆ ซึ่งก็เป็นส่วนผสมส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตยา ทำไมถึงอาศัยแค่จุดจุดนี้แล้วมามั่นใจว่าเป็นฝีมือเธอ
และคนที่ชื่อป้าจางอะไรนั่นอีก เธอไม่รู้จักด้วยซ้ำ แล้วจะโอนเงินให้เธอทุกๆเดือนได้อย่างไร!
เขาสามารถตรวจสอบตารางงานทั้งปีของเธอได้ สามารถตรวจสอบคนที่ชื่อป้าจางได้ และก็ยิ่งสามารถตรวจสอบ…..
แต่ต่อให้พูดอย่างละเอียดออกไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อสายตาของลี่เฉินซี ความบริสุทธิ์ของเธอต้องให้คนอื่นมายืนยัน ในเมื่อเขามั่นใจแล้วว่าเธอนั้นเพื่อเป้าหมายของตัวเองแล้ว สามารถทำทุกอย่างได้ แม้กระทั่งเป็นการผู้หญิงชั่วช้าที่ทำร้ายลูกชายตัวเอง!
ซูย้าวเดินผ่านตัวเขาแล้วจากไป โดยไม่แม้แต่แต่จะหันกลับไปมอง เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ก็ยืนอยู่ที่ชั้นบนดาดฟ้าเพื่อรับลมเย็นๆ สัมผัสถึงความหนาวเหน็บที่เย็นไปถึงขั้วกระดูกหัวใจ
ปลายฤดูใบไม้ร่วง สายลมยามเย็นพัดโชยมาหนาวเหน็บเย็นถึงกระดูก แต่ความคิดกลับสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าทำไม เธอไม่เคยคิดที่จะมีความคิดทำร้ายคนอื่น แต่เมื่อทำการตรวจสอบทีไร หลักฐานทุกอย่างต่างชี้มาที่ตัวเธอ
ห้าปีก่อนก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้ก็เป็นเช่นกัน
โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นครืดๆ เมื่อเธอได้สติคืนจึงได้หยิบโทรศัพท์ออกมา มองดูหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ได้บันทึกชื่อไว้ แต่ก็กดรับสาย
“คุณซู คิดไม่ถึงสินะว่าฉันจะโทรหาเธอ”
ในสายโทรศัพท์มีเสียงนุ่มนวลของผู้หญิงดังลอยออกมา เป็นน้ำเสียงที่หวานและคุ้นเคย นั่นคือเสียงหานฉ่ายหลิง
ซูย้าวขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณหาน มีธุระอะไรหรือ”
“พวกเราก็ถือได้ว่าเป็นคนเก่าคนแก่ที่รู้จักมักคุ้นกันดี คุยแบบนี้ไม่ทางการไปหน่อยเหรอ”
ได้ยินดังนั้น ดวงตาซูย้าวก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นทันที ทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับหานฉ่ายหลิง คือสิ่งที่เธอต้องการจะลบให้หมดไปในตอนนี้
“ถ้าหากว่าคุณหานต้องการอยากจะคุยเรื่องที่ไร้สาระเช่นนี้ อย่างนั้นอย่าคุยกันเลยดีกว่า เพราะมันดึกมากแล้ว ไม่อยากจะรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ” ซูย้าวตัดบทอยากวางสายทิ้ง
แต่ตอนที่เขายกโทรศัพท์ออกจากหูนั้น กลับได้ยินเสียงปลายสายพูดขึ้นว่า “ฉันก็แค่เป็นห่วง คิดไม่ถึงว่าคุณซูจะเย็นชาเช่นนี้ ทำไม รสชาติของการถูกคนอื่นปรักปรำใส่ร้าย คงจะทรมานน่าดูสินะ!”
ทันใดนั้นความที่อยากจะวางสายโทรศัพท์ทิ้งนั้นได้หยุดลง สายตาที่โฟกัสยังที่ไกลๆเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยขึ้น
แต่หานฉ่ายหลิงคู่สายโทรศัพท์ที่ริมฝีปากแดงกลับยกโค้งแล้วยิ้มขึ้นอย่างสดใส “ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ถูกคนอื่นใส่ร้ายล่ะ ถ้าหากสิ่งที่ตรวจสอบได้เป็นความจริงล่ะ ว่าเธอคือคนเกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุของลี่เจิ้งนั้น แล้วจะว่าอย่างไร”
ซูย้าวขมวดคิ้วขึ้นด้วยความหงุดหงิด “คุณหาน กรุณาอย่าพูดมั่วซั่วเลยค่ะ ลี่เจิ้งเป็นลูกแท้ๆของฉันเอง ไม่ว่าคนอื่นจะไปตรวจสอบด้วยวิธีใด สุดท้ายฉันก็คือผู้บริสุทธิ์ และฉันก็ไม่มีทางที่จะใช้วิธีเลวทรามต่ำช้าแบบนั้นมาทำร้ายลูกชายของฉันเด็ดขาด!”
“เพราะเธอโชคดีไงล่ะ เมื่อเรื่องราวเกิดขึ้น เพราะเป็นพ่อแม่บังเกิดเกล้า จึงถูกตำรวจมองข้ามไป แต่ว่าน่าเสียดายที่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เธอรู้ไหมว่าทำไม”
เสียงแผ่วเบาของหานฉ่ายหลิง ราวกับเสียงหลอกหลอนของวิญญาณที่สิงสถิตอยู่บนโลกยามราตรี คำพูดที่ชัดเจนราวกับงูเหลือมที่พุ่งกระโจนเข้ามาในใบหู แล้วรัดไว้อย่างแน่นหนา