เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 298
บทที่ 298 คงจะรั้งคุณไว้ไม่ได้
กำหนดเวลาที่ปารีสยังเหลืออีกสามวัน ซูย้าวรับปากกับโม่หว่านหว่าน จะกลับภายในสามวันแน่นอน
เวลาที่เหลือนี้ เธอไม่คิดจะทำงาน
นานๆ ทีจะได้มาที่นี่ นอกจากไปเดินเล่นช็อปปิ้งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องเอ็นจอยให้เต็มที่ จริงมั้ย
เดินเล่นช็อปปิ้งเป็นธรรมชาติของผู้หญิง ซูย้าวก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ช็อปปิ้งสองวัน ซื้อของมากมาย ใช้เงินให้เต็มที่ ช่างเป็นความรู้สึกที่ ชิลล์มาก
วันสุดท้าย เธอไม่อยากจะพักที่โรงแรมที่คริสตินจองให้ ตัวเองเก็บข้าวของเรียบร้อย ข้าวของที่ซื้อสองสามวันนี้ และของที่ซื้อให้เด็กๆ ให้คนส่งไปที่สนามบินทั้งหมด ตัวเองเหลือแค่กระเป๋าใบเล็กๆ เดินทางสะดวกคล่องตัว ทำเรื่องเช็คเอาท์กับโรงแรมเรียบร้อย แล้วเรียกรถแท็กซี่ไปทะเล
เธอจองห้องชุดที่นี่ วิวทะเล ทิวทัศน์สวยงาม และยังมีลมทะเลปะทะหน้า ถือว่าการเดินทางมาปารีสครั้งนี้ จบลงอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง
ทว่า ถ้าเธอเดาไม่ผิด เกรงว่าวันนี้ จะไม่ใช่วันพักผ่อนสบายๆ เสียแล้ว
เธอกำลังนอนอาบแดดบนเก้าอี้ริมหาด จิบน้ำมะนาวเย็นๆ ก็มีพนักงานเข้ามาหา ก้มลงกระซิบกับเธอ “คุณซู มีคนมาหาคุณครับ”
ไม่ผิดคาด เรื่องนี้มาถึงแล้ว
เธอพยักหน้ารับรู้ ยังคงนอนอยู่ตรงนั้น แทบจะไม่ขยับเขยื้อน
ชั่วอึดใจต่อมาเจี่ยงหลิน ก็เดินเข้ามา
แตกต่างจากชุดสูทก่อนหน้านี้ วันนี้เขาสวมเสื้อผ้าสบายๆ เสื้อยืดกับกางเกงชายหาดธรรมดา ใบหน้าหล่อเหลาสวมแว่นดำ เดินเข้ามาแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างเธอ ยิ้มแย้ม “คุณซู อารมณ์ดีจริงๆ หลายวันมานี้ เที่ยวปารีสสนุกมั้ยครับ”
“ก็ดีค่ะ” ซูย้าวพิงเก้าอี้ ลุกขึ้นนิดหนึ่ง ขณะที่หยิบน้ำผลไม้ สายตาก็มองเขาผ่านแว่นดำ
ชายหนุ่มถอดแว่นดำ ใบหน้าสุขุมยิ้มบางๆ เชิงล้อเล่น สายตามองไปที่ทะเลไกลออกไป คลื่นซัดสาดขึ้นลง แม้จะวันที่อากาศดีมาก แต่คลื่นลมก็ยังไม่สงบ
เหมือนกับจิตใจคน มองดูเหมือนไร้คลื่นลม แต่ความจริงล่ะ
“อยากให้ผมพาคุณไปเที่ยวมั้ยครับ ที่นี่มีที่น่าท่องเที่ยว ไม่น้อยเลย” เขาพูด
ซูย้าวฟังความหมายลึกซึ้งในคำพูดของเขาออก ส่ายหัวเบาๆ “ฉันก็อยากไปเที่ยวค่ะ แต่กำหนดการเดินทางไม่รอคอย พรุ่งนี้ฉันจะกลับแล้ว หากมีโอกาสครั้งหน้า จะต้องรบกวน ประธานเจี่ยงแน่ค่ะ”
“ทำไมกลับเร็วจังครับ เรื่องที่คุณอยากจะทำ เรียบร้อยแล้วหรือครับ” เขาถาม
เธอส่ายหน้า ตอบว่า “ประธานเจี่ยง ไม่ให้ความร่วมมือ อยากจะทำให้สำเร็จ ที่ไหนจะง่ายๆ ล่ะคะ”
“อ้อ” ฟังคำพูดของเธอแล้วเหมือนอยากจะบอกปัด สายตา เจี่ยงหลิน มีประกายแวบหนึ่ง “ไม่กี่วันก่อน ความกระตือรือร้นในตัวคุณซูหายไปไหนแล้ว ไม่แน่อีกไม่กี่วัน ผมอาจจะตกลงที่คุณเสนอ ยอมรับผิดชอบครึ่งหนึ่งก็ได้นะครับ!”
ซูย้าวยิ้ม “ประธานเจี่ยง ชอบพูดเล่นจังค่ะ ต่อให้ข้อเสนอของฉันทำให้คุณสนใจ แต่คุณไม่มีทางเห็นด้วยกับฉันที่นี่”
พูดตามจริงเจี่ยงหลินยังคงปฏิเสธ ก็แค่ขอไปที บอกปัดเท่านั้น
เจี่ยงหลิน เลิกคิ้ว “ทำไมคุณพูดอย่างนี้ล่ะครับ”
“ประธานเจี่ยง เป็นคนมีเหตุผล ทำธุรกิจกับจู้สือกรุ๊ป มาหลายปี คงไม่เป็นเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้ ตัดหนทางทำมาหากินในภายหลังใช่มั้ยคะ”
ซูย้าวนั่งพิงเก้าอี้ตรงนั้น ท่าทางสบายๆ หลับตาสัมผัสลมทะเลเบาๆ พูดขึ้นอีก “หรือพูดอีกอย่าง ความรับผิดชอบเรื่องนี้ คุณจะรับผิดชอบ แต่ไม่ว่าฉันพูดอย่างไร หรือทำอะไร คุณไม่มีทางตกลงที่นี่ คุณทำแค่ขอไปที จากนั้นรอคาร์มา ใช่มั้ยคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี่ยงหลิน ยิ้ม
ผู้หญิงคนนี้ เป็นเหมือนที่เขาคาดไว้ ฉลาดจริงๆ
เจี่ยงหลิน คบค้ากับจู้สือกรุ๊ป มาหลายปี ไม่คุ้มค่าเพราะเรื่องเล็กๆ ตัดขาดความสัมพันธ์กับ จู้สือ ดังนั้น เขาจะต้องรับผิดชอบ และเผชิญหน้ากับสถานการณ์ลำบากที่ จู้สือกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เขาไม่มีทางมองดู จู้สือเฉยๆ ไม่ทำอะไร
แต่เขาไม่มีทางตอบตกลงตามที่ซูย้าวเสนอ
นี่ไม่ใช่มีสาเหตุจากซูหยวน
เขาติดต่อธุรกิจกับคาร์ มาหลายปี และ คาร์ก็เป็นรองประธานของจู้สือ เขาไม่มีทางเพราะซูย้าว ทำผิดต่อ ‘เพื่อนเก่า’ ที่ร่วมงานกันหลายปี
“ในเมื่อคุณรู้ทันหมดแล้ว ดูเหมือนผมคงรั้งคุณไว้ไม่ได้แล้ว!” เจี่ยงหลิน เองก็รู้ดี เห็นแต่สายตาของซูย้าว ลึกเหมือนทะเล มองไม่เห็นก้นบึ้ง
ซูย้าวเม้มปาก “ถ้าหากมีวาสนา จะต้องได้เจอกันอีก ทำไมต้องจะต้องผูกมัดแค่ช่วงเวลาเดียวด้วยล่ะคะ”
เขายิ้ม “อึม ผมเชื่อว่าเราจะได้พบกันอีก!”
มองหญิงสาวที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม สายตาของชายหนุ่มเหมือนคบเพลิง ลึกซึ้งยากจะคาดเดา “อาจจะ เร็วๆ นี้ด้วย”
ซูย้าวนั่งเอนหลังตรงนั้น พยักหน้ารับนิดหนึ่ง มีมารยาทและห่างเหิน รักษาระยะห่างพอเหมาะ
ก่อนที่ เจี่ยงหลิน จะจากไป มองเธอแล้วพูดขึ้น “แต่ เรื่องที่ผมแนะนำให้คุณซูย้ายงาน คุณจะพิจารณาหน่อยได้มั้ยครับ ทำงานที่บริษัทผม มีประโยชน์ในระยะยาว”
เธอไม่พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มเท่านั้น
เรื่องนี้ เธอให้คำตอบไปแล้ว ตอนนี้ไม่อยากจะพูดซ้ำอีก
นักท่องเที่ยวบนหาดเยอะมาก ซูย้าวนอนตรงนั้น มองเด็กๆ เล่นน้ำที่หาดทรายริมทะเล ครึกครื้นสนุกสนาน น่ารักมาก เหม่อลอยสักพักหนึ่ง แม้แต่ เจี่ยงหลินจากไปตอนไหน ก็ไม่รู้ตัว
เครื่องดื่มที่โต๊ะข้างๆ เหลือก้นแก้ว พนักงานเข้ามาทันที เปลี่ยนแก้วใหม่
ซูย้าวดื่มไปอีกหลายคำ เครื่องดื่มวันนี้เย็นมาก ไม่ค่อยสบายท้อง จึงไม่อยู่ต่อ รีบลุกขึ้นกลับห้องพักในโรงแรม
ใครจะไปรู้หลังจากเธอกลับไปแล้ว พนักงานที่ถือถาดมุมหนึ่ง เดินไปที่อีกมุมหนึ่งของหาด เข้าไปหาหญิงสาวสวมหมวกปีกกว้างก้มตัวลง กระซิบกระซาบ “เรื่องที่คุณสั่ง เรียบร้อยแล้วครับ!”
กัวหลินค่อยๆ เงยหน้า กวาดตามองพนักงาน แล้วมองไปทางซูย้าวที่เดินลับไป “แน่ใจนะวางยาแล้ว”
“เรียบร้อยครับ!” พนักงานตอบ
เธอพยักหน้า หยิบเงินจำนวนหนึ่งจากในกระเป๋าสตางค์ส่งให้พนักงาน
พนักงานรับเงินไปแล้ว ไม่ค่อยวางใจ ถามย้ำ “คุณแน่ใจนะครับนั่นแค่ยาชาประเภทกล่อมประสาท จะไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร”
กัวหลินขมวดคิ้วรำคาญ “แน่สิ! แกคิดว่าฉันเป็นคนวางแผนฆ่าเพื่อเงินหรือไง”
พนักงานไม่ตอบอะไร รีบถือถาดเดินออกไป
กัวหลินหยิบมือถือขึ้นมา กดเบอร์โทรออก “ประธานหาน เรื่องที่คุณสั่ง เรียบร้อยแล้วค่ะ ต่อไป ก็รอดูฝั่งคุณซูค่ะ”
วางสายแล้ว กัวหลินสูดลมหายใจลึก รีบหยิบกระเป๋าออกไปจากบริเวณชายหาด
ซูย้าวกลับถึงห้อง หยิบยาโรคกระเพาะออกมาจากกระเป๋า เทออกมาสองสามเม็ด หยิบน้ำแร่ขวดหนึ่ง รีบกลืนน้ำลงไป
โรคกระเพาะประจำตัว ไม่รู้กลับมาเมื่อไหร่
หลายปีมานี้นับว่ารุนแรงมากที่สุด ไม่ทันระวังตัว ก็ปวดจนทนไม่ไหว ดูท่า มีเวลาว่าง ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อย
กินยาแล้ว เธอรู้สึกเหนื่อยล้านิดหน่อย ดีที่วันนี้ไม่มีงานอะไร เธอล็อกประตูห้อง นอนลงบนเตียง หลับตา
สิบกว่านาทีต่อมา ประตูห้องถูกคนเปิด กลุ่มคนมองรอบๆ ลับๆ ล่อๆ แล้วเดินตามกันเข้ามาในห้อง
ซูย้าวเพราะฤทธิ์ยา หลับลึก แม้แต่ถูกคนห่อในผ้าห่มอุ้มออกจากห้อง ก็ไม่รู้ตัวเลย
ที่ลานจอดรถด้านนอก รถไมบัคสีดำคันหนึ่งขับเข้ามาพอดี หลังจากจอดแล้ว ชายหนุ่มกำลังจะลงจากรถ มือถือก็ดังขึ้น เหมือนจะได้รับข้อความสั้น
เขาเปิดมือถือ มองข้อความบนหน้าจอก็ย่นคิ้ว ขณะที่กำลังคิด ทันใดนั้นก็เห็นประตูลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลเปิดออก พวกเขาเข็นรถทำความสะอาดออกมา
“เร็วๆ หน่อย! อย่าชักช้า เดี๋ยวไม่ทันเวลา!”
คนหนึ่งเร่ง อีกสามคนท่าทางเร็วมาก เข็นรถเร่งรีบ
เรื่องเล็กแค่นี้ ชายหนุ่มย่อมไม่ใส่ใจ แต่ขณะที่พวกเขาบังเอิญผ่านรถของเขา ข้อมือเรียวบางของผู้หญิงห้อยลงมา ข้อมือสวมนาฬิกา คุ้นเคยจนทำให้สายตาของเขาตกตะลึง