เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 303
บทที่ 303 ผู้หญิงคนนี้
ณ รีสอร์ตริมชายหาด
เจี่ยงหลินนั่งอยู่ที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด กำลังนั่งดูภาพวิดีโอจากกล้องต่างๆ เป็นคลิปสั้นๆ แต่เขากลับนั่งดูซ้ำๆไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น จ้องมองบุคคลแต่ละคนที่ปรากฏตัวอยู่ในหน้าจอ ใบหน้านิ่ง ซูย้าวไม่มีทางออกจากห้องไปเองอย่างแน่นอน นอกจากจะได้รับการติดต่อจากใครบางคน หรือมีคนพาออกไปจากห้อง
อย่างนั้นผู้ที่น่าสงสัยที่สุด…..
คือแม่บ้านที่ทำความสะอาดสองคนนั้น ก่อนออกจากห้อง ได้เข็นรถเข็นทำความสะอาดออกมาด้วย ถึงแม้ว่าภาพในกล้องจะไม่เห็นมีพิรุธ แต่ปัญหาจะต้องเกิดจากตรงนี้อย่างแน่นอน!
ผู้จัดการโรงแรมเข้ามาจากด้านนอก พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ประธานเจี่ยง ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ได้ตามหาแม่บ้านสองคนนั้นแล้ว แต่ไม่พบ! ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อที่ทิ้งไว้ ก็เป็นของปลอม เหมือนกับว่าได้เตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”
“อะไรนะ”
เจี่ยงหลินลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทันที เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วกระชากเข้าที่คอเสื้อของผู้จัดการ “คุณรับคนเข้าทำงานอย่างไรกัน หือ”
“ประธานเจี่ยง ท่านใจเย็นก่อนครับ งานทำความสะอาดไม่ใช่เป็นงานประจำ เวลาที่รับพนักงานจึงไม่ได้เป็นทางการนัก! โรงแรมแต่ละที่ก็เป็นแบบนี้…..”
เลขาฯที่อยู่ข้างๆก็รีบร้อนพูดขึ้น “ประธานเจี่ยงครับ เป็นเช่นนั้นจริงๆครับ ท่านอย่าเพิ่งโกรธ ผมได้จัดคนออกไปตามหาแล้ว เชื่อว่าไม่นานจะต้องได้ข่าวแน่นอนครับ!”
จะได้ข่าวเร็วๆอย่างนั้นเหรอ ตั้งแต่ซูย้าวหายตัวไปถึงตอนนี้ ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆแล้ว ถ้าหากล่าช้ากว่าต่อไปอีก สถานการณ์ก็จะยิ่งน่าเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ
ที่นี่คือฝรั่งเศส คนของบริษัทลี่ซื่อก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ต่อให้แจ้งความ กระบวนการตรวจสอบก็มีหลากหลาย กว่าจะหาเบาะแสได้ เกรงว่าคนอาจจะเกิดอันตรายแล้ว!
เจี่ยงหลินกระวนกระวาย ครุ่นคิดไปมา ทันใดนั้นเหมือนฉุกคิดอะไรได้ เขาจึงรีบพูดขึ้น “คุณไปเรียกตัวหานฉ่ายหลิงมา!”
เลขาฯอึ้งตกใจ “เรียกคุณหานมาเวลานี้หรือครับ เกรงว่าเธอ…..”
“ผมไม่สนใจว่าคุณจะใช้วิธีไหน ผมต้องการพบเธอภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง!” เจี่ยงหลินออกคำสั่งอย่างเย็นชา
เลขาฯจนปัญญา จำใจผงกหน้ารับคำสั่ง
ทันใดนั้น เขาก็พูดกับผู้จัดการว่า “บริเวณที่เชื่อมต่อกับรีสอร์ตแห่งนี้คือท่าเรือประมงใช่ไหม”
ผู้จัดการพยักหน้า “ใช่ครับ ที่ตรงนั้นอันตรายวุ่นวาย ขึ้นชื่อเรื่องที่ผิดกฎหมายประธานเจี่ยงท่านสงสัย…..
ยังไม่ทันพูดจบเจี่ยงหลินก็ได้มุ่งหน้าเดินออกไปด้านนอก
ผู้จัดการตกใจ จึงรีบเดินตามไป เหมือนว่าจะเดาใจเจี่ยงหลินออก ผู้จัดการรีบก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วขัดขวางเขาไว้ “ประธานเจี่ยง ถ้าท่านจะไปที่นั่น เดี๋ยวผมจัดคนตามท่านไปด้วยสักสองสามคนจะดีกว่า! ท่านจะไปตัวคนเดียวไม่ได้นะครับ!”
“ไปคนเดียวไม่ได้รึ” เจี่ยงหลินตวาดขึ้น แล้วใช้มือผลักผู้จัดการที่ขวางอยู่ตรงหน้าออก
รีสอร์ตแห่งนี้อยู่ในภายใต้การดูแลของเขา หลายปีมานี้ บริษัทและธุรกิจที่อยู่ภายใต้ชื่อของเจี่ยงหลินเกือบจะกระจายไปเกือบทั่วฝรั่งเศส กับอีแค่พื้นที่ตรงนี้ จะสามารถขัดขวางเขาได้รึ
ผู้จัดการรู้สึกเป็นห่วง จึงได้เร่งฝีเท้าเดินตาม “ประธานเจี่ยง ท่านจะวู่วามไม่ได้นะครับ! ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจะแย่เอานะครับ!”
ขณะที่พูดนั้น เจี่ยงหลินได้สาวก้าวยาวขึ้นรถไปแล้ว ผู้จัดการได้แต่มองดูรถที่จากไป และได้สั่งคนที่อยู่ด้านหลังให้รีบขับรถตามไป จะต้องรับรองความปลอดภัยของเจี่ยงหลินไม่ให้เกิดเรื่องร้ายขึ้น
คนที่จากบ้านเกิดเมืองนอนมาทำธุรกิจที่ต่างบ้านต่างเมืองได้อย่างรุ่งโรจน์ จนกลืนกินกลุ่มวิสาหกิจของท้องถิ่นทั้งหมด เจี่ยงหลินชื่อสองคำนี้ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไหร่ในประเทศจีน แต่ที่นี่เขานั้นกลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงมีอิทธิพลไปแล้ว
เมื่อมีชื่อเสียงโด่งดัง ศัตรูก็จะมากตามไปด้วย ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่ที่ต้องการจ้องจะทำลายเจี่ยงหลินเหตุการณ์นี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายและน่ากลัว!
จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้จัดการรู้สึกค่อนข้างเป็นห่วงกับสถานการณ์ เลขาฯที่อยู่ข้างกายของ เจี่ยงหลินเองก็รู้สึกสังหรณ์ใจเช่นเดียวกัน จึงแอบโทรแจ้งติดต่อกับตำรวจลับหลังเจ้านาย
……
เรือประมงลำเล็กๆ ในท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล ก่อนหน้านั้นท้องฟ้ายังแจ่มใสปลอดโปร่ง แสงแดดยังส่องเจิดจ้า แต่ทันใดนั้นท้องฟ้ากลับเปลี่ยนไปกะทันหัน ขมุกขมัว และมีลมพัดแรง
อากาศในท้องทะเลช่างแปรปรวนจริงๆ!
ซูย้าวนั่งอยู่ในห้องโดยสารเรือ ห่อหุ้มด้วยผ้าห่มผืนบางอยู่ตรงมุมห้อง ในเรือลำนี้ไม่มีอะไรสักอย่าง จะหาวิธีช่วยเหลือตัวเองก็แทบจะไม่มี ดูแล้วคนที่อยู่เบื้องหลังในการวางแผนนี้ทั้งหมด นั้นตั้งใจอยากให้เธอตายจริงๆ!
เพียงแต่น่าเสียดายที่ลี่เฉินซีผู้บริสุทธิ์ต้องมากลายเป็นเหยื่อ
เขาเดินเข้ามาจากด้านนอก แล้วก็ปิดประตูลง มองดูหญิงสาวที่หดตัวอยู่ที่มุมเรือ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นนั่งอยู่ในที่ไม่ไกลไปจากเธอ แล้วพูดขึ้น “คุณหิวแล้วใช่ไหม”
เธอส่ายหน้า “ไม่หิว”
“ไม่ได้กินอะไรมาตั้งนานแล้ว จะไม่หิวได้ไง” เขาหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แต่กลับพบว่าในซองบุหรี่ไม่มีมวนบุหรี่แล้ว
เหลือเพียงไฟแช็กอันเดียวเท่านั้น
บางทีอาจยังมีประโยชน์ จึงเก็บเข้าที่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม
เมื่อสักครู่ลี่เฉินซีเดินวนไปวนมาอยู่ด้านนอก คิดลองหาพวกเชือกหรืออะไรบางอย่างเพื่อนำมาเป็นเบ็ดตกปลา แต่หาดูรอบตัวเรือแล้ว ก็ไม่พบอะไรสักอย่าง
“ร่างกายของมนุษย์ ถ้าไม่ได้ทานอาหารสองสามวันก็ยังไม่ตาย ดังนั้นฉันจึงยังไม่หิว” เธอกล่าว
ได้ยินดังนั้น เขายกริมฝีปากยิ้มขึ้นอย่างอ่อนใจ “สิ่งที่คุณพูดนั่นคือขณะที่ร่างกายยังไม่ขาดน้ำ มนุษย์ก็ยังจะสามารถคงดำรงชีพได้อยู่ แต่ถ้าเมื่อขาดน้ำเมื่อไร…..”
อีกทั้งเรือยังลอยลำอยู่กลางทะเลอย่างโคลงเคลง และด้านนอกอากาศอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ชีวิตที่เปราะบาง ไม่รู้ว่าจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่ ไม่อาจจะคาดเดาได้
เมื่อพูดเช่นนี้ สีหน้าของซูย้าวก็หม่นลง
สองมือของเธอกอดเข่ารัดไว้แน่น แววตาเศร้า พูดพึมพำเบาๆ “ฉันยังไม่ตายจริงๆ ถ้าฉันตายแล้วซีซีจะทำอย่างไร”
ลี่เฉินซีเลิกคิ้วแล้วกวาดสายตามองเธอ
“อย่างน้อยๆข้างกายเจิ้งเอ๋อยังมีคุณย่า แต่ว่าซีซี…..”
เธอไม่สามารถพูดต่อไปได้อีก ซีซีเดิมทีก็ไม่เหมือนกับเด็กทั่วไป ถ้าหากไม่มีแม่อีก โลกทั้งใบคงคล้ายจะถล่มทลาย แล้วเด็กคนนี้ควรจะทำอย่างไร
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เตียวเตียวประสบพบเจอ หัวใจซูย้าวก็สั่นแรงขึ้น เธอไม่ต้องให้ลูกสาวของตัวเองต้องเจอกับสถานการณ์เลวร้ายแบบนั้น!
“พูดเรื่องราวลูกสาวให้ผมฟังหน่อยสิ!” ลี่เฉินซีพิงอยู่ตรงนั้น หลับตาลงอย่างอ่อนล้า
ซูย้าวจ้องมองเขา พวกเขาทั้งคู่ต่างถูกขังอยู่ที่นี่ โอกาสรอดชีวิตมีเพียงน้อยนิด เลือนราง วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรไม่มีใครคาดเดาได้ พูดในเวลานี้ก็ดีเหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นลูกสาวของเขาด้วย คำพูดเหล่านี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องพูดอยู่ดี
เมื่อคิดหน้าคิดหลังแล้ว ซูย้าวก็เริ่มขยับปากขึ้น “คุณอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับซีซีล่ะ”
“ทำไมถึงตั้งชื่อว่าซีซี” เขาถาม
เธอยิ้มขึ้น “ตั้งมั่วๆน่ะ”
“……”
ลี่เฉินซีลืมตาขึ้นและจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่พอใจ ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าตั้งชื่อให้ลูกสาวตัวเองแบบมั่วๆ!
สักพัก ก็ได้ยินเธอพูดขึ้นอีก “เพราะตอนที่คลอดซีซีนั้น กำลังเป็นช่วงฟ้าสาง รุ่งอรุณแห่งท้องฟ้าที่กำลังจะสว่างขึ้น และมีแสงแพรวพราว ฉันรู้สึกเธอเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยๆที่กำลังจะมาอยู่ข้างๆฉัน ก็เลยตั้งชื่อนี้ขึ้น”
เขาพยักหน้า “แล้วชื่อจริงล่ะ”
“ยังไม่ได้ตั้ง”
“……”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว สนทนากับผู้หญิงคนนี้ บางทีก็รู้สึกหมดคำจะพูดจริงๆ ช่างเถอะ เขาครุ่นคิด แล้วก็ถามคำถามที่เขาอยากถามมาโดยตลอด แต่ไม่มีโอกาสได้ถาม
“ทำไมลูกสาวถึงไม่ยอมพูดยอมจาล่ะ”
เมื่อเอ่ยถึงคำถามนี้ สีหน้าซูย้าวชะงักขึ้นทันที
เมื่อเห็นสีหน้าที่ชะงักของเธอ เขาจึงพูดขึ้น “ถ้าไม่อยากพูดก็ช่างเหอะ!”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหากไม่พูดอีก เกรงว่าต่อไปคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ความจริงก็ไม่มีอะไร ซีซีนั้นสุขภาพแข็งแรงดีมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน ที่ลูกคนนี้จู่ๆเดินพลัดหลงไป”
ลี่เฉินซีสีหน้าตกใจ “เดินพลัดหลงรึ”
“เรื่องราวรายละเอียดนั้นฉันเองก็ไม่รู้ ว่าเดินพลัดหลงเองหรือว่าถูกคนอุ้มไป ทางตำรวจทำการค้นหาอยู่สองวันเต็ม ในที่สุดเจอเธออยู่ที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง ตั้งแต่วันนั้นมาซีซีก็ไม่พูดไม่จาอีกเลย”
ซูย้าวอยากจะเสาะหาความจริงเหมือนกันว่าสองวันที่ลูกสาวหายตัวไปเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น แล้วพบเจอกับอะไรมาบ้าง ตกใจจนช็อก หรือว่า….. ทำไมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาลูกคนนี้ถึงไม่พูดอีกเลย
“ทำการตรวจสอบด้วยวิธีต่างๆแล้ว สุขภาพร่างกายของซีซีนั้นแข็งแรงดีมาก คุณหมอสรุปออกมาว่า หากลูกไม่ยอมพูด จะก่อให้เกิดอุปสรรคทางใจ ถ้าต้องการจะขจัดออก ต้องใช้เวลาและการอยู่เป็นเพื่อนกับลูก” เธอกล่าว