เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 318
บทที่ 318 อนาคตคงได้เป็นแขกประจำ
ยังไม่ทันที่จะรอให้ซูย้าวนั่งพักผ่อนเมื่อโม่หว่านหว่านได้ยินชื่อ‘เตียวเตียว’หลุดออกมาจากปาดเธอ ความโกรธก็พุ่งออกมาทันที ดึงความขมขื่นทุกอย่างของเธอออกมา
ทุกๆประโยค ทุกๆเรื่องล้วนเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับเตียวเตียวทั้งนั้น
เมื่อคิดก็พอรู้ว่า เด็กอายุห้าขวบ จะเป็นปีศาจแค่ไหนเวลาที่ซูกซน ยามนอนหลับ ก็เหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยแต่เมื่อตื่นขึ้นมา รอบๆก็จะกลายเป็นปีศาจตัวน้อยทันที
เด็กนั้นไร้ความกังวล สิ่งที่เหนื่อยที่สุดก็คือการมานั่งเก็บทำความสะอาดให้มันเรียบร้อยของที่อยู่รอบตัวเด็กๆนั้น
โม่หว่านหว่านพูด “เพื่อที่ชดเชยตอนที่เธอไปต่างประเทศ ฉันจะขอลาหนึ่งอาทิตย์นะ ดูแลเด็กสองคนนี้ทั้งหมด ฉัน…ใกล้จะหมดแรงเต็มที”
ไม่ใช่ว่าโม่หว่านหว่านนั้นขี้เหนียวไม่ยอมจ้างพี่เลี้ยงเด็กแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเด็กสองคนนี้นั้นซนสุดไปเลย ซนจนพี่เลี้ยงเองก็ทนไม่ไหว ทำงานแค่วันถึงสองวันก็ขอลาออกแล้ว
เงินก็เท่ากัน ทำไมไม่ไปทำครอบครัวอื่นล่ะ?เผลอๆอาจจะเลี้ยงง่ายกว่าหลายเท่า
จากนั้น โม่หว่านหว่านก็ขอเพิ่มค่าตอบแทน แต่ก็ไม่มีใครยอมมาเลย เธอเลยหมดหนทาง ได้แต่ดูแลบรรพบุรุษตัวน้อยๆทั้งสองนี้ด้วยตัวเอง
เมื่อฟังสิ่งที่โม่หว่านหว่าน ซูย้าวก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอมองไปที่ซีซี “แล้วซีซีล่ะ?ซนบ้างไหม?”
“ซีซีทำตัวดีมากเลยค่ะ!จะไปเหมือนเด็กคนนั้นได้ยังไงกันคะ?”โม่หว่านหว่านนั้นรู้สึกเจ็บปวดแทนซีซีเป็นอย่างมาก เธอปฏิบัติกับซีซีราวกับว่าเป็นลูกในไส้
ซีซีกะพริบตาดวงโต เอียงศีรษะไปมองที่โม่หว่านหว่าน พร้อมกับแลบลิ้นออกมา ท่าทางน่ารักน่าชัง
“ซีซีของเราเชื่อฟังที่สุดเลยค่ะ น่ารักมาก!”โม่หว่านหว่านกอดซีซีด้วยความชอบ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูย้าวก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ
เธอเหลือบมองไปที่ห้องนอนและพูดว่า “เตียวเตียวอยู่ในห้องหรือเปล่า?ฉันจะเข้าไปดูสักหน่อย”
“เธอ…”
ไม่ทันรอให้โม่หว่านหว่านพูดจบ ซูย้าวลุกขึ้นเดินตรงไปชั้นบน
แน่นอนว่าพบร่างเล็กๆนั้นอยู่ในห้องด้านในสุด
เตียวเตียวนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับก้มหน้าก้มตา เขาได้ยินเสียงประตูบ้านเปิด รู้ว่าซูย้าวนั้นกลับมาแล้ว แต่ก็ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมา รอเธอเดินเข้ามาที่ด้านข้างของเขา จึงกระซิบออกไปว่า “ป้าครับ ป้าก็ไม่ต้องการผมเหมือนกันใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูย้าวก็ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้จะมาจากปากเด็กคนนี้ได้
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ?” เธอนั่งลง มองไปที่เด็กคนนั้น
เตียวเตียวยังคงก้มหน้า “เพราะว่าป้าหว่านหว่านบอกว่าผมซน และยังแกล้งซีซีอีกด้วย…”
“งั้นหนูทำแบบนั้นจริงๆเหรอจ๊ะ?” เธอถาม
เตียวเตียวเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง “ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้แกล้งน้อง!”
เมื่อมองไปที่การจ้องมองที่ไร้เดียงสาของเด็กคนนี้ น้ำตาที่ไหลออกมาในดวงตาสีดำกลมโต สิ่งนี้ทำให้ซูย้าวรู้สึกไม่สบายใจทันที รีบดึงเด็กคนนั้นเข้ามากอด พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า “น้าเชื่อหนูนะลูก”
เตียวเตียวนั้นรู้สึกประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อเลยสักนิด “น้าเชื่อผม?ทำไม?”
เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เด็กน้อย ซีซีเป็นลูกของป้านะ ทำไมป้าจะไม่รู้จักล่ะ?ช่วงเวลานี้ ทำให้หนูต้องลำบากเลยเดี๋ยวป้าจะซื้อของขวัญให้หนู”
ลงไปรอที่ห้องนั่งเล่น ไปแกะของขวัญกับน้องนะ
เตียวเตียวนั้นตกใจ “น้า ท่าน…..”
“วางใจได้เลย น้าเชื่อหนูนะ”
เด็กอายุไม่กี่ขวบ รู้จักโกหกได้ยังไงกัน?แม้ว่าประสบการณ์ของเตียวเตียวจะมากกว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน แต่สิ่งที่ยังเปลี่ยนไปไม่ได้เลยก็คือเขายังเป็นเด็ก!
สิ่งที่ทำได้ก็คือควรทำใจยอมรับด้วยใจที่กว้าง แม้ว่าเด็กจะทำอะไรผิดจริง ๆ แต่เขาก็ควรได้รับการให้อภัยและให้อภัย แทนที่ไม่ใช่พามากล่าวหาตำหนิในที่โจ่งแจ้งแบบนี้
สำหรับโม่หว่านหว่านนั้น ซูย้าวได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากจะพูดถึงมันในตอนนี้
พาเตียวเตียวออกมา ให้เขาไปห้องนั่งเล่นไปแกะของขวัญกับน้อง โม่หว่านหว่านก็รีบเดินเข้ามา ดึงมือเธอเข้าไปในห้องสมุด
“ฉันบอกเธอขนาดนั้นแล้ว เธอยังไม่โกรธสักนิดเลยเหรอ?”โม่หว่านหว่านปิดประตูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
ซูย้าวมองเธอด้วยความงงงวย “ฉันควรโกรธเหรอคะ?”
“เฮ้ ซีซีเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณนะ!ทำไมเด็กโดนแกล้งแล้วยังทนไหวอยู่อีก!”
ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “เตียวเตียวเองก็อายุห้าขวบเหมือนกัน เขาจะไปแกล้งซีซีได้ยังไงกัน?ตีจนเจ็บหรือตีจนร้องไห้กันล่ะ?”
โม่หว่านหว่านได้แต่เกาหัว “ดูเหมือนว่า…จะไม่มีสักอย่างเลย!”
แล้วทำไมซูย้าวต้องโกรธด้วยล่ะ?ทำไมต้องตำหนิเด็กอายุห้าขวบกัน?
“แต่ว่า…” โม่หว่านหว่านรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง “เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่เธอเอา รีบเอากลับไปส่งซะ! ชอบเอามาอยู่ที่นี้ เป็นอะไรกัน?”
เมื่อพูดเช่นนี้ สีหน้าของซูย้าวก็ดูไม่อดทนอีกต่อไป “ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก เรื่องของเตียวเตียว ไม่ใช่ว่าบอกไปแล้วว่าห้ามพูดหรือไง?ถ้าเด็กมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี!”
“ไม่สน เธอพาเด็กกลับมาบ้านเยอะแยะ แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีก พอโตขึ้น ถ้าทำอะไรไม่ดีกับซีซีขึ้นมาจะทำยังไง?”
ซูย้าวนั้นปาดเหงื่อ ไม่คิดเลยว่าโม่หว่านหว่านจะคิดไกลขนาดนี้
แต่หลังจากผ่านสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ โม่หว่านหว่านเองก็สถานที่ที่แปลกประหลาด จึงพูดว่า “เธอคิดว่ามันน่าแปลกไหม ทำไมฉันถึงชอบได้ยินเด็กสองคนนั้นคุยกันในห้อง แถมมีเสียงคุยกันอีก?คงไม่ใช่…”
“เสียงคุยกัน?” การแสดงออกของซูย้าวนั้นดูกระชับขึ้น
โม่หว่านหว่านพยักหน้า “ฉันมั่นใจว่าฟังไม่ผิด!มันคือเสียงของ ….”
“ซีซีพูดงั้นเหรอ?”ซูย้าวเดา
โม่หว่านหว่านแปลกใจ “กับเด็กป่าคนนี้? เด็กคนนี้….”
“ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เตียวเตียวก็อายุเท่ากับซีซี เป็นเด็กด้วยกันทั้งคู่ อาจจะมีภาษาเดียวกัน !ลองสังเกตไปสักพักก็แล้วกัน!”
โม่หว่านหว่านก้มหัวลง “ก็ทำได้แค่นี้ โรงเรียนอนุบาลที่ฉันแนะนำไป เธอคิดว่ายังไงบ้าง?”
“คุณกับโม่ป่ายก็รู้สึกโอเคทั้งคู่ ฉันเองก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก พาเด็กทั้งสองไปโรงเรียนเถอะ!”เธอพูด
โม่หว่านหว่านพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอนี่ใจกว้างจริง!โรงเรียนอนุบาลนั่นแพงมากเลยนะ!”
ซูย้าวพูด “อืม ฉัยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ตอนนี้เงินเดือนก็ค่อนข้างมากอยู่ ถ้าอนาคตไม่ได้ ก็ค่อยให้พ่อของซีซีช่วยจ่ายเพิ่มก็แล้วกัน!”
“ใช่ ควรจะให้ลี่เฉินซีช่วยออกค่าเลี้ยงดูบ้าง!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ โม่หว่านหว่านเองก็เด็ดเดี่ยวทันที เมื่อนานมาแล้ว เธอก็เคยให้ลี่เฉินซีมาจ่ายค่าเลี้ยงดูแทน แต่ซูย้าวก็ห้ามไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อีกอย่าง ไม่ต้องพูดเรื่องเตียวเตียวอีกแล้ว เด็กผู้ชาย การที่จะซูกซนหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ อีกอย่างซีซีเองก็ไม่ได้เป็นเด็กเงียบๆด้วย คุณแค่ไม่ได้สังเกต!” ซูย้าวพูด
โม่หว่านหว่านผงะ “ฉันไม่สังเกต?ฉันเป็นคนที่ดูซีซีโตขึ้นมานะ เด็กคนนี้เชื่อฟังมาก จะเป็นไปได้ยังไงกัน?”
แม้ว่าปากจะพูดแบบนี้ แต่พอมาลองคิดๆดูอย่างละเอียดแล้ว ดูเหมือนว่าก่อนที่จะมีเตียวเตียว เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้สามารถทำอันตรายต่อสิ่งต่างๆได้ เช่นกันการแยกชิ้นส่วนของเล่นภายในไม่กี่วัน
เธอคิดแล้วคิดอีก “ตอนเด็กๆเธอก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม?ภายนอกดูเงียบสงบ แต่ข้างในนั้นกลับมีความซูกซนซ่อนอยู่”
“………”
เมื่อเห็นซูย้าวไม่ได้พูดอะไร จึงพูดอีกว่า “งั้นก็คงเป็นลี่เฉินซี!ดูรูปร่างเขาตอนนี้สิ ดูก็รู้ว่าตอนเด็กจะซนมากแค่ไหนกัน!”
“……….”
ขณะที่ทั้งสองคุยกันอยู่ในห้อง ด้านนอกก็มีเสียงกดกริ่งดังเข้ามา
ในตอนนี้ ซูย้าวเป็นคนไปเปิดประตู
เมื่อเปิดประตูออกมา ก็พบลี่เฉินซีที่ยินอยู่ด้านนอกประตู สวมใส่สูทสีน้ำเงินเข้มทั้งตัว ทำให้ดูเป็นคนมีจิตใจที่ซื่อตรงและกล้าหาญน่าหลงใหล
เขาถือของมามากมาย มองไปที่เธอและพูดว่า “ผมมาหาลูกสาวผม ส่วนนี่ก็เป็นของที่ผมเอามาให้”
ซูย้าวขมวดคิ้ว “นายเพิ่งกลับมาเองไม่ใช่เหรอ?นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมไม่อยู่บ้านพักผ่อนไป?”
“การมาหาลูกสาวมันสำคัญกว่าน่ะสิ เขายิ้มอย่างรวดเร็ว เดินถือของมากมายนี้ผ่านตัวเธอเข้าไปข้างใน”
โม่หว่านหว่านที่เพิ่งลงมาชั้นล่างก็เห็นเข้า ถึงกับอุทานว่า “อั๊ยย่ะ ลมที่ไหนพัดมากันนี่ เป็นแขกที่หายากซะเหลือเกิน!”
“แขกที่หายาก ไม่แน่อนาคตอาจจะกลายมาเป็นแขกประจำก็ได้ ซีซีล่ะ?” เขาพูด เขาเดินวนไปวนมาในห้องนั่งเล่น เห็นแต่กองของเล่นบนโซฟา แต่ก็ไม่พบลูกสาวของเขาแต่อย่างใด