เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 326
หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งพุ่งเข้ามาราวกับสายลม และหักโค้งอย่างสวยงาม จากนั้นก็จอดลงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทสีอ่อน กับใบหน้าที่หล่อเหลา เปิดประตูรถแล้วเดินลงมา
ซูย้าวไม่จำเป็นต้องหันไปมองด้วยซ้ำ การปรากฏตัวแบบนี้ รถหรูแบบนี้ นอกจากลี่เฉินซีแล้ว ยังจะมีใครอีก
เขาเดินเข้ามา มองดูซูย้าวทีหนึ่ง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา “บังเอิญจังเลยนะ เธอมารับ……”
ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายซูย้าว
เสี้ยววินาทีนั้น สายตาของเขาก็หยุดชะงัก และใบหน้าอันหล่อเหลาก็มีประกายอันซับซ้อนวาบผ่าน
ซีซีเงยหน้ามองดูเขา ดูไม่ค่อยคุ้นเคย เลยถอยไปหลบข้างหลังซูย้าว
ลี่เฉินซีมองดูเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นลูกสาวตรงๆ เมื่อก่อนนั้นได้แต่ส่งคนไปแอบถ่ายรูปมาให้ ถึงแม้จะทำให้รู้จักลูกสาวได้อยู่ไม่มากก็น้อย แต่อย่างไรก็เป็นเพียงแค่รูปถ่าย มันไม่เหมือนของจริง
เธอมองเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้า ตัวน้อยๆ ผิวที่ขาวนวล ผมสีดำเข้มยาวสลวย ผมหน้าม้าที่ตรงเรียบ ดวงตาอันกระจ่างใส ขนตายาวสั่นระริกเล็กน้อย กำลังมองตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกหน้า ทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเด็กน้อยไปชั่วขณะ
คุณครูโรงเรียนอนุบาลที่เห็นฉากนี้เข้า ก็ถึงกับชะงักไป รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ซูย้าวที่อยู่ข้างๆสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
ดูออกว่าเขากำลังช๊อคและตื่นเต้น และเดาได้ว่าในใจของเขากำลังสับสน เธอเลยรีบเปิดปากขึ้น เพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนั่น “ประธานลี่ คุณมารับ……ชาร์ลีเหรอ ?”
ลี่เฉินซีได้สติกลับมา เลยหันไปมองชาร์ลีตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆคุณครู ก่อนพยักหน้า “ใช่ วันนี้ฉ่ายหลิงมีธุระ เลยมารับไม่ได้”
ขณะพูด ก็ยื่นมือไปหาชาร์ลี “มา ชาร์ลี มาหาคุณลุง”
ชาร์ลีรู้จักลี่เฉินซีอยู่แล้ว
เด็กน้อยถูกรับตัวกลับมาจากอเมริกาตอนอายุสามขวบ หานฉ่ายหลิงพาเด็กน้อยไปที่บ้านตระกูลลี่บ่อยๆ เพื่อให้ลี่เจิ้งกับชาร์ลีได้สนิทสนมกัน และด้วยความที่เป็นเด็กๆเหมือนกัน ดังนั้นลี่เฉินซีก็เลยไม่มีความคิดเห็นใดๆ
“คุณลุงลี่” ชาร์ลีเรียกเขาอย่างว่าง่าย แล้วเดินไปข้างๆเขา
คุณครูยืนยิ้มอยู่ข้างๆ “ชาร์ลี กลับบ้านกับคุณลุงนะ ! แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
“ลาก่อนครับคุณครู” เด็กๆทั้งหลายต่างก็ทยอยกันกล่าวลา
มีเพียงซีซี ที่หลบอยู่ข้างๆซูย้าวเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
พอเห็นคุณครู่ที่เดินกลับเข้าไปในโรงเรียนอนุบาล ซีซีก็ขยับตัว ดึงมือของเตียวเตียว แล้ววิ่งไปขึ้นรถของซูย้าวอย่างรวดเร็ว
ท่าทางแบบนั้น ทำเหมือนลี่เฉินซีเป็นตัวเชื้อโรคที่ต้องวิ่งหนีไปไกลๆ สามารถอ่านได้จากแววตาว่านอกจากความไม่คุ้นเคยแล้ว ที่มีมากกว่านั้นก็คือความตื่นตระหนก และหวาดกลัว
เขามองดูลูกสาว แล้วถอนหายใจอย่างหดหู่
“ชาร์ลี ขึ้นไปรอลุงบนรถก่อน โอเคไหม ?” ลี่เฉินซีพูดขึ้น
ชาร์ลีพยักหน้าเบาๆ แล้วปีนขึ้นรถไปอย่างว่าง่าย
พอเขาหันกลับมา ซูย้าวก็พูดว่า “ซีซีเป็นแบบนี้ตลอดแหละ ไม่ใช่แค่กับคุณ กับฉันเธอก็ไม่พูดด้วย”
“สถานการณ์แบบนี้ ดำเนินมาตลอดสองปีแล้วเหรอ ?” เขาถาม
เธอไม่พูดอะไร แต่กลับถอนหายใจออกมา เหมือนเป็นการตอบคำถามทั้งหมดแล้ว
ดูท่าว่า สถานการณ์ของลูกสาวจะหนักหนากว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
“เดี๋ยวฉันกลับไปค่อยๆคุยกับลูกเอง รอให้เขาสนิทสนมกับคุณขึ้นอีกหน่อย ฉันจะให้คุณกับซีซีได้ใช้เวลาร่วมกันเอง” เธอกล่าว
สายตาที่ลี่เฉินซีมองเธอ เต็มไปด้วยความขอบคุณ
แต่เพียงครู่เดียว เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เลยพูดอีกว่า “เมื่อกี้ฉันเห็นข้างๆซีซี ยังมีเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง ฉันจำได้ว่าเหมือนเขาจะชื่อเตียวเตียวสินะ ?”
ซูย้าวตกใจ “ใช่ คุณรู้จักเขาด้วยเหรอ ?”
“เจอกันโดยบังเอิญน่ะ ตอนนั้นเด็กคนนั้นทั่วตัวเต็มไปด้วยแผลไฟไหม้ ฉันก็เลยส่งเขาไปที่โรงพยาบาล แต่พอเขาตื่นขึ้นมาก็หายตัวไปเลย หาอยู่ตั้งนานก็หาตัวไม่เจอ ทำไมถึงมาอยู่กับซีซีได้ล่ะ ?” ลี่เฉินซีถาม
เธอยิ้มออกมา “อาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้ ! ตอนที่ฉันเจอเขา อาจจะเป็นตอนที่เขากำลังวิ่งออกมาจากโรงพยาบาลก็ได้ บาดแผลเต็มตัวเลย”
ขณะพูด เธอก็เอียงตัวเล็กน้อย หันไปมองเด็กสองคนที่อยู่บนรถของเธอ แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ฉันตรวจสอบประวัติของเด็กคนนี้แล้ว เขาเป็นเด็กกำพร้า ถูกอุปการะอยู่หลายครั้ง แถมยังถูกกระทำทารุณอยู่ไม่น้อย ฉันเห็นแล้วสงสาร แล้วพอดีกับที่เขากับซีซีเองก็เข้ากันได้ดี ก็เลยรับอุปการะไว้ชั่วคราวน่ะ”
ลี่เฉินซีเข้าใจได้พอประมาณแล้ว แล้วก็ครุ่นคิดอยู่สักพัก “ถ้าเธอรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็โอเคแล้ว”
“ฉันรู้สึกว่าเด็กคนนี้เฉลียวฉลาดแถมยังร่าเริง หน้าตาก็ดูดี ฉันคิดว่าถ้าซีซีไม่มีปัญหาอะไร ก็มีแผนจะรับอุปการะอย่างเป็นทางการ”
เธอได้มอบหมายให้หลินเวยไปเตรียมการเอาไว้แล้ว
เขาเองก็ไม่ได้มีความคิดเห็นอะไร “ก็ได้นะ ฉันว่าเด็กคนนี้ก็อายุพอๆกับซีซีเลย……”
“อืม ห้าขวบทั้งคู่ แต่ว่าเตียวเตียวชอบที่จะเป็นพี่ชายมากกว่า ฉันก็เลยให้ซีซีเป็นน้องสาวไปแล้ว” เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม
สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ตอนที่ลี่เฉินซีมองไปทางเด็กทั้งสองคนที่อยู่ในรถ โดยเฉพาะเตียวเตียว กลับมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมา
ไม่ใช่ความเห็นใจ
แต่เป็น……
ความสงสาร !
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน พอเห็นเตียวเตียวซ่อนอยู่ตรงที่จอดรถใต้ดินแล้วกินเค้กอย่างมูมมามแล้ว เสี้ยววินาทีนั้น เขานอกจากจะตกใจแล้ว ที่มากกว่านั้นก็คือรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
น่าแปลกมาก เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนแท้ๆ และทุกปีเขาก็ทำบุญอยู่ไม่น้อย ตามหลักแล้วมันไม่ควรเป็นแบบนี้ แต่ทำไมถึงได้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดแบบนี้กับเด็กคนนี้กัน ?
อาจจะเป็นเพราะว่าอายุเริ่มมากแล้ว ก็เลยเกิดความรู้สึกเห็นใจเรี่ยราดขึ้นมามั้ง !
แต่ว่า อายุสามสิบกว่า ถือว่าแก่แล้วเหรอ ?
ตอนที่จากกัน ซูย้าวมองดูเด็กชายที่นั่งอยู่บนรถโรลส์รอยซ์ แววตาอ้อยอิ่งเล็กน้อย ขณะเดินผ่านก็เผลอก้าวเท้าไม่ออก
ชาร์ลีเองก็เอียงคอมองเขา “คุณป้าครับ ?”
คุณป้าคำนั้น และน้ำเสียงเล็กๆนั่น ยิ่งเหมือนน้ำแร่ที่ทำให้หัวใจของเธอหลอมละลาย
“ชาร์ลี ป้าขอกอดเธอหน่อยได้ไหมคะ ?” จู่ๆเธอก็พูดขึ้น
คำขอนั้น ทำเอาขนาดลี่เฉินซีก็ถึงกับอึ้งไปเลย
แต่ชาร์ลีกลับไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไร แล้วเด็กน้อยก็หน้าตาดีด้วย ไม่ว่าไปไหนก็ต้องมีคนรักเป็นธรรมดา ดังนั้นเขาก็เลยอ้าแขนอย่างดีใจ “ครับ คุณป้ากอดๆ !”
ซูย้าวดึงเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอดทันที กอดไว้แน่น สูดกลิ่นหอมของน้ำยาสักผ้าอ่อนๆบนตัวเด็กน้อย พร้อมปิดเปลือกตาด้วยความเจ็บปวด
เด็กคนนี้ อาจจะเป็นเด็กที่เธอคลอดออกมาเมื่อปีนั้น แล้วถูกคนอุ้มหายไปทันที เป็นพี่ชายแท้ๆของซีซี
ต้องเฝ้ามองดูเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆของตัวเอง แต่กลับไม่สามารถทำความรู้จักกันได้ ต้องคอยเฝ้าฟังเด็กน้อยเรียกตัวเองว่าคุณป้าคำแล้วคำเล่า ความรู้สึกแบบนั้น คิดภาพออกหรือเปล่า ?
ที่สำคัญก็คือ เธอไม่ได้เลี้ยงดูเด็กน้อยด้วยตัวเอง ไม่ได้คอยอยู่เคียงข้างเขาทุกที่ทุกเวลา ไม่สามารถคอยดูแลเอาใจใส่อย่างดี ในฐานะของแม่แล้ว นี่เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต และเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้
หลายครั้งหลายครา ที่ซูย้าวต้องตื่นขึ้นมาจากความฝัน แล้วคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องในโรงพยาบาลเมื่อตอนนั้น นอนอยู่บนเตียงทำคลอด มองดูพยาบาลอุ้มเด็กน้อยอยู่สองคน เธอเกลียดตัวเองมาก ทำไมถึงไม่เข้มแข็งให้มากกว่านั้น แล้วส่งมอบเด็กทั้งสองคนให้ถึงมือของโม่หว่านหว่านกัน ? ทำไมถึงไม่ปกป้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองให้ดี……
ไม่ว่าจะโทษตัวเองมากแค่ไหน ก็เป็นได้แค่ความโกรธแค้นที่เงียบงันอยู่ภายในใจเท่านั้น
ไม่ว่าใครก็รู้ คนท้องที่เพิ่งทำคลอดลูกนั้น จะมีแรงไปปกป้องลูกได้อย่างไร ? เธอไม่ได้มีความผิด ความผิดอยู่กับคนที่วางแผนลักพาตัวเด็กไป !
ถ้าหากคนคนนั้นคือหานฉ่ายหลิงจริงๆ ถ้าอย่างนั้น เธอก็จะไม่มีวันปล่อยหล่อนไปแน่ !
ซูย้าวกอดชาร์ลีเอาไว้ จิตใจสับสนวุ่นวาย เลยไม่ทันได้รู้ตัว จนกระทั่งลี่เฉินซีเดินมาใกล้ๆเธอ แล้วส่งเสียงขึ้น “ซูย้าว ?”
เธอสะดุ้งและได้สติขึ้นมาทันที เลยรู้ว่าตัวเองเผลอใจลอย เลยรีบปล่อยตัวชาร์ลีที่อยู่ในอ้อมกอดออกมา “ขอโทษนะ คุณป้าทำให้เธอเจ็บตัวใช่ไหม ?”
เด็กน้อยส่ายหน้า มือน้อยๆลูบใบหน้าของเธอเบาๆ “คุณป้าสวยมากเลยครับ นอกจากแม่ของผมแล้ว คุณป้าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมาเลยครับ !”
พอสิ้นเสียง ในรถอีกคันหนึ่ง เตียวเตียวก็ยื่นศีรษะน้อยๆออกมานอกกระจกรถ “พูดไปเรื่อย คุณป้าต่างหากที่สวยที่สุด !”
ไม่ว่าเด็กคนไหนก็ต้องพูดว่าแม่ตัวเองสวยที่สุดกันทั้งนั้น
และนี่คือความจริงที่ยั่งยืนไม่เปลี่ยนแปลง
ในสายตาของเด็กๆ มารดาคือสิ่งที่สวยงามที่สุด และดีงามที่สุด
ซูย้าวหลุดขำออกมา แล้วส่งชาร์ลีกลับเข้าไปในรถ พร้อมพูดว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว รีบกลับบ้านกับคุณลุงเถอะ !”
พอปิดประตูรถแล้ว เธอก็กำลังเดินจากไป แต่ลี่เฉินซีกลับจับมือเธอเอาไว้ พร้อมมองเธอด้วยแววตาขุ่นมัว ก่อนจะถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก “เธอไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม ?