เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 327
ซูย้าวมองตาเขา สีดำแวววาว ล้ำลึกจนน่าตกใจ จนอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา ในขณะที่หันหลังเดินขึ้นรถไป ก็พูดออกมาด้วยว่า “ฉันจะเป็นอะไรได้ ? คุณกังวลไปเองต่างหาก !”
มองดูเงาของรถที่แล่นผ่านข้างตัวไป สายตาของลี่เฉินซีก็สับสนวุ่นวาย
เขาไม่ได้ตรงไปส่งชาร์ลีที่บ้าน แต่ไปที่โรงพยาบาลเซ็นเดอร์แทน
เด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจขึ้น “คุณลุงครับ เส้นทางไม่ถูกต้อง ต้องไปทางทิศตะวันออก”ครับ”
เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ “เป็นเด็กเป็นเล็ก จำเส้นทางได้แล้วเหรอ ?”
“เคยแม่เคยบอกไว้ ต้องจำทางกลับบ้านให้ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกคนไม่ดีลักพาตัวไปจะแย่เอา !” ท่าทางของชาร์ลีนั้นจริงจังมาก
แต่ลี่เฉินซีกลับยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง และในหัวก็อดคิดถึงลี่เจิ้งไม่ได้ ตอนที่อายุประมาณนี้ เขาก็ฉลาดมากเช่นกัน อย่าว่าแต่ทางกลับบ้านเลย ขนาดทางไปบริษัท หรือสาขาย่อยของบริษัท ไปร้านอาหารที่ชอบ ก็จำเส้นทางได้หมด ในสมองเล็กๆจดจำเส้นทางได้ดีกว่าGPSเสียอีก
พอมามองเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆตอนนี้แล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า “นายเห็นลุงเหมือนคนไม่ดีเหรอ ?”
“ไม่เหมือนครับ คุณแม่เชื่อใจคุณมาก แต่ผมรู้สึกว่า คนเราไม่ควรประมาท” ชาร์ลีกล่าว
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว ต้องบอกเลยว่า เจ้าหนูชาร์ลีคนนี้ ฉลาดมากจริงๆ
พอมาลองคิดดูให้ดีแล้ว ว่ากันว่ายีนพันธุกรรมนั้นแข็งแกร่งมาก จากตัวเด็กคนนี้ เขามองเห็นได้ว่า ไม่ได้เหมือนอย่างที่หานฉ่ายหลิงบอกเลย เป็นเด็กที่เกิดจากการถูกข่มขืนตอนถูกจับไปเรียกค่าไถ่ เพราะว่าพวกโจรเรียกค่าไถ่ที่โดนจับนั้น แต่ละคน ไม่สามารถหาเงาของพวกโจรได้จากตัวของเด็กคนนี้เลย……
แต่กลับกัน กลับคล้ายกับตัวเองอยู่เล็กน้อย
ถ้าให้พูดจริงๆ หากลองคิดไปทางประเด็นนั้นเล็กน้อยแล้ว เด็กคนนี้ก็ดูจะคล้ายกับเจิ้งเอ๋อตอนเด็ก โดยเฉพาะส่วนคิ้ว……
แต่ว่าลี่เฉินซีกลับหัวเราะออกมาเบาๆอีกครั้ง เป็นไปไม่ได้หรอก เขากับหานฉ่ายหลิง ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
อาจจะเป็นเพราะคิดถึงเจิ้งเอ๋อมากเกินไปแล้วมั้ง !
ในขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ในหัว กลับได้ยินเสียงเล็กๆของชาร์ลีดังขึ้นข้างๆหู “คุณลุงครับ ทิศทางไม่ถูกต้องครับ !”
ลี่เฉินซีหันไปมองเขา “ฉันจะพานายไปหาคุณแม่นาย ดังนั้นพวกเรายังจะไม่กลับบ้าน นี่เป็นคำสั่งของแม่นายนะ”
“เหรอครับ ? งั้นทางไปบริษัทก็ไม่ใช่ทางนี้นี่ครับ” ชาร์ลีกล่าว
ท่าทางแบบนั้น ดูคล้ายจะเห็นลี่เฉินซีเป็นคนไม่ดีจริงๆ ดูระมัดระวังเป็นพิเศษ
เขาเลยต้องอธิบายอย่างเสียไม่ได้ “คุณแม่ของนายอยู่โรงพยาบาล ดังนั้นพวกเราไม่ได้จะไปบริษัท เด็กดี เดี๋ยวพอไปถึงแล้วนายก็รู้เอง”
ชาร์ลีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แววตาทั้งประหลาดใจและสงสัยเล็กน้อย
พอถึงโรงพยาบาล ก็ขึ้นไปข้างบนทันที
เพียงไม่นานก็เจอกับพ่อหานที่เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยพอดี ชาร์ลีรีบวิ่งเข้าไปหา พร้อมกับเอ่ยเรียก “คุณตา !”
เท้าของพ่อหานหยุดชะงักไป เขาโน้มตัวลงมาอุ้มชาร์ลี “หลานรักของฉันมาแล้วเหรอ !”
“ทำไมคุณตาถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลล่ะครับ คุณแม่ผมล่ะ ?” ชาร์ลีถามขึ้นทันที
พ่อหานมองดูหลานชายแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณแม่อยู่ในห้อง”
ขณะพูด ก็วางตัวชาร์ลีลง แล้วผลักประตูห้องผู้ป่วย
มองดูเด็กน้อยวิ่งเข้าไป พ่อหานก็ปลีกตัวออกมาคุยกับลี่เฉินซี “ครั้งนี้หานฉ่ายหลิงไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร เมื่อกี้คุณหมอเพิ่งมาบอก อีกสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
“แต่กระดูกขาหัก ก็ต้องนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงดีๆ ช่วงนี้อย่าเพิ่งให้เธอไปบริษัทเลยครับ ถ้าทางนั้นมีเรื่องอะไร ก็บอกกับผม ผมจะไปจัดการให้เอง” ลี่เฉินซีกล่าว
พ่อหานยิ้มเพื่อแสดงความขอบคุณ “เฉินซี หลายปีมานี้ ธุรกิจของบริษัทHSนายเป็นคนช่วยจัดการให้ทั้งนั้น ลุงขอบใจนายมากนะ”
“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ฉ่ายหลิงก็ช่วยผมดูแลเจิ้งเอ๋อมาตลอด ครั้งนี้ก็เป็นเพราะช่วยแม่ผมเอาไว้เลยกลายเป็นแบบนี้ !”
ลี่เฉินซีเป็นคนรู้จักแบ่งแยกบุญคุณความแค้นเป็นอย่างดี ขอแค่มีบุญคุณต่อเขาและคนรอบตัว เขาก็สำนึกขอบคุณ และหาทางตอบแทน แต่ถ้ากลับกันก็คงพอจะนึกภาพออก
แต่พ่อหานกลับพูดว่า “อย่าพูดแบบนั้นเลย ฉ่ายหลิงเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน บวกกับที่คุณป้าเจี่ยงคอยดูแลเธออย่างดีมาตลอดหลายปี ในสถานการณ์แบบนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องทำแบบนั้นแน่ นี่เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์”
“ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง เรื่องในครั้งนี้ ผมก็จะจดจำไว้ในใจ ต่อไปไม่ว่าบริษัทHSหรือว่าคุณกับฉ่ายหลิง ไม่ว่ามีเรื่องอะไรผมก็จะรับผิดชอบให้ถึงที่สุดเองครับ” เขาเป็นคนพูดจริงทำจริง ถ้าพูดถึงขนาดนี้ได้ มีคนมากมายแค่ไหนที่ไม่อาจเอื้อมถึง
บทสนทนาของทั้งสองคนสิ้นสุดตรงนี้ พ่อหานจะลงไปซื้อของที่ชั้นล่าง ลี่เฉินซีเลยเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ชาร์ลีนั่งอยู่บนเตียง พิงอยู่บนอกของหานฉ่ายหลิง เด็กน้อยมองดูเธออย่างน่าสงสาร “คุณแม่ ขาเจ็บมากไหมครับ ?”
“ไม่เจ็บแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” หานฉ่ายหลิงยิ้มออกมา พลางลูบหัวเล็กๆของลูกชาย
ลี่เฉินซีนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ “ชาร์ลีหิวไหม ? เดี๋ยวคุณลุงพาไปหาอะไรกินเอาไหม ?”
“ผมอยากกินกับคุณแม่ครับ” ชาร์ลีกล่าว
“งั้นก็ได้ ! เดี๋ยวลุงไปสั่งอาหารให้พวกเธอ โอเคไหม ?” ลี่เฉินซีมีความอดทนต่อเด็กมาก อาจจะด้วยความที่เป็นพ่อคนด้วย ! เลยมักจะเผยความรักของความเป็นพ่อออกมา
จากนั้น เขาก็ถามหานฉ่ายหลิงว่าอยากกินอะไร
เธอมองเขาด้วยแววตาลึกซึ้ง “ฉันไม่ค่อยอยากอาหารเลย”
“งั้นฉันให้แม่บ้านที่บ้านเตรียมพวกโจ๊กมาให้แล้วกัน !” ขณะที่ลี่เฉินซีพูด ก็ลุกขึ้นแล้วออกไปโทรศัพท์
พอกลับมาอีกครั้ง เขาก็บอกว่า “อีกเดี๋ยวแม่บ้านก็มา ฉ่ายหลิง เธอพักผ่อนให้ดีนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาเยี่ยมเธอใหม่”
“เฉินซี นายจะกลับแล้วเหรอ ?” หานฉ่ายหลิงหดหู่เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอาลัยอาวรณ์
แต่เขากลับยืนอยู่ข้างเตียง สายตาจับจ้องอยู่ที่เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ มือใหญ่ลูบศีรษะน้อยๆของชาร์ลี “ฉันจะไปบริษัท ทางนั้นมีงานบางอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย”
มองดูแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินจากไปอย่างเย็นชา หัวใจของเธอก็หล่นตุ๊บทันที
ลี่เฉินซีเพิ่งจะก้าวเท้าออกไป วินาทีต่อมาเธอก็ดันตัวเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดออกไปทันที แล้วพูดอย่างรำคาญใจว่า “ไป ไปเล่นทางนั้นเลย !”
“คุณแม่ครับ !” มือน้อยๆของชาร์ลีดึงชายเสื้อเธอไว้ ดวงตาดำวาวจ้องมองเธออย่างอ้อนวอน
แต่หานฉ่ายหลิงกลับทำสีหน้ารำคาญใจ แล้วพูดเพียงว่า “ฉันเหนื่อยมากแล้ว นายไปเล่นทางนั้นไป !”
ชาร์ลีก้มหน้าลง ท่าทางดูหดหู่มาก
“ทำท่าทางอะไรของนาย ?” แต่หานฉ่ายหลิงกลับไม่แยแส แถมบีบแก้มของเด็กน้อย ไม่ได้แรงมากนัก “ฉันบอกนายแล้ว แม่เหนื่อยมาก นายเป็นแค่เด็ก ผู้ใหญ่บอกให้ทำอะไรนายก็ทำไปเถอะ อย่าเอาแต่มาคอยกวนใจฉัน !”
“……”
ชาร์ลีมองดูเธอ แทบจะหมดคำพูด
แต่เด็กน้อยก็ยังคงไม่ออกไปจากห้องผู้ป่วย แถมยังหยิบรูปวาดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า บนนั้นวาดภาพอะไรบางอย่าง มือขาวอวบชูสูงขึ้น ยื่นไปตรงหน้าหานฉ่ายหลิง “คุณแม่ ดูสิครับ นี่เป็นคุณแม่ที่ผมวาด คุณครูยังชมเลยนะครับ !”
“เหรอ ? นายวาดฉันเหรอ ?” เธอยิ้มอย่างแปลกประหลาดเล็กน้อย
เหลือบมองเพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้น ก็ทำให้หานฉ่ายหลิงโมโหเป็นอย่างมาก
เธอรีบแย่งรูปวาดมาจากมือของเด็กน้อย ขยำจนเป็นก้อน แล้วโยนทิ้งบนพื้น “นายกล้าวาดฉันออกมาน่าเกลียดขนาดนี้เลยเหรอ ? ให้ตายสิ ! นายจะทำให้ฉันโมโหจนตายเลยใช่ไหม !”
ชาร์ลีรีบวิ่งลงจากเตียงทันที แล้วเก็บรูปวาดขึ้นมาจากพื้น แล้วคลี่ออกมาดู “ไม่นี่ครับ คุณครูยังชมเลยว่าผมวาดคุณแม่ออกมาสวยมาก !”
“นั่นมันเยาะเย้ยต่างหาก ! แค่พูดเสียดสี ฉันโตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่น่าเกลียดขนาดนั้นมาก่อนเลย ! นายเอาไปเปรียบกับครูของนายยังจะดีกว่าอีก !”
“แต่ว่า……”
ชาร์ลียังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับถูกหานฉ่ายหลิงขัดจังหวะเสียก่อน “เอาเถอะ นายออกไปเล่นข้างนอกไป ! อย่ามากวนฉันอีก !”
เด็กน้อยเบ้ปากอย่างหดหู่ ทำสีหน้าไม่พอใจ
พอดีกับที่ตอนนี้พ่อหานซื้อของเสร็จกลับมาพอดี พอเข้ามาก็เห็นชาร์ลียืนอยู่ตรงนั้น ในมือถือภาพวาดที่ยับยู่ยี่ ท่าทางหดหู่และขอบตาแดงก่ำ
พอเห็นคุณตา ชาร์ลีก็รีบพุ่งเข้าไปในอกของชายชราทันที “คุณตา คุณแม่ว่าผม !”
พ่อหานรีบอุ้มหลานชายขึ้นมาด้วยความสงสาร จากนั้นก็มองดูลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉ่ายหลิง ลูก……”
“หนูอะไรอีก ? ในเมื่อคุณพ่อกลับมาพอดี ก็พาเด็กออกไปเถอะ ! หนูจะนอนสักหน่อย” ขณะที่เธอพูด ก็พลิกตัว แล้วมุดเข้าไปในผ้าห่ม
พ่อหานขมวดคิ้ว มองดูเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด และไม่ได้พูดอะไรอีก