เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 335
ห้องทำงานที่กว้างขวาง แต่เพราะการเผชิญหน้ากันระหว่างแม่ลูก บรรยากาศจึงแย่ลงในทันที กลิ่นของความตึงเครียด แพร่ไปทั่วทุกด้าน ภายในห้องทำงานที่อบอุ่นจึงเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
“นี่คือความหมายที่แม่บอกให้ผมรู้งั้นเหรอ?” ลี่เฉินซีถามกลับ แววตาที่เย็นชาเปล่งแสงความอึมครึมเย็นยะเยือกออกมา
เขาอยากจะเชื่อฟังเจี่ยงเวินอี๋ เพียงแต่ปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องความรักการแต่งงานของตนเอง ลี่เฉินซีไม่อนุญาตให้ใครเข้ามายุ่มย่าม นี่เป็นขอบเขตของเขา
ตอนแรก เนื่องจากพินัยกรรมหลังจากที่คุณย่าเสียชีวิต เขาจึงจำเป็นต้องแต่งงานกับซูย้าว แม้ว่าจะต้องทำลายขอบเขตของตนเอง แต่ก็มีเหตุผล
แต่ในครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อย่างเด็ดขาด
“ถ้าแกรู้สึกว่าเป็นการบอกให้รู้ นั่นก็คือการบอกให้รู้ แต่ แม่ยังหวังว่าแกจะยอมรับด้วยความยินดี!” เจี่ยงเวินอี๋น้ำเสียงเย็นชา เธอกำลังมองลูกชาย แล้วพูดขึ้นอีก “ฉ่ายหลิงไม่ใช่ผู้หญิงที่แกรักที่สุดมาโดยตลอดหรือไง? หลายปีแล้ว ที่เธออยู่ข้างแกเสมอมา นี่ยังไม่เพียงพอที่จะแสดงให้รู้ถึงความผูกพันที่เธอมีต่อแกอีกงั้นเหรอ?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแน่น “ความผูกพันไม่ใช่ความรู้สึกรัก ไม่ใช่ความรู้สึกทั้งหมดของความรัก ที่จะสามารถเรียกได้ว่ามันคือความรัก”
แล้วก็ไม่ใช่ความรักทั้งหมด ที่จะสามารถเคียงคู่กันตลอดไป แต่งงานมีลูกเป็นไปตามธรรมชาติอย่างราบรื่น
“เฉินซี นี่แกยังไม่เข้าใจจริงๆใช่ไหม? ฐานะของแก ฐานะทางสังคมของพวกเราตระกูลลี่ แกยังคาดหวังที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่แกรักเพื่อมาเป็นภรรยาอีกงั้นเหรอ อยากจะรักใคร่มีความสุขครองคู่กันไปอย่างนั้นใช่ไหม?”
ในทันที ใบหน้าที่หล่อเหลาอึมครึมของลี่เฉินซี ก็มีความดุร้ายเย็นชาค่อยๆแพร่ขึ้นมาบนโครงหน้าที่คมชัด
“ตอนนี้ชายหญิงมากมาย เลือกคู่ครองที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คนที่รักที่สุดกันทั้งนั้น แค่ความเหมาะสม ใช้ชีวิตไปด้วยกันได้ก็พอ! คนอื่นทำได้ ทำไมแกถึงไม่ได้?” เจี่ยงเวินอี๋กำลังโน้มน้าวอย่างใจเย็น อันที่จริงก็เป็นลูกชายของตนเอง เธอก็ไม่หวังให้เรื่องนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกตึงเครียดเกินไปเช่นกัน
จู่ๆลี่เฉินซีก็รู้สึกว่าอยากจะเงยหน้าหัวเราะดังๆให้กับเรื่องเหลวไหลพวกนี้ แต่เขาต้องอดกลั้นเอาไว้ มองแม่ พูดอย่างเย็นชา “คนอื่นก็คือคนอื่น นี่ในใจของแม่ ผมเป็นคนอื่นใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะ มีลูกชายอย่างแก แม่รู้สึกเป็นเกียรติมาก แล้วก็เป็นความภูมิใจของแม่ด้วย แต่เรื่องการแต่งงาน จะช้าจะเร็วแกก็ต้องจัดการอยู่ดี!”
เขาขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด หยิบบุหรี่ขึ้นมาด้วยความวุ่นวายใจ วางไว้ที่ข้างปากแล้วจุดไฟ พูดขึ้นอีกครั้ง “บริษัทลี่ซื่อมีทายาทแล้วไม่ใช่เหรอ? ถึงตอนนี้ลี่เจิ้งจะหมดสติ แต่ก็ต้องมีวันที่ฟื้นขึ้นมา อีกอย่าง แม่ก็มีหลานสาว ซีซีก็รับช่วงต่อมรดกของบริษัทลี่ซื่อได้เหมือนกัน!”
“ได้ อย่างนี้ก็ได้ แต่ ถ้าครั้งนี้ไม่มีฉ่ายหลิง เป็นไปได้มากว่าเจิ้งเอ๋อจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด! บุญคุณที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แกคิดจะชดใช้ยังไง?”
สรุปแล้ว นี่สินะที่เป็นสาเหตุทำให้ท่าทีของเจี่ยงเวินอี๋เปลี่ยนไปมาก
สุดท้าย เธอเพียงแค่อยากจะตอบแทนบุญคุณของหานฉ่ายหลิง ที่ได้ช่วยชีวิตถึงสองครั้งติดต่อกัน
“แม่อยากจะตอบแทนบุญคุณ แต่มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดถึงเรื่องการแต่งงานของผม ไม่ว่าจะยังไง งานแถลงข่าวนี้ ผมไม่ร่วมมือด้วย ปัญหาที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ผมก็ไม่ยอมรับ!”
ท่าทางลี่เฉินซีแน่วแน่ เขาเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด อยากจะให้เขาทำลายขอบเขต อย่าคิดเลย!
เจี่ยงเวินอี๋โมโหจนใจสั่น ลุกขึ้นต่อว่าอย่างรุนแรง
“แก……ตอนแรกแกยังยอมแต่งงานกับยัยใบ้เพราะพินัยกรรมของนายหญิงใหญ่ ทำไมตอนนี้ถึงไม่ทำเพื่อแม่กับเจิ้งเอ๋อ ยอมแต่งงานกับฉ่ายหลิงล่ะ?”
เหมือนกับปัญหาเลยเถิดไปมากแล้ว ยังพัวพันไปถึงซูย้าวอีก
ลี่เฉินซียิ้มอย่างเย็นชา ใบหน้าที่เด็ดขาด มีความดุดันปะทุออกมา “ตอนแรกก็คือตอนแรก ไม่เหมือนกับตอนนี้อยู่แล้ว!”
“จะไม่เหมือนกันได้ยังไง? ตอนแรกแกก็แต่งงานกับยัยใบ้นั่นเพื่อทำตามสัญญา ตอนนี้……”
“ซูย้าวไม่ใช่ยัยใบ้!”
เจี่ยงเวินอี๋ยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนลี่เฉินซีสวนกลับไปในทันที
เขากำลังมองเธอ พูดขึ้นอีก “พูดตรงๆนะครับ ถ้าตอนแรกคนคนนั้นไม่ใช่ซูย้าว ต่อให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทลี่ซื่อไป ผมก็ไม่แต่ง!”
แค่ประโยคเดียว ทำให้เจี่ยงเวินอี๋ตะลึงงันไปเลย
ตกตะลึงราวกับโดนฟ้าผ่าอย่างฉับพลัน แต่ละคำเธอได้ยินอย่างชัดเจน แต่ทำไมหลังจากรวมเข้าด้วยกันแล้ว เธอจึงไม่เข้าใจเลยล่ะ?
สักพัก เจี่ยงเวินอี๋ถึงจะจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้ จึงซักไซ้ลี่เฉินซี “แกพูดว่าอะไรนะ?”
ลี่เฉินซีพูดออกมาอย่างนี้ ก็เหมือนจะค่อนข้างเสียใจแล้ว
ความลับที่เก็บอยู่ในใจของเขามาตั้งหลายปี เขาไม่เคยระบายความในใจกับใครมาก่อนเลย ต่อให้เผชิญหน้ากับแม่ เขาก็ไม่คิดจะพูด
แต่ลี่เฉินซีเหมือนกับไม่ได้ยินคำถามของแม่อย่างนั้น หน้าตาเมินเฉยหลบสายตาของเธอ
เจี่ยงเวินอี๋กลับรู้สึกคาดไม่ถึง เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ประโยคเมื่อกี้ที่แกพูดออกมาหมายความว่ายังไง? ทำไมถึงต้องเป็นซูย้าว?”
หรือว่า ยัยใบ้นั่น สำหรับเขาแล้ว มีความหมายอะไร!
“พอเถอะครับ แม่ อย่าถามอีกเลย ยังไงก็ตามผมไม่เห็นด้วยกับงานแถลงข่าว!” แค่ประโยคนี้ของเขา แทบจะกำจัดคำถามในใจของเธอไปจนหมด
สำหรับนิสัยของลี่เฉินซี เจี่ยงเวินอี๋จะไม่รู้ได้อย่างไร เรื่องที่เขาไม่อยากพูดออกมา ใครถามก็ไม่ได้ผลทั้งนั้น แต่ ในใจของเธอวางแผนไว้แล้ว ก็จะไม่สั่นคลอนเพราะสาเหตุใดๆ
ตอนที่แม่ลูกทั้งสองต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน จู่ๆประตูห้องทำงานก็โดนผลักเข้ามา
หานฉ่ายหลิงแสนสวยปรากฏตัวออกมา ท่าทางไม่กล้าเผชิญหน้า เหมือนกับทำเรื่องอะไรผิดอย่างนั้น
“เอ่อคุณป้าคะ เฉินซี ขอโทษที่รบกวนพวกคุณนะคะ ฉันเพิ่งมาถึง เรื่องที่พวกคุณคุยกันฉันได้ยินไปบ้าง……”
เธอค่อยๆปิดประตู น้ำเสียงนุ่มนวลหวาดหวั่น ท่าทางน่าสงสาร ยิ่งทำให้คนเอ็นดูเหลือเกิน
“ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะคะ เพียงแค่ได้ยินเข้าโดยบังเอิญ ถ้าเป็นเพราะฉัน งั้นคุณป้าคะ คุณป้าอย่าทำให้เฉินซีลำบากใจเลยค่ะ!”
เจี่ยงเวินอี๋ตะลึงงัน หลุดปากไปด้วยสัญชาตญาณ “ฉ่ายหลิง นี่เธอไม่อยากแต่งงานกับเฉินซี ไม่อยากเป็นลูกสะใภ้ของป้าเหรอ?”
เธอรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่นะคะ ฉันยินยอมอยู่แล้วค่ะ! แต่งงานกับเฉินซี เป็นความสมัครใจของฉันมาโดยตลอด แต่ว่า……”
หานฉ่ายหลิงเหลือบตาเล็กน้อย ดวงตาที่ชุ่มชื้นมองไปที่เขา ก้มหน้าด้วยความน้อยใจ “แต่ฉันก็ไม่อยากทำให้เฉินซีลำบากใจเพราะเรื่องนี้! การรักใครสักคน ก็หวังว่าเขาจะมีความสุขสบายใจ และไม่อยากเห็นเขาต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก……”
หยุดเล็กน้อย แล้วพูดเพิ่มเติมเบาๆ “โดยเฉพาะถ้าเป็นเพราะฉัน คุณป้าคะ ถือว่าฉันขอร้องนะคะ อย่าบังคับเฉินซีเลย!
แค่พูดอย่างนี้ออกไป เจี่ยงเวินอี๋ก็ตื้นตันใจขึ้นมาทันที รีบลุกขึ้นเดินไปจับมือของหานฉ่ายหลิงเอาไว้ “เด็กคนนี้ ทำไมโง่ขนาดนี้ล่ะ?”
เธอหันตัวกลับมาทันที หน้าตาโมโหจ้องไปที่ลี่เฉินซี พูดด้วยความขุ่นเคือง “ไม่ว่าแกจะพูดยังไง แม่ตัดสินใจแล้ว! ตั้งแต่นี้ต่อไป ฉ่ายหลิงก็คือคู่……”
“แม่!”
ไม่รอให้เจี่ยงเวินอี๋พูดจบ ก็โดนลี่เฉินซีตัดบททันที “ผมมีคนในใจแล้ว นอกจากคนคนนั้น ผมจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนไหนอีก!”
แค่ลี่เฉินซีพูดออกไป หานฉ่ายหลิงก็รู้สึกเหมือนโดนของแหลมๆแทงเข้ามาอย่างแรง เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่
น้ำตาที่เอ่อขึ้นมาไม่ทันไรก็ไหลอาบแก้ม
เจี่ยงเวินอี๋เห็นแล้ว รีบเช็ดน้ำตาให้เธออย่างปวดใจ แล้วต่อว่าด้วยความโกรธ “ในใจของแกมีใคร? ฉ่ายหลิงของเราไม่ดีตรงไหน? ตรงไหนที่ไม่เหมาะสมกับแก? แม่บอกแกเลยนะ นอกจากฉ่ายหลิง แม่จะไม่ยอมรับลูกสะใภ้คนไหนอีก!”
“แม่ ความรู้สึกกับการแต่งงานเป็นของผม ไม่ใช่ของแม่ เรื่องของผม แม่อย่าเข้ามายุ่งอีกเลย!”
ครั้งนี้ ลี่เฉินซีไม่อดทนอีกแล้ว ถึงกับบอกว่า ‘อย่าเข้ามายุ่ง’ ปิดปากของเจี่ยงเวินอี๋ไปในทันที
แล้วลี่เฉินซีก็ยกสายโทรศัพท์ในห้องทำงาน เรียกหวางอี้เข้ามา สั่งต่อหน้าทุกคน “ไปแจ้งแผนกประชาสัมพันธ์ ให้ยกเลิกงานแถลงข่าว!”
“แล้วแจ้งแผนกรักษาความปลอดภัยด้วย ถ้ามีนักข่าวหรือสื่อต่างๆมา ให้ไล่ออกไปให้หมด!”
ลี่เฉินซีท่าทางเย็นชา แววตาเมินเฉยคิดอย่างละเอียดรอบคอบ
บนใบหน้าที่หล่อเหลาแสดงท่าทีที่ไม่ยอมให้ขัดขืน
เจี่ยงเวินอี๋โมโหจนตัวสั่นเทิ้ม “แก……แกมันน่าโมโหจริงๆ