เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 339
ณ โรงพยาบาลป๋อเหริน
ผู้จัดการเถียนโดนส่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินนานแล้ว หมอยังไม่ออกมา พยาบาลก็ไม่บอกผลการวินิจฉัยที่ชัดเจน รอแล้วรออีก ทำให้พวกคนที่รอคอยอยู่ที่ทางเดิน จิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่ายจริงๆ
“พ่อฉันเป็นอะไรกันแน่คะ?” เถียนลี่ลี่รอต่อไปไม่ไหวแล้ว เห็นพยาบาลเดินออกมา จึงพุ่งเข้าไปถามทันที พยาบาลอ้ำๆอึ้งๆ อธิบายอย่างสมเหตุสมผลออกมาไม่ได้
เถียนลี่ลี่ร้อนรนทนไม่ไหว “ก่อนหน้านี้พ่อฉันยังดีๆอยู่เลย! ทำไมจู่ๆถึงเป็นอย่างนี้ไปได้?”
ซูย้าวเองก็รู้สึกแปลกๆ ต่อให้เป็นโรคหัวใจ ท่าทางก็ไม่น่าเป็นอย่างนี้ อีกอย่าง บริษัทเพิ่งจัดการเรื่องการตรวจสุขภาพเสร็จ ไม่ได้พบว่าสุขภาพของผู้จัดการเถียนมีปัญหาอะไร
หมอตรวจอยู่ด้านในพักใหญ่ สุดท้ายก็ออกมาจากในห้องตรวจ เถียนลี่ลี่รีบก้าวเข้าไป “พ่อฉันเป็นอะไรกันแน่คะ?”
“ขอให้ญาติใจเย็นหน่อยนะครับ คนไข้เป็นโรคหัวใจที่อาการแย่มานาน เรื่องนี้ญาติ น่าจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับ?”
แค่ประโยคนี้ สีหน้าของเถียนลี่ลี่ก็ชะงักงัน
“คนไข้เป็นโรคหัวใจขาดเลือดอย่างรุนแรง เลือดไม่เพียงพอ แล้วยังมีเนื้องอกในสมองอีกด้วย ครั้งนี้ที่จู่ๆหมดสติ เป็นเพราะเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น แล้วไปกดทับระบบประสาทส่วนกลาง……”
หมอพยายามอธิบายสถานการณ์ของคนไข้ให้ละเอียดที่สุด และปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น ทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าผ่าตัด ก็มีความหวังเพียงเล็กน้อย แต่การผ่าตัดครั้งนี้ยากมาก สามารถเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ตลอดเวลา แล้วก็ ด้วยสภาพร่างกายของคนไข้ ถ้าไม่ผ่าตัด อย่างมากที่สุดคงทนได้แค่หนึ่งถึงสองวัน!”
วินาทีนั้น ร่างกายของเถียนลี่ลี่ก็สั่นเทิ้ม แทบจะร่วงลงไปบนพื้น
ซูย้าวรีบเข้าไปประคอง แต่กลับโดนเธอสะบัดออกอย่างเย็นชา “พ่อฉันสุขภาพไม่ค่อยดี แต่โรคพวกนี้ เขาตรวจเจอตั้งแต่อายุสามสิบแล้ว หลายปีขนาดนี้ ไม่เคยมีอาการอะไรเลย ทำไมวันนี้จู่ๆถึงเป็นอย่างนี้ได้?”
“……”
ได้ยินที่เถียนลี่ลี่ถาม ซูย้าวแค่รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
เธอก็ไม่เคยทำอะไรให้เถียนลี่ลี่นะ!
ชั่วพริบตา เถียนลี่ลี่ก็เข้าไปคว้าคอเสื้อของซูย้าวโดยไม่ทันตั้งตัว
“บอกมา เธอทำอะไรพ่อฉัน? เธอถือว่าตัวเองเป็นเจ้านาย แล้วจะวางอำนาจรังแกลูกน้องยังไงก็ได้ยังงั้นเหรอ?”
เถียนลี่ลี่วู่วามมาก คว้าคอของซูย้าวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ออกแรงเต็มที่ “พ่อฉันขยันทำงานมาโดยตลอด แทบจะคิดว่าศูนย์การค้าเป็นบ้านของตัวเองอยู่แล้ว แล้วเธอล่ะ? เจ้านายสติฟั่นเฟือนอย่างเธอ เป็นเพราะเธอ ไม่งั้นพ่อฉันคงไม่เป็นอย่างนี้!”
“ถ้าพ่อฉันเป็นอะไรไป ก็เป็นเพราะเธอทั้งนั้น เธอมันฆาตกร ฉันจะเอาคืนเธอให้สาสม……”
เสียงพูดไปด่าไปของหญิงสาววนเวียนอยู่ข้างหู แต่อากาศที่ซูย้าวใช้หายใจน้อยลงไปเรื่อยๆ มือทั้งคู่โดนควบคุม โดนผลักไปผลักมา คอเสื้อหลุดร่วง ความรู้สึกที่หายใจไม่ออกปะทะเข้ามาทันที
คนที่รุมล้อมเข้ามาดูก็มากขึ้นเรื่อยๆ หมอและพยาบาลต่างก็อยากจะดึงเถียนลี่ลี่ออกมา แล้วยังตักเตือนต่างๆนานา แต่เถียนลี่ลี่ในตอนนี้กลับไม่ฟังเลยสักนิด
ในหัวมีภาพของซีซีกับเจิ้งเอ๋อ ผลัดเปลี่ยนกันลอยขึ้นมา เปล่งประกายฉากมากมายขึ้นมาอย่างฉับพลัน
แต่ในช่วงเวลาอันตรายนี้ เสียงที่เย็นชาปนกับความโมโหของชายหนุ่มก็ลอยเข้ามา ในทันที ร่างที่บอบบางของเธอก็ร่วงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา
“เถียนลี่ลี่!”
หลินโม่ป่ายมองหญิงสาวที่กำลังทำร้ายร่างกายด้วยสายตาเย็นยะเยือก ปกป้องซูย้าวอยู่ในอ้อมอกของตนเองซ่อนไว้ที่ด้านข้าง “คุณสงบสติอารมณ์หน่อยเถอะ อาการป่วยที่แย่ลงของพ่อคุณ ไม่เกี่ยวกับซูย้าวเลย! ถ้าไม่เชื่อ ทางเดินของห้องทำงานมีกล้องวงจรปิด คุณไปตรวจสอบได้เลย!”
“ตรวจสอบ?” เถียนลี่ลี่ราวกับได้ฟังเรื่องตลก “คุณไม่ได้ฟังหมอพูดหรือไง? ก็กลัวว่าพ่อฉันจะรอให้ถึงวันที่ผลการตรวจสอบออกมาไม่ไหว!”
หลินโม่ป่ายขมวดคิ้ว เคลื่อนสายตาไปที่หมอ “ตอนนี้คนไข้อาการเป็นยังไงบ้างครับ?”
เนื่องจากในเมือง A กรุ๊ปหลินเป็นตระกูลหมอที่มีชื่อเสียง กรุ๊ปหลินลงทุนสร้างโรงพยาบาลหลากหลายแห่งภายในประเทศ มากเกินกว่าร้อยแห่ง สำหรับชื่อเสียงของหลินโม่ป่าย ก็เคยได้ยินมากันทั้งนั้น
หมอจึงไม่ถือสา แจกแจงสถานการณ์ของผู้จัดการเถียนอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วจึงพูดขึ้น “ทางเราไม่แนะนำให้ผ่าตัด แล้วยังหวังว่าญาติจะครุ่นคิดให้ถี่ถ้วน”
ความเสี่ยงของการผ่าตัดและระดับความยากมีสูงมาก ถ้าไม่ระวังเพียงเล็กน้อยคนไข้อาจจะเสียชีวิตระหว่างผ่าตัด รู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีผลลัพธ์อย่างนี้ หมอผ่าตัดแต่ละคนต่างก็ไม่ยินยอมผ่า เพราะไม่มีใครยินยอมให้คนไข้เสียชีวิตบนเตียงผ่าตัดของตนเอง!
เงามืดอย่างนี้ยากที่จะลบออกไปจากใจ
แม้จะบอกว่าเป็นหมอมานานแล้ว เห็นความตายมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ชีวิตหนึ่งที่ยังหายใจอยู่ ต้องมาเสียชีวิตบนเตียงผ่าตัดของตนเอง สำหรับหมอผ่าตัดแล้ว เรื่องอย่างนี้ ยังคงเป็นฝันร้าย
มองออกถึงความคิดของหมอ หลินโม่ป่ายจึงหันตัวไป พูดกับเถียนลี่ลี่ “คุณเป็นญาติของคนไข้ อย่าเพิ่งวู่วาม ได้ไหม?”
“ฉันไม่วู่วามก็ได้ แต่คุณไม่ก็ผู้หญิงคนนี้ ต้องช่วยชีวิตพ่อฉัน! เพียงแค่พ่อฉันปลอดภัย ฉันจะไม่พูดอะไรอีกเลย!”
เถียนลี่ลี่เสนอเงื่อนไข
หลินโม่ป่ายขมวดคิ้ว ซูย้าวมองออกถึงความลำบากใจบนใบหน้าของเขา หัวใจก็บีบรัดไปด้วยอย่างฉับพลัน
ไม่ง่ายเลยที่จะปลอบให้เถียนลี่ลี่ใจเย็นลงได้ จากนั้นหลินโม่ป่ายจึงตามหมอเข้าไปในห้องทำงาน
หมอวางฟิล์มเอกซเรย์ไว้บนกล่องไฟ ใช้นิ้วมือชี้ให้เขาดู “คุณหมอหลิน คุณดูนะครับ ก้อนเนื้อชิ้นนี้ใหญ่ขึ้นมาก กดทับระบบประสาทส่วนกลาง แล้วยังมีสภาวะเลือดออก ถึงตอนนี้จะทำการผ่าตัดเปิดกะโหลก ก็กลัวว่า……”
หลินโม่ป่ายกำลังดูฟิล์มเอกซเรย์ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาก
“อีกอย่างคนไข้ยังมีโรคหัวใจที่อาการสาหัสด้วย ต่อให้ผ่าตัดเปิดกะโหลกได้สำเร็จ ก็ต้องเข้าผ่าตัดหัวใจต่อทันที ยากมากเกินไปจริงๆ!”
หมอยืนอยู่ด้านข้าง “โรงพยาบาลป๋อเหรินก็มีหุ้นของกรุ๊ปหลิน ผู้อำนวยการของที่นี่คุณก็รู้จัก ผมพูดตามตรงเลยนะครับ การผ่าตัดนี้ทำไม่ได้จริงๆ ต่อให้ต้องทำ โรงพยาบาลของเรา ก็ไม่มีหมอยินยอมผ่าตัดให้ครับ!”
หลินโม่ป่ายกำลังมองเขา แม้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็อาชีพเดียวกัน เข้าใจเหตุผลที่อยู่ในนั้นอย่างชัดเจน เพียงแค่ทอดถอนใจ แสดงให้รู้ว่าตนเองกำลังมองอยู่
ออกมาจากห้องทำงาน แต่กลับไม่เจอร่างของซูย้าว
ก่อนหน้านี้เขาให้เธอรอเขาอยู่ที่ด้านนอก
หลินโม่ป่ายหรี่สายตาลงโดยปริยาย ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันพ้นมุมทางเดิน ก็ได้ยินเสียงโวกเวกโวยวายลอยมาจากด้านนั้น
“เธอมันฆาตกร! ตอนนั้นมีแค่เธอกับพ่อสองคนที่อยู่ในห้องทำงาน เธอออกมา จู่ๆพ่อฉันก็ล้มลงไป ตอนนี้กลายเป็นอย่างนี้แล้ว เธอจะไม่รับผิดชอบเหรอไง?”
เถียนลี่ลี่ตะโกนสุดเสียง ด้านข้างยังมีผู้หญิงอายุสี่ห้าสิบปีเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เหมือนเพิ่งจะมาถึง กำลังสะอึกสะอื้นดึงตัวของซูย้าวอยู่ “คุณทำอะไรสามีฉันกันแน่? เขาขยันทำงานอยู่ทุกวัน ทำไมคุณถึงใจร้ายขนาดนี้!”
“ถ้าพ่อฉันเป็นอะไรไป เธอต้องรับผิดชอบ! เธอชื่อซูย้าวใช่ไหม? ถ้าไม่ช่วยพ่อฉัน ฉันก็จะยอมแลกด้วยชีวิตเพื่อจัดการเธอ! ดูสิว่าเธอจะเก่งกาจ หรือจะเป็นฉันเองที่ไม่รอด!”
เถียนลี่ลี่เหมือนกับเสียสติไปแล้วจริงๆ ดวงตาสีแดงถลึงตาใส่ซูย้าวอย่างโหดร้าย ราวกับในตอนนี้ยืนยันแน่นอนแล้วว่าเธอเป็นฆาตกรฆ่าคน
ซูย้าวหมดคำจะพูดจริงๆ เดิมทีเธอก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าจู่ๆจะยืดเยื้อมาถึงเรื่องอย่างนี้……
“คุณจะคิดยังไงก็ตามใจ ที่ห้องทำงานมีกล้องวงจรปิด ตำรวจก็เข้ามาตรวจสอบแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” เธอพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“เธอไม่อยากจะรับผิดชอบสินะ? จู้สือกรุ๊ปของพวกเธอ ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างนี้ใช่ไหม? เธอเป็นหัวหน้าอย่างนี้น่ะเหรอ? แค่เรื่องนิดเดียว โดนพัวพันมาขนาดนี้ ทำซะเกิดเรื่องราวใหญ่โต”
ซูย้าวขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด “บริษัทของเรารับผิดชอบต่อพนักงานทุกคน แต่เงื่อนไขข้อแรก ต้องไม่มีการหลอกลวงปลอมแปลงโรคที่เป็นอยู่! คุณเถียน พ่อของคุณฝ่าฝืนกฎระเบียบของบริษัท เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร เขาก็ทำผิดกฎอย่างแน่นอน คนที่ควรจะแบกรับภาระ คือเขา!”
ซูย้าวตอบโต้กลับไป บนใบหน้าที่อึมครึม ท่าทางเย็นชา เธอสามารถปฏิบัติต่อคนรอบด้านด้วยความใจอ่อนได้ จิตใจดีเห็นอกเห็นใจความทุกข์ยากของทุกคนได้ แต่ความใจอ่อนและจิตใจที่ดี ต้องไม่กลายเป็นเบี้ยล่างและข้ออ้างให้พวกเขานำมาใช้บีบบังคับอย่างเด็ดขาด !