เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 341
“น้าเคยพูดแล้วไม่ใช่เหรอ บริษัทจะรับผิดชอบต่อพนักงานทุกคน แต่ห้ามปลอมหลักฐาน พ่อของพี่สาวคนนั้นเหมือนจะหลอกน้า เช่นนั้นถึงแม้ตอนนี้จะป่วย ก็ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบให้น้าคนเดียวนะ” เตียวเตียวเหมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็ก นั่งวิเคราะห์และอธิบายอยู่ตรงนั้น
ทันใดนั้น ทำให้ซูย้าวกับโม่หว่านหว่านตกตะลึง
เปิดคลิปวิดีโอเพียงรอบเดียว เตียวเตียวนั่งฝั่งตรงข้างโซฟา แทบไม่เห็นเนื้อหาของคลิปวิดีโอเลย ได้ยินแค่เสียงสนทนาในคลิปเท่านั้น แต่สำหรับเด็กคนหนึ่งอายุแค่ห้าขวบ สามารถพูดความหมายโดยรวมได้ทันที หายากจริงๆ
โม่หว่านหว่านพูด “ไอ้เด็กน้อย ทำไมคุณถึงจำคำพูดในนี้ได้”
“ไอ๊หยา อันนี้เหรอ ไม่เห็นจะยากเลย” เตียวเตียวกำลังแทะน่องไก่อยู่ กินจนบนปากเล็กๆเลอะไปหมด สองมือยังถือน่องไก่แทะอยู่
ซูย้าวก็รู้สึกแปลกใจ เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นกับข่าวใหม่ของตัวเองเลย กลับสนใจผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้แทน ดูฉลาดกว่าที่เธอคิดไว้มาก
“เตียวเตียว หนูสามารถจำได้มากขนาดนี้เลยเหรอ” เธอถาม
เตียวเตียวตอบว่า “ก็บอกแล้ว มันง่ายมากจริงๆ”
ไม่รู้ทำไม ทันใดนั้นดึงดูดความอยากรู้ของโม่หว่านหว่านทันที เธอนั่งลงทันที เช็ดมือ หยิบแท็บเล็ตมา เปิดคลิปวิดีโอมาหนึ่งคลิป เล่นไปสองสามนาที หลังจากนั้นก็ปิด มองไปที่เตียวเตียว “หนูทวนเกี่ยวกับเนื้อหาในคลิปวีดีเมื่อครู่นี้อีกรอบสิ”
เตียวเตียวมองเธอ หยิบปีกไก่ขึ้นมาอย่างสบายๆและแทะไปด้วย และทวนคำพูดของพิธีกรในคลิปอีกรอบอย่างช้าๆ
จะพูดว่าไม่มีคำหลุดเลยก็ไม่เชิง แต่ความหมายโดยรวมครบถ้วนสมบูรณ์ และยังมีการวิเคราะห์ด้วยซ้ำ
โม่หว่านหว่านกับซูย้าวมองหน้ากัน ค่อนข้างตกใจ
”ฉันจะลองเปิดอีกคลิปหนึ่ง” โม่หว่านหว่านพูด
ทำแบบนี้สองสามครั้งเตียวเตียวก็สามารถพูดทวนได้ทุกครั้ง
โม่หว่านหว่านคิดแล้วคิดอีก เป็นไปได้ไหมที่ฉันเลือกมาเป็นข่าวหน้าหนึ่งและเด็กคนนี้เคยเห็นมาก่อนแล้ว
เธอคิดแล้วคิดอีก เข้าเว็บค้นหาข่าวเก่าๆมา ส่วนใหญ่เป็นข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อสามสี่ปีก่อน หลังจากเล่น เตียวเตียวก็ยังสามารถทวนเรื่องราวได้
โม่หว่านหว่านกับซูย้าวตกใจมาก ระดับความฉลาดของเด็กคนนี้ เหมือนจะดูเหมือนจะไกลเกินจินตนาการของพวกเขามาก
เตียวเตียวก็กินของหมดแล้วไปล้างมือและหน้าที่ห้องน้ำ ตอนออกมา ซูย้าวอุ้มเขาขึ้นมา “เตียวเตียว หนูจำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร”
“ง่ายมากเลย น้า ในหัวของทุกคนก็จะมีหน่วยความจำในสมอง เพียงแค่นำสิ่งที่คุณได้ยินค่อยๆเพิ่มเข้าไปในหน่วยความจำ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังจำได้”
ทฤษฎีนี้ทำให้ซูย้าวอึ้งไปสักพัก
คำพูดเหล่านี้ เธอเคยได้ยินคนอื่นพูด
และคนคนนั้น ก็คือ………ลี่เฉินซี
เกือบสิบปีแล้วมั่ง หรือนานกว่านั้น ตอนนั้นเหมือนเธอแค่แปดเก้าขวด พูดคุยกับลี่เฉินซีอะไรสักอย่าง แล้วเขาจึงพูดว่า…….
แต่ว่า เตียวเตียวถึงแม้จะรู้จักลี่เฉินซี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทั้งสองจะสนิทกันจนคุยเรื่องเหล่านี้ได้นะ
“เรื่องหน่วยความจำเมื่อครู่นี้ มีคนเคยพูดกับหนูมาก่อนไหม” เธอถาม
เตียวเตียวส่ายหัวทันที “ใครเคยพูดเหรอ หรือว่ายังมีคนที่คิดเหมือนหนูเหรอ”
ซูย้าวมึนงง ไม่มีการตอบสนองสักพัก
โม่หว่านหว่านรู้สึกแปลกใจมาก พูดคุยกับเตียวเตียวอีกครั้ง “หนูมีความจำที่ดีมาก มีความไวต่อภาษามากกว่า”
“หนูแค่ชอบจำเรื่องราวต่างๆ” เด็กพูด
โม่หว่านหว่านพาเขาเข้าไปในห้องหนังสือ หยิบหนังสือมาหนึ่งเล่ม อ่านไปสองสามบรรทัด ให้เขาทวนหนึ่งรอบ เตียวเตียวก็ทำได้เหมือนเดิม
ถ้ายื่นหนังสือให้เขา ให้เขาอ่านประมาณหนึ่งหน้า หลังจากนั้นให้เขาทวน เขาก็สามารถทำได้เหมือนเดิม
ทำซ้ำๆหลายรอบ สุดท้ายโม่หว่านหว่านตะลึงมากกับผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้ในที่สุดเธอก็ได้เห็นที่เขาว่าแค่ดูผ่านตาก็จำได้ไม่ลืมเป็นอย่างไร ความสามารถเช่นนี้ มันช่าง…….สุดยอดจริงๆ
โม่หว่านหว่านยอมแพ้อย่างสิ้นเชิง เตียวเตียวกลับไม่รู้สึกว่ามีอะไรแตกต่างจากคนทั่วไปเลย เพียงแค่เกาหัวของเขามั่นใจว่าเธอไม่เป็นไรแล้ว ตัวเองก็เข้าห้องไป
โม่หว่านหว่านพูดกับซูย้าวว่า “มีความจำเป็นต้องตรวจสอบแล้วว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้เป็นใคร ฉลาดได้ขนาดนี้ คิดว่าพ่อแม่ของเขาก็น่าจะไม่ธรรมดา”
“…………”
ซูย้าวขมวดคิ้ว เตียวเตียวไม่ได้มีความประทับใจอะไรในพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดตัวเองเลย จำได้ว่าเธอติดต่อกับตำรวจ อยากจะรับเลี้ยง เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยบอกว่า เตียวเตียวถูกทิ้งตั้งแต่เด็ก จึงไม่รู้ว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเป็นใคร และไม่เคยปรากฏตัวเลย
หากต้องการตรวจสอบในขณะนี้ ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ยากมาก นอกจากนี้เพราะเรื่องเล็กๆนี้ ก็ไม่คุ้ม
“ฉันอยากรู้จริงๆ พ่อแม่ของเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่ สามารถให้กำเนิดเด็กที่ฉลาดขนาดนี้ได้” โม่หว่านหว่านยังอยากรู้มาก
แต่ซูย้าวเปิดคอมพิวเตอร์ขณะนั่งบนโซฟาทำงานไปด้วยและพูดว่า “ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่มีไอคิวสูง จะมีลูกที่มีไอคิวสูงเสมอไป ตรงกันข้าม เด็กหลายคนที่มีไอคิวสูง พ่อแม่ก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป”
“แล้วทำไมคุณกับลี่เฉินซีถึงสามารถมีลูกที่ฉลาดอย่างลี่เจิ้งได้ล่ะ” เธอย้อนถาม
ซูย้าวตะลึง “เจิ้งเอ๋อฉลาดมากเหรอ”
ตอนลูกสามขวบเธอก็ไปจากลูกแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นเจิ้งเอ๋อฉลาด แต่มีความสามารถอะไรบ้าง เธอไม่ค่อยรู้
โม่หว่านหว่านพูดว่า “ฉันก็ได้ยินคนอื่นเล่ามา ตอนเจิ้งเอ๋ออายุสี่ห้าขวบ ก็เข้าร่วมการแข่งขันโจทย์คณิตศาสตร์กับคิดเลขในใจ และยังเคยได้รับรางวัลด้วย ไอคิวแซงเด็กในวัยเดียวกัน”
“ไม่เพียงเท่านี้ ตอนเจิ้งเอ๋ออายุห้าขวบ ก็พูดภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันได้แล้ว ไม่มีความกดดันใดๆเลยในการพูดคุยกับผู้คน……” โม่หว่านหว่านยังอยากจะเล่าต่อไป แต่เมื่อเห็นดวงตาค่อยๆสงสัยของซูย้าว เธอจึงต้องหยุดเล่า
ถึงอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ปัดความสงสัยของในใจของซูย้าวเธอจ้องมองโม่หว่านหว่านอย่างเย็นชา “เรื่องเหล่า คูณรู้ได้อย่างไร”
ในฐานะที่ซูย้าวเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดลูก จากไปหลายปี ยังไม่เคยรู้เลย และในเวลาที่เธอจากไป โม่หว่านหว่านก็จากไปพร้อมกัน
“ฉัน……….” โม่หว่านหว่านเม้มปากทำอะไรไม่ถูก เป็นเวลานาน ก็เพียงแค่ตอบเบาๆ “ฉันฟังคนอื่นเล่ามา”
“ฟังเขาเล่ามา เขาคนนั้นคือใคร”
โม่หว่านหว่านไม่รู้จะอธิบายอย่างไร หลบสายตาเล็กน้อย “ฉันจะได้ยินใครพูด เอาล่ะ คุณก็อย่าเดาเลย”
“คุณได้ยินมาจากลู่ส้าวหลิงใช่ไหม” ซูย้าวจ้องไปที่เธอ
เมื่อกล่าวถึง ‘ลู่ส้าวหลิง’สามคำนี้ ทันใดนั้นโม่หว่านหว่านก็ตกตะลึง เธอเกร็งอย่างกะทันหัน ส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว “ไม่ใช่เลย”
ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นซูย้าวยิ้ม จึงถามไปว่า “ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นเขา”
“คุณทำงานที่บริษัทของลู่ส้าวหลิงไม่ใช่เหรอ” ซูย้าวจงใจให้เธอมีจุดยืน
ทันใดนั้นโม่หว่านหว่าน ก็รีบพยักหน้า “ใช่ ทำงานในบริษัท เพื่อนร่วมงานเยอะแยะ ก็ได้ยินมาจากพวกเขานั่นล่ะ………”
ในความเป็นจริง เห็นสีหน้าตื่นเต้นของโม่หว่านหว่านซูย้าวก็เดาได้ทุกอย่างแล้ว ผู้หญิงคนนี้น่าจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติกับลู่ส้าวหลิงแน่นอน
เพียงแค่เธอไม่ยอมพูดออกมา เช่นนั้นซูย้าวจึงเกรงทำเป็นไม่รู้เรื่องไปก่อน ทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องความรู้สึก ทุกคนก็รู้ดีในใจ
โม่หว่านหว่านมองเธออย่างขี้อายกลอกตาไปมา “เออคือ คุณว่าถ้าฉันจะมีความรัก คุณคิดยังไง”
“เป็นเรื่องดีสิ คุณก็โตแล้ว ไม่มีคนรอบตัวเร่งคุณเรื่องแต่งงาน คุณก็ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ถ้ายังไม่รีบแต่งงาน ก็จะเป็นสาวแก่แล้ว” ซูย้าวทำงานไปด้วยและกล่าวไปด้วย
โม่หว่านหว่านแอบดีใจ เมื่อกำลังจะพูดอีกครั้ง มือถือของซูย้าวก็ดังขึ้น
หลินโม่ป่ายโทรมา ซูย้าวขมวดคิ้วแน่น รับโทรศัพท์ “โม่ป่าย”
“ฉันเพิ่งได้ข่าวจากโรงพยาบาล ตระกูลเถียนตัดสินใจให้ผู้จัดการเถียนทำการผ่าตัดแล้ว” มีเสียงผู้ชายพูดเสียงต่ำทางโทรศัพท์
ซูย้าวแสงวาบในตา สภาพร่างกายของผู้จัดการเถียนในตอนนี้ ถ้าทำการผ่าตัด จะเป็นอย่างไร และทางป๋อเหรินไม่มีหมอรับการผ่าตัดเคสนี้เลย แต่ทางญาติขอให้ผ่าตัด เช่นนั้น………….
จู่ๆเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา ถือโทรศัพท์ด้วยความรีบร้อน “คุณรู้ข่าวนี้ได้อย่างไร แล้วการผ่าตัดเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ โม่ป่าย อย่างไรก็ตาม คุณห้ามรับการผ่าตัดเคสนี้เด็ดขาด”
หลายปีที่ผ่านมา เธอทำให้เขาเดือดร้อนมามากพอแล้ว จะปล่อยให้หลินโม่ป่ายไปเสี่ยงครั้งนี้เพื่อตัวเองอีกไม่ได้