เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 342
คำพูดของซูย้าว พูดโดนใจหลินโม่ป่าย
รู้จักกันมาหลายปี เธอจะไม่เข้าใจเขาได้อย่างไร
ถ้าบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเธออยู่บ้าง ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่การผ่าตัดที่ยากเช่นนี้ ก็สามารถดึงดูดความสนใจของหลินโม่ป่ายอยู่แล้ว เป็นเพราะเขาชอบทางการแพทย์มาตั้งแต่เด็ก ถึงได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยการแพทย์และศึกษาปริญญาเอกทางการแพทย์ และไม่ใช่เพราะการสื่อทอดของครอบครัว
ทักษะทางการแพทย์ของหลินโม่ป่ายไม่มีอะไรจะพูด มิฉะนั้นในสองสามปีนี้ทางโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยการแพทย์หลายแห่งในต่างประเทศ ก็คงจะไม่เชิญเขาไป และยอมจ่ายค่าตอบแทนที่สูง เพื่อให้เขามาร่วมงานด้วย
ใครๆก็ชอบความท้าทาย โดยเฉพาะผู้ที่ครองอำนาจในสาขาส่วนนี้ซูย้าวก็รู้ ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เธอก็คงจะไม่ใส่ใจมาก หรือหลังจากที่ได้ฟังข้อมูลจากเขาแล้ว ยังจะสนับสนุนเขาให้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตัวเอง นึกถึงปฏิกิริยาของเถียนลี่ลี่สองแม่ลูก ถ้าการผ่าตัดครั้งนี้สำเร็จก็แล้วไป แต่หากมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เช่นนั้น หลินโม่ป่ายก็จะถูกผลักไปยังดินแดนนรกแน่
“โม่ป่าย ทำไมคุณเงียบไป” ซูย้าวถามอย่างร้อนใจ
ผู้ชายในโทรศัพท์เงียบลง ซึ่งกำลังสวมเสื้อคลุม ก็หยุดลง
“หรือว่าคุณจะรับผ่าตัดเคสนี้จริงๆเหรอ” เธอแทบจะเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่พูดออกไป ทั้งตัวก็รีดเหงื่อเพื่อเขาไปไม่น้อย
ทันใดนั้น ซูย้าวลุกขึ้นอย่างเร่งรีบถือโทรศัพท์ไปด้วยและเก็บของเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกเธอพูดว่า “คุณไม่รู้เหรอ ตอนบ่ายวันนี้ปฏิกิริยาของคนในตระกูลเถียน ถ้าการผ่าตัดนี้ผิดพลาดเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะเล่นงานคุณทันที” ถ้าเป็นการผ่าตัดทั่วไป เธอก็จะไม่เข้าไปยุ่ง ถึงแม้จะมีความยากแค่ไหนก็ตาม เกิดอุบัติเหตุระหว่างการผ่าตัด จะแจ้งให้ญาติทราบล่วงหน้า ทางญาติก็จะเข้าใจ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน
คนของตระกูลเถียนมั่นใจว่าซูย้าวเป็นฆาตกรแล้วถึงแม้พวกเขายังไม่มีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ และไม่สามารถฟ้องซูย้าวได้ แต่ถ้าหากใช้การผ่าตัดนี้ มาบังคับหลินโม่ป่ายจะทำอย่างไร
เขาเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลหลินในอนาคตธุรกิจกรุ๊ปหลินทั้งหมดก็ต้องส่งมอบให้เขา ยิ่งไปกว่านั้นผลงานของเขาในปัจจุบัน เพียงพอที่จะโน้มน้าววงการแพทย์ทั้งหมด และทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นและผู้อาวุโสที่ให้ความช่วยเหลือกรุ๊ปหลินมีความพึงพอใจ แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา เช่นนั้น ทุกอย่างก็จะล้มเหลวหมด
“คุณกลับมากับฉันในปีนี้ จุดประสงค์คืออะไร คุณไม่รู้จริงๆเหรอ” เธอตั้งคำถามทางโทรศัพท์
หลินโม่ป่ายกลับมาในครั้งนี้ นอกจากเป็นเพื่อนซูย้าวแล้ว ดูแลพวกเธอสองแม่ลูก มากกว่านั้นคือ ก็เพราะธุระของกรุ๊ปหลิน ธุรกิจทางครอบครัวคุณพ่อของเขาเป็นคนดูแลตลอดมา แต่คุณท่านหลินอายุเยอะแล้ว ร่างกายก็เสื่อมลงทุกวัน และจะทำการผ่าตัดหัวใจเทียมในเร็วๆนี้ ชีวิตเป็นเดิมพันหลินโม่ป่ายอยากจะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อหาผู้เข้ารับการผ่าตัดในครั้งนี้จึงกลับมาประเทศจีน
เขาอยากจะช่วยชีวิตของคุณพ่อ และทางกรุ๊ปหลินนอกจากนี้หลายคนก็เกรงกลัวบารมีของกรุ๊ปหลิน ท่ามกลางญาติๆ ก็มีคนไม่น้อยที่เฝ้ารอคุณท่านหลินเสียชีวิตเร็วๆ จะได้ยึดทรัพย์สินของกรุ๊ปหลินกลับมาได้ง่ายขึ้น
หลินโม่ป่ายเพื่อปัดเป่าทะเยอทะยานของคนเหล่านั้นทำลายแผนของพวกเขาจึงกลับมา
หากเป็นเพราะเรื่องนี้ ทำลายทุกอย่างโดยสิ้นเชิงแล้วจะทำอย่างไร
“โม่ป่าย คุณเป็นคนของตระกูลหลิน ในเวลานี้ คุณควรให้ความสำคัญกับตระกูลหลินเป็นหลัก คุณจะรับเคสนี้ก็ได้ แต่ต้องได้รับการเห็นด้วยจากทุกคนในตระกูลหลิน มิฉะนั้น คุณไม่สามารถ……….”
เธอยังพูดไม่จบ อีกฝ่ายก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้น “ขอโทษ ซูย้าว การผ่าตัดครั้งนี้ ฉันมีเหตุผลที่ต้องรับ นอกจากนี้มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นยังมีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จคุณก็รู้ทักษะทางการแพทย์ของฉัน ไม่ต้องกังวล” พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายทันที
ทันใดนั้น ซูย้าวรู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังหมุน เอามือจับมือถืออย่างแน่น หันกลับมา ไม่รอพูด โม่หว่านหว่านก็พูดว่า “คุณเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลเด็กเอง”
เป็นพี่น้องกันมาหลายปี โม่หว่านหว่านก็รู้ใจเธอ
ซูย้าวพยักหน้าอย่างปลื้มใจ หยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถแล้วลงตึกไป
เมื่อเธอไปถึงที่โรงพยาบาลป๋อเหรินหลินโม่ป่ายก็เปลี่ยนชุดผ่าตัด และเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว
เธอมองประตูห้องผ่าตัดที่ปิดอย่างตะลึง ไฟสีแดงที่กำลังสว่างขึ้น สีแดงสดแสบตา และทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวด
สองแม่ลูกตระกูลเถียนรออยู่ด้านนอก เห็นซูย้าวมา เถียนลี่ลี่พูดโดยตรงว่า “การผ่าตัดครั้งนี้ ถ้าประสบความสำเร็จ พ่อของฉันตื่นมา และหายเป็นปกติก็แล้วไป มิฉะนั้น หลินโม่ป่ายกับคุณ ฉันจะไม่ปล่อยพวกคุณสองคนไปแน่”
ซูย้าวจ้องมองกันและกันอย่างเย็นชาใบหน้าที่ไม่พอใจเต็มไปด้วยความมืด ไม่สนใจสองแม่ลูกที่ไม่มีเหตุผล หันหลังแล้วนั่งลง
เถียนลี่ลี่ยังพูดอีกว่า “คุณอยู่ที่นี่ทำไม คุณกำลังอธิษฐานให้การผ่าตัดของพ่อฉันประสบความสำเร็จเหรอ หรือว่า………..”
“ฉันเป็นเพื่อนของคุณหมอหลิน และยังเป็นเจ้านายของพ่อคุณ คุณคิดว่าฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอ”
ซูย้าวยักคิ้ว พูดไม่กี่คำ ก็ทำให้เถียนลี่ลี่พูดไม่ออกเลย รีบหุบปากอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นการผ่าตัดครั้งสำคัญ ใช้เวลานานกว่าปกติ เป็นการทดสอบความเพียรและความอดทนของทุกคนด้วย ทุกวินาทีในการรอคอย สำหรับทุกคนที่เดินไปมาตรงทางเดิน เป็นความทรมานที่ยิ่งใหญ่
………..
โรงแรมโฟร์ซีซั่น
ห้องประธานาธิบดีสุดหรู ลู่ส้าวหลิงพิงอยู่บนกำแพง จ้องมองลี่เฉินซีที่กำลังทำงานอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คที่อยู่บนโซฟาด้วยสายตาที่เบาๆ มุมปากของเสน่ห์ร้ายยิ้มเล็กๆ “คุณไม่พักที่แมนชั่นวิลล่าที่บ้าน มาที่โรงแรมของฉันทำไม”
“ทำไม มาอุดหนุนธุรกิจของคุณ ไม่ดีเหรอ” ลี่เฉินซีพูดเบาๆ สายตายังคงจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์
ลู่ส้าวหลิงกล่าว “ไม่ใช่ไม่ได้ แค่แปลกใจ คนที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวในไม่กี่วัน ไม่ไปสวีทกับเจ้าสาว แต่มาเฝ้าห้องที่ว่างเปล่าคนเดียว……..”
ลี่เฉินซีเงยหน้าขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความคม ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แววตาและอารมณ์นั่น เขียนไว้ชัดเจนว่า ‘หุบปาก’สองคำ
“ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากหมั้น และไม่อยากแต่งงานกับฉ่ายหลิง แต่ข่าวก็ปล่อยออกไปแล้ว การ์ดเชิญก็แจกออกไปแล้ว ตอนนี้คุณไม่เต็มใจ ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์แล้ว” ขณะที่ลู่ส้าวหลิงพูด ในน้ำเสียงรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น
ลี่เฉินซีไม่อยากได้ยินเรื่องนี้ที่สุด ทั้งหน้าแสดงออกถึงความโกรธ
“แต่ สองวันนี้ได้เจอฉ่ายหลิงหรือยัง” ลู่ส้าวหลิงถาม
“ไม่ได้เจอ” ลี่เฉินซีก้มหน้าทำงานต่อ ราวกับว่าไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่
ลู่ส้าวหลิงหยิบบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อคาบไว้ในปากและกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่าน้าเชิญเธอไปที่บ้านใหญ่ เหมือนจะพักอยู่ที่นั่นแล้ว”
“………….”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขารู้ว่าแม่จะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อหานฉ่ายหลิงเป็นเพราะเหตุการณ์สองเหตุการณ์นี้แต่คาดไม่ถึงว่าจะรับเธอเข้าไปตระกูลลี่เร็วขนาดนี้ แต่ไม่เปิดเผยให้คนนอกรู้ หานฉ่ายหลิงเป็นภรรยาของเขาแล้วเหรอ
ลู่ส้าวหลิงยังอยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาเดินไปเปิดประตูด้วยความอยากรู้ แต่เห็นเลขาหลี่กับเจี่ยงเวินอี๋ยืนอยู่หน้าประตู
“น้า” ลู่ส้าวหลิงเรียกออกไปจากจิตใต้สำนึก และเชิญทั้งสองให้เข้ามา
เมื่อลี่เฉินซีเห็นคุณแม่ ก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ
เจี่ยงเวินอี๋ก็เห็นความเบื่อหน่ายของเขา ไม่ได้พูดอะไร แต่ลู่ส้าวหลิงมีไหวพริบมากและหาข้ออ้างรีบออกไปทันที
เลขาหลี่ก้มหน้ายืนอยู่ข้างๆ เจี่ยงเวินอี๋เดินไปข้างหน้า นั่งลงบนโซฟา “เฉินซีมะรืนนี้เป็นงานเลี้ยงงานหมั้นแล้ว สองวันนี้คุณไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย คุณกำลังคิดอะไรอยู่”
เรื่องงานหมั้นประกาศออกไปแล้ว งานเลี้ยงและแขกก็เชิญแล้ว ถ้าถึงเวลาลี่เฉินซีไม่ปรากฏตัว เช่นนั้น ไม่ว่า จะเป็นหานฉ่ายหลิงหรือว่าเจี่ยงเวินอี๋ ก็จะต้องเสียหน้าหมด
ไม่มีทางเลือก เจี่ยงเวินอี๋วางศักดิ์ศรีลง มาคุยกับลูกชายด้วยตนเอง