เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 343
ห้องทำงานที่หรูหรา รูปแบบการตกแต่งสไตล์นอร์ดิกสง่างามอึมครึม สีเทาเข้มสไตล์เข้ม ทำให้ทั้งห้องดูมีระดับ เงียบสงบ แสดงออร่าบุคลิกภาพที่แข็งแกร่งและมีเสน่ห์
ลี่เฉินซีนั่งบนเก้าอี้หนังขาแตะพื้นหนึ่งข้าง ใบหน้าที่หล่อดูไม่แยแสเย็นเหมือนเดินบนน้ำแข็งบางๆ
เจี่ยงเวินอี๋มองไปที่เขา หายใจลึกๆ “ฉ่ายหลิงติดตามคุณมาหลายปี ถึงแม้จะไม่มีผลงานอะไรแต่ก็ลงแรงไปไม่น้อยนะ
เธอปฏิบัติต่อคุณด้วยความจริงใจนะ เฉินซี คุณอย่าทำให้เธอเสียใจนะ
“อะไรที่ทำให้ท่านคิดว่า มีเพียงแค่แต่งงานกับเธอถึงจะไม่ทำให้เธอเสียใจ” ลี่เฉินซีหักล้าง น้ำเสียงเย็นชามาก
“คุณก็สามสิบกว่าแล้ว ฉ่ายหลิงก็ไม่เด็กแล้ว ช่วงอายุของพวกคุณตอนนี้ ถ้าไม่แต่งงาน แล้วคุณต้องการอะไรอีกเลื่อนออกไปเรื่อยๆเหรอ” เจี่ยงเวินอี๋ ความโกรธบนใบหน้าแสดงออกอย่างเห็นได้ชัด
ลี่เฉินซีไม่พูด นั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆ มองไปที่อีเมลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์จัดการกับเรื่องงาน
“ยังไงข่าวก็ออกไปแล้ว งานแต่งนี้คุณจะแต่งก็แต่ง คุณไม่แต่งก็ต้องแต่ง” เจี่ยงเวินอี๋กล่าวด้วยความโมโห
เธอลุกขึ้น ดูเหมือนว่าจุดประสงค์หลักของการมาในครั้งนี้ คือการยื่นคำขาดกับลูกชาย “ฉันรู้ว่าในใจของคุณคิดอย่างไร อย่าคิดว่าผู้หญิงคนนั้นกลับมาแล้ว คุณกับเธอจะเกิดอะไรขึ้นได้อีก อย่าฝันอยู่เลย ตอนนั้นเธอสามารถจากคุณไปได้ สามารถทิ้งคุณกับลูกไปตั้งห้าปี ในอนาคตก็คงจะทำเรื่องที่โหดร้ายกว่านี้ได้อีก”
“ฉันก็เป็นผู้หญิง รู้จักผู้หญิงด้วยกันดี แม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ก็ยังทิ้งได้ลงคอ นั่นหมายความว่าอย่างไร เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจชั่วร้ายที่สุด คำพูดเหล่านี้อย่าให้เปล่าประโยชน์ เฉินซี มีสติหน่อย อย่าโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกอีกเลย”
เจี่ยงเวินอี๋พูดตำนี้ซ้ำๆ ‘ผู้หญิงคนนั้น’คิดว่าลูกชายของตัวเอง ยังมีความผูกพันต่อซูย้าวอยู่ หัวใจของเธอลุกโชนเหมือนไฟที่โหมกระหน่ำมันเหลือทนทุกวินาที
‘ซูย้าว’สองคำนี้ แม้แต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้ ในสายตาของเจี่ยงเวินอี๋ มองมันเหมือนเนื้อเน่า แทบรอไม่ไหวที่จะควักมันออกมาทันที ไม่อยากรอแม้แต่วินาทีเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้เมื่อเกิดรอยแตกปรากฏขึ้นโดยเฉพาะช่วงที่งานแต่งงานยังไม่เรียบร้อย เช่นนั้นแล้ว ผู้หญิงสองคนนี้ก็จะเหมือนน้ำกับไฟ ที่ไม่ยอมกัน
ทั้งๆที่รักผู้ชายคนเดียวกัน ยังเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่พวกเขายืนกรานที่จะยอมลำบากใจ และไม่มีความสุข และกันหากสิ่งต่างๆเป็นเช่นนี้ต่อไป สิ่งเหล่านี้จะถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและจะคงอยู่ตลอดไป
“อย่างไรก็ตามคุณควรจำไว้ นอกจากฉ่ายหลิง ฉันจะไม่ยอมรับใครเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลลี่ของฉันเด็ดขาด และอย่าหวังว่าจะได้ก้าวเข้ามาประตูตระกูลลี่แม้แต่ก้าวเดียว” เจี่ยงเวินอี๋ท่าทีชัดเจน ถ้ายืนกรานในความคิดของตัวเองแล้ว แม้แต่วัวสิบตัวก็ดึงกลับมาไม่ได้
ลี่เฉินซีก็รู้ดี ดังนั้นในเวลานี้ เขาจึงไม่พูดขัดขวาง ถึงแม้เขาจะพูด แล้วจะมีสิทธิ์พูดอะไรได้บ้าง ความคิดของตัวเอง คุณแม่ก็ไม่มีทางยอมรับฟังอยู่แล้ว
เขายิ่งไม่พูด เจี่ยงเวินอี๋ก็รู้ว่าเขาไม่ยอมรับการตัดสินใจของตัวเอง หัวใจที่กังวลก็ยังไม่สามารถสบายใจได้ กล่าวอีกว่า “ไม่กี่ปีนี้ ฉ่ายหลิงไม่เพียงแค่ดีกับคุณ กับฉัน และแม้แต่กับเจิ้งเอ๋อก็ดีเช่นกัน ให้เธอเป็นแม่ของเจิ้งเอ๋อ ฉันก็วาง……….”
ยังไม่ทันรอประโยคสุดท้ายพูดจบ ก็มีคำพูดที่แทงใจดำลี่เฉินซีใบหน้าที่หล่อมืดครึ้มทันที “เจิ้งเอ๋อมีแม่ ยังไม่ถึงคิวเธอหรอก”
“ซูย้าวไม่เหมาะสมเลยสักนิด!”
“แต่ซูย้าวคลอดเขา เธอก็คือแม่ของเจิ้งเอ๋อ เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้” ลี่เฉินซีเสียงต่ำลง
มองไปที่เจี่ยงเวินอี๋ เขาพูดเสริมว่า “ถ้าซูย้าวไม่เหมาะสม แล้วผู้หญิงคนอื่นๆจะมีคุณสมบัติอะไร”
“แก…………”
เจี่ยงเวินอี๋โกรธจนตัวสั่นไปหมด พูดถึงเรื่องนี้ ก็รู้ว่าผลจะต้องเป็นเช่นนี้ เธอโมโหจนเวียนหัว
เลขาหลี่รีบเดินไปข้างหน้า พยุงเธอขึ้น พูดเบาๆ “คุณนาย คุณต้องระวังสุขภาพด้วย”
ลี่เฉินซีก็ดูออกว่าสุขภาพของเจี่ยงเวินอี๋ไม่ไหวแล้ว สั่งไปว่า “เลขาหลี่ พาแม่ของฉันกลับไปก่อน ให้คุณหมอไปดูด้วย และดูแลให้ดีๆ”
“ค่ะ” เลขาหลี่ตอบรับ พยุงเจี่ยงเวินอี๋ออกจากห้องทำงาน
………..
ทางโรงพยาบาลป๋อเหริน ในห้องผ่าตัด หลินโม่ป่ายกับทีมผ่าตัดกำลังเผชิญกับบททดสอบที่ยากและยิ่งใหญ่
ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าแพทย์ รู้ดีว่า แม้ว่าจะสามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกในสมองออกได้สำเร็จแต่เส้นประสาทของผู้ป่วยก็จะได้รับความเสียหายแน่นอนบวกกับโรคหัวใจที่รุนแรง ต้องใช้บายพาสหัวใจด้วย การดำเนินการผ่าตัดสองอย่างนี้จะต้องเสร็จสิ้นในเวลาเดียวกันแต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าจะฝืนจนประสบความสำเร็จ แต่ผู้ป่วยจะสามารถลุกจากเตียงผ่าตัดได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
ด้านนอกระเบียงทางเดิน ซูย้าวเฝ้ารออยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด กับมองไฟสีแดงข้างบน ทั้งคนตกอยู่ในความกลัวและหายใจไม่สะดวกอย่างมาก
เธอเป็นห่วงหลินโม่ป่าย
ถ้าการผ่าตัดนี้เกิดความผิดพลาด เช่นนั้น อนาคตของเขา สิ่งที่จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ทั้งหมด ก็จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
สองแม่ลูกตระกูลเถียนก็นั่งอยู่ทางโน้น ทุกวินาทีของการรอคอยสำหรับพวกเขา ทุกขเวทนามากเถียนลี่ลี่หวังว่าพ่อจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ พนมมือและสวดมนต์อย่างต่อเนื่อง
ซูย้าวเห็นกับตา ก็ถอนหายใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสมปรารถนาดั่งที่ต้องการ ให้ผู้จัดการเถียนรอดจากอันตรายอย่างปลอดภัย
ในห้องผ่าตัด นาฬิกาปลุกจะดังทุกชั่วโมง เหมือนคอยเตือนใจและก้อนสำลีเปื้อนเลือดก็ถูกโยนทิ้งลงถังขยะ เครื่องมือผ่าตัดส่องแสงจำนวนหนึ่งเปื้อนเลือดเป็นสีแดง ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานแค่ไหน
หลินโม่ป่ายเหงื่อออกเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของเขา พยาบาลด้านข้างเช็ดให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด——
จู่ๆเครื่องก็ส่งเสียงดังน่ากลัว
“ความดันโลหิตของผู้ป่วยสูงขึ้น”
“135——90 ”
“140——92 ”
“144——95 ”
“ลดความดัน”
ผู้ช่วยแพทย์ที่อยู่ข้างๆคนไข้ค่อยๆดันยาลดความดันลงในท่อของเหลวของคนไข้นี่คือการต่อสู้ที่ดุเดือดตื่นเต้น ในห้องผ่าตัดที่เงียบบรรยากาศแปลกและเงียบสงบ ทุกคนตื่นเต้นมาก เหมือนเส้นตึงไปหมดและเหมือนจะขาดได้ตลอดเวลา
“ความดันโลหิตของผู้ป่วยยังคงสูงขึ้น”
“150——97”
“160——103”
…………..
ด้านนอกห้องผ่าตัด พยาบาลวิ่งเข้าออกบ่อยครั้ง สีหน้าตื่นเต้นมาก ทำให้ทุกคนตึงเครียด
แม่เถียนดูเหมือนจะทรมานในการรอมากทันใดนั้นทนไม่ไหวจึงเป็นลมไป
นี่ก็คือโรงพยาบาล เถียนลี่ลี่ตะโกนเสียงดัง พยาบาลรีบวิ่งมา พวกเขายกแม่เถียนขึ้นไปบนเตียงที่ผลัก เข้าไปในห้องผู้ป่วยเพื่อช่วยเหลือ
อีกสักครู่ แม่เถียนเหมือนจะปลอดภัยแล้ว เถียนลี่ลี่เดินออกมาจากด้านใน ร้องไห้จนตาแดง เธอเงยหน้าก็เห็นซูย้าว เดินเข้าไปกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถ้าพ่อแม่ฉันเป็นอะไรไป ซูย้าว ฉันจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
คำพูดที่ไม่เกี่ยวข้อง และด้วยสภาพจิตใจของเธอในขณะนี้ ซูย้าวขี้เกียจเถียง และไม่มีแรงไปสนใจ เพียงแค่สอดส่ายสายตาอย่างเงียบๆไม่สนใจ
เถียนลี่ลี่เจ็บปวดจนตัวสั่น เดินเซไปที่นั่ง แล้วนั่งลงอย่างแรง ปฏิกิริยาที่ง่ายๆแต่ดูเหมือนว่าจะใช้พลังงานทั้งหมดที่ร่างกายมี
และในขณะนี้ ลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลก็เปิดออกช้าๆหุ่นเพรียวเดินออกมา และมีผู้ชายสองสามคนในชุดสูทเดินตามหลังมา
ซูย้าวชำเลืองมอง แต่ไม่ได้ใส่ใจ
จนคนพวกนั้น เดินตรงมาหาเธอตรงหน้า
ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้า ดูจะอายุประมาณสามสิบกว่า แต่งตัวดูดีสวยงาม ความสง่างามความหรูหราและความเรียบง่ายแสดงอยู่บนร่างกายของเขาอย่างเต็มที่
ซูย้าวมองไปที่เธอ ทันใดนั้น รู้สึกคุ้นหน้าเล็กน้อย แต่ก็จำไม่ได้
“คุณคือซูย้าวใช่ไหม” ผู้หญิงพูด
เธอตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้น ก็ได้ยินผู้หญิงคนนั้นแนะนำตัวเอง “ฉันชื่อหลินจิ้งซูเป็นพี่สาวแท้ๆของโม่ป่าย”
ซูย้าวนึกขึ้นทันที หลินโม่ป่ายมีพี่สาวหนึ่งคนจริงๆ เกือบสิบปีที่แล้วถูกส่งไปต่างเพื่อพัฒนาธุรกิจครอบครัวหลายปีที่ผ่านมาติดต่อกับน้องชายน้อยมาก