เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 354
“เฉินซี?”
เสียงอ่อนหวานของหานฉ่ายหลิงดังมา เขย่าข้อมือเขาเบาๆ เสียงลดต่ำ “เฉินซี คุณมาเพราะอะไร?”
ด้านนั้น เลขาหลี่รออยู่และหันกลับมามองเขา
ท่ามกลางแขกเหรื่อ มีจำนวนไม่น้อยที่รอดูพิธีการอยู่ และมองมาทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวอย่างกังวลใจ
ดวงตาเคร่งขรึมที่เย็นชาของลี่เฉินซี ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชากวาดสายตามองหญิงสาวหลายคนที่พูดอยู่ก่อนหน้านี้ สายตาเฉยเมย แต่กลับเต็มไปด้วยข้อสงสัยและคำถาม มีความสนใจในหัวข้อสนทนาที่หลายคนพูดถึงขึ้นมากะทันหัน
หานฉ่ายหลิงเดาได้ว่าเกี่ยวกับอะไร ในเมื่อ อยู่ใกล้กันขนาดนี้ เขาได้ยินแล้ว มีหรือที่เธอจะไม่ได้ยิน?
“เฉินซี?” เธอเรียกอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ที่เดิม สายตาเย็นชาไม่ขยับเขยื้อน
หานฉ่ายหลิงเม้มริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ ช่วงเวลาแบบนี้ งานเลี้ยงงานหมั้นที่เธอรอคอยมาหลายปี ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น งั้น…
เธอแทบจะไม่อยากคิดต่อไป โชคดีที่ความแข็งทื่อนี้ ดึงดูดความสนใจของเจี่ยงเวินอี๋ เธอเดินผ่านกลุ่มคนและเดินตรงมาด้านหน้า พูดเสียงเบาว่า “เฉินซี คุณเป็นอะไร? พิธีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
คำพูดของแม่ สายตาที่รอบคอบ สามารถดึงลี่เฉินซีจากความคิดยุ่งเหยิงกลับสู่ความจริง เขามองมาที่แม่ คิ้วที่สวยงามขมวดแน่น และไม่พูดอะไร แต่กลับจับมือของหานฉ่ายหลิง จากนั้นก้าวขายาวเดินไปทางเวทีหลัก
เป็นเพียงแค่พิธีการที่เรียบง่าย แสดงความใกล้ชิดกันในหลายมานี้ของทั้งสองคน เน้นกล่าวถึงความสัมพันธ์ในตอนนั้นที่เป็นรักครั้งแรกของทั้งสองคน ดึงดูดความตื่นตกใจของคนในงานไม่น้อย
ต่างความสุขที่สุดในชีวิตของผู้หญิง คือการแต่งงานกับคนที่เป็นรักครั้งแรก
แต่อาจจะไม่มีความสุขตามที่หวัง
เพราะความแตกต่างของแต่ล่ะคน
ถ้าทุกๆ ความรัก รักใคร่กันดี เกริกก้อง เหมือนกับในวิดีโอแนะนำ คาดว่าความเกลียดแค้นน่าจะน้อยลงมาก
ทั้งสองคนแลกแหวนหมั้นกัน งานพิธีสิ้นสุดลง งานหมั้นถือว่าสำเร็จตามความต้องการ ใบหน้าหานฉ่ายหลิงมีความสุข เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีความสุขที่แสนหวานอย่างเห็นได้ชัดเจน
ด้านล่างเวที หัวใจที่เคว้งคว้างของเจี่ยงเวินอี๋ ก็สบายใจขึ้นได้สักที
“ดูไปแล้วเฉินซียังมีใจกตัญญู ถึงปากจะปฏิเสธ แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยอมทำตามที่ฉันและฉ่ายหลิงต้องการ!” เธออดไม่ไหว จึงกระซิบพูดกับเลขาหลี่
เลขาหลี่ยิ้มนิดๆ “คุณนายเป็นแม่ของประธานลี่ และประธานลี่ก็มีชื่อเสียงเรื่องความกตัญญู ท่านเลี้ยงลูกชายที่ดีมากคนหนึ่ง!”
“ตอนนี้ ฉันหวังว่าเจิ้งเอ๋อของฉันจะตื่นขึ้นมาเร็วๆ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็สบายใจได้แล้ว!” เจี่ยงเวินอี๋ถอนหายใจ คิดว่าอย่างเดียวที่ขาดในงานนี้คือ หลายชายที่รักของตัวเอง
ขณะกำลังคิด เลขาหลี่ก็ขมวดคิ้วตาม “นายน้อยเป็นคนดีได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์ เชื่อจะตื่นขึ้นและกลับมามีสุขภาพแข็งแรงในเร็วๆ นี้ ท่านไม่ต้องกังวลไป!”
“การตรวจสอบเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนั้น ยังตรวจสอบไม่เจอหรือไง?” เจี่ยงเวินอี๋พูดถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ที่ลี่เจิ้งโดนวางยาพิษและตกลงมาจากชั้นสอง
เลขาหลี่ส่ายหน้า พูดเบาๆ ว่า “ทางตำรวจสอบสวนอยู่ตลอด แต่คดีกลับยังไม่มีความคืบหน้า เบาะแสก็หายไปหมดแล้ว อยากจะตามหาคนร้ายตัวจริง เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย!”
“ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน หรือต้องใช้วิธีไหน ฉันต้องหาคนร้ายจริงให้ได้!” เจี่ยงเวินอี๋สายตาเย็นชา คิดถึงว่ามีคนกล้าทำร้ายหลานชายของเธอ งั้นคนคนนั้นก็คือศัตรูของเธอ อยู่ร่วมโลกกับตระกูลลี่ไม่ได้!
ต่อให้คนในตระกูลลี่เหนื่อยมาก ก็ต้องหาให้เจอ ไม่ปล่อยไปเด็ดขาด
เลขาหลี่ก้มหน้าลง “ท่านสบายใจได้ ควรจะทำอะไร ฉันรู้ดี”
ทั้งสองคุยกันอยู่ทางนี้ แต่ลี่เฉินซีที่ลงมาจากเวที ทักทายกับคนรอบๆ ตัวง่ายๆ ไม่นาน ดื่มเหล้าไปไม่กี่แก้ว ก็หาข้ออ้างขอตัวออกมาก่อน
หานฉ่ายหลิงที่กำลังสังสรรค์กับเพื่อนสนิทๆ หลายคน พอเงยหน้าขึ้นมา ไม่เห็นเขาท่ามกลางฝูงชน ตะลึงไปและถามผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างว่า “เฉินซีล่ะ?”
ผู้ช่วยส่ายหน้า “เมื่อกี้เห็นประธานลี่ ประธานหลี่และคนอื่นๆ ดื่มเหล้ากันอยู่ตรงนั้น ทำไมพริบตาเดียวก็หายไปแล้วล่ะ?”
หานฉ่ายหลิงวางแก้วลงบนถาดที่บริกรถือ หันคิดว่าจะไปตามหา แต่ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบถามว่า “ใช้แล้ว กัวหลินล่ะ? วันนี้ยังไม่เห็นเธอเลย…”
ผู้ช่วยกล่าว “ก่อนหน้านี้เลขากัวไปหาคุณที่โรงพยาบาล บังเอิญโดนตำรวจพาตัวไป เหมือนจะเป็นเพราะการลอบวางเพลิงหรืออะไร จึงถูกพาตัวไปสอบสวนแล้ว!”
“อะไร?” หานฉ่ายหลิงตกตะลึง
กัวหลินเป็นเลขาของเธอ สถานะในบริษัทHSไม่สามารถมองข้ามได้ และเป็นคนสนิทของเธอ ตำรวจพาตัวคนของเธอไป ไม่บอกเธอสักคำ เห็นเธอเป็นอะไรกัน?!
ที่สำคัญคือ ลอบวางเพลิง?
งั้นกัวหลินทางนั้น…
ทันใดนั้นหัวใจของหานฉ่ายหลิงเป็นกังวลไม่มีความสบายใจ
ในห้องโถงใหญ่ไร้เงาของลี่เฉินซี เดินออกไปถึงทางเดินด้านนอก กลับเห็นหวางอี้
“เฉินซี?” เธอเดินเข้าไปถาม
หวางอี้เดินมาด้านหน้า พยักหน้าด้วยความเคารพ และพูดอย่างสงบว่า “คุณหาน ประธานลี่รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ดุเหมือนว่าที่บริษัทจะมีปัญหา เขารีบกลับไปจัดการแล้ว!”
“ที่บริษัทเกิดเรื่อง? เรื่องอะไร?” หานฉ่ายหลิงสายตาสงสัย อยากจะถามให้ถึงที่สุด
หวางอี้บอกว่า “ฉันไม่แน่ใจรายละเอียด ดูเหมือนจะเป็นที่สาขาย่อยทางนั้น!แต่ประธานลี่สั่งไว้แล้ว ให้คุณรอหน่อย เขาจัดการเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”
“……”
หานฉ่ายหลิงสีหน้าบึ้งตึง สาขาย่อย? จะเกิดเรื่องขึ้นมากะทันหันในเวลานี้หรือไง?
คนเกือบทั้งเมืองAรู้ ว่าวันนี้เป็นวันหมั้นของลี่เฉินซี ต้องเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนกันถึงจะรบกวนเขาได้ในเวลานี้?
แค่ฟังก็รู้ว่าโกหก ต้องเรื่องของผู้หญิงนั้นแน่นอน ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินข่าวลือ จึง…
หานฉ่ายหลิงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมา คนหาในอินเทอร์เน็ต หาหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว เมื่อประมาณ40นาทีก่อนหน้านี้มีการไลฟ์สด กดเข้าไปดู ในคลิปเสียงดังวุ่นวายไม่หยุด
เธอลดเสียงลง แต่ก็ยังได้ยินเหมือนเดิม ในวิดีโอเถียนลี่ลี่แสดงสีหน้าโกรธแค้นใส่ซูย้าว พุ่งไปทางเธออย่างบ้าคลั่ง และทำท่าทางดุร้ายใส่เธอ ยกมือขึ้นตบโดยไม่ทันตั้งตัว
เมื่อสังเกตเห็นผู้หญิงที่โดนตบ ริมฝีปากลางของหานฉ่ายหลิงยิ้มออกมาอย่างสวยงาม
น่าจะเป็นวิดีโอเดียวกัน ลี่เฉินซีขับรถตรงไปทิศทางใดทางหนึ่ง สังเกตคนที่โดนตบในหน้าจอ สายตาเย็นชา มือใหญ่เรียวยาวของเขากำพวงมาลัยแน่น
……
อีกด้านหนึ่งของเมือง
ซูย้าวนั่งอยู่บนรถ หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าออกมาเปิดกล้องดูใบหน้าตัวเองบนหน้าจอ มุมปากแตก รอยช้ำบนใบหน้า หายใจเข้าลึกอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากกลับไป ถ้าลูกทั้งสองคนถาม เธอบอกว่าบาดเจ็บเพราะไม่ระมัดระวัง ลูกๆ จะเชื่อไหม?
คิดไม่ถึงว่าเถียนลี่ลี่จะไม่มีเหตุผลจนถึงขั้นนี้…
ผู้จัดการเถียนยังอยู่ในอาการโคม่า ไม่สถานการณ์อะไรเกิดขึ้น เธอหงุดหงิดขนาดนี้ ซูย้าวแค่เข้าไปที่บริษัทแวบเดียว คิดไม่ถึงว่าไปถึงแค่หน้าประตูก็โดนผู้ปกครองล้อมรอบจนไปไหนไม่ได้
และยังมีนักข่าวที่อยู่ก็โผล่ออกมา เธอคาดไม่ถึงว่าอยู่ๆ เถียนลี่ลี่จะโผล่ออกมากะทันหันและตบลงมาที่หน้าเธอ จนหน้าเธอมีรอยสีสัน
เธอถอนหายใจส่ายหน้าและค่อยๆ ขับรถกลับโรงแรม
ระหว่างทางกลับ เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันหมั้นของลี่เฉินซี ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าจะเตรียมของขวัญอะไรให้เขาดี แต่สองวันมานี้เกิดเรื่องราวมากมาย จนเกือบจะลืมไปแล้ว
ซูย้าวมองเวลา เดาว่างานเลี้ยงงานหมั้นน่าจะเสร็จแล้ว ถ้าไปมอบของขวัญให้ตอนนี้ เกรงว่าจะโดนนินทา และบนใบหน้าของตัวเองยังได้รับบาดเจ็บอีก เปิดเผยใบหน้าในที่สาธารณะไม่ดีมั้ง คิดแล้วคิดอีกไม่ไปแล้วกัน
ถือว่าประหยัดเงินแล้วกัน!
เธอยิ้ม และจอดรถอย่างช้าในที่จอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรม และขึ้นลิฟต์ไปอย่างว่าง่าย