เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 368
ทางร้านโรงแรมนั้น ตอนเช้าซูย้าวรอให้โม่หว่านหว่านมารับเด็ก ๆ ไป พอโดนตระกูลเถียนโวยวายซะขนาดนั้น เธอแค่จะออกจากโรงแรมก็ยังต้องโดนนักข่าวกลุ่มใหญ่มาล้อมจู่โจม จึงได้แต่ไม่โผล่หน้าออกไปชั่วคราว แล้วอยู่รอให้ข่าวเงียบไปอย่างเงียบ ๆ จากนั้นค่อยหาดูไปตามสถานการณ์
แล้วเธอก็รอไปอีกนาน จนในที่สุดเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
ซูย้าวรีบวิ่งไปเปิดประตู แต่คนที่รอมาถึงกลับไม่ใช่โม่หว่านหว่าน แต่ว่า กลับเป็นลี่เฉินซีแทน
ทั้งตัวสวยสูทใส่รองเท้าหนัง ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหม ผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้าก็สามารถให้ความรู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันทีกับผู้คนได้ โดยเฉพาะช่วงเวลาเช้า จะเป็นอาหารตาได้ดีมากเลย
ซูย้าวจ้องมองเขาแล้วอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นพอตั้งสติกลับมาได้ก็รีบถามขึ้นว่า “เช้าขนาดนี้ คุณมาเยี่ยมซีซีเหรอคะ?”
เขายิ้มแล้วส่ายหัวเล็กน้อย “พูดว่ามาเยี่ยมไม่ได้ ผมมารับเด็ก ๆ ทั้งสองคนไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลต่างหาก”
“อ่อ?” เธอขมวดคิ้วขึ้น “แต่ฉันได้บอกให้หว่านหว่าน……”
ลี่เฉิงซีรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร จึงรีบอธิบายขึ้นทันทีว่า “ผมเจอเธอที่ใต้ตึกแล้ว แล้วก็ได้บอกให้เธอไปทำงานแล้ว!”
“……”
ซูย้าวเข้าใจแล้ว ลี่เฉินซีได้บอกปัดให้โม่หว่านหว่านจากไปแล้วที่ใต้ตึก เพราะฉะนั้นเธอจำเป็นจะต้องมอบเด็ก ๆ ทั้งสองคนให้เขาเป็นคนไปส่ง ไม่งั้น ก็จะต้องไปส่งด้วยตัวเองแล้ว
เธอถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วหมุนตัวไป และตะโกนเรียกเข้าไปในห้องคำหนึ่ง “เตียวเตียว ซีซี ไปโรงเรียนได้แล้วจ้ะ!”
ที่ข้างมีเสียงแหลมเล็กลอยมา แล้วก็เสียงตอบกลับของเตียวเตียว
ซูย้าวเอากระเป๋าของเด็กทั้งสองส่งให้กับเขาก่อน และยังมีกล่องรักษาอุณหภูมิสองกล่อง ข้างในนั้นล้วนเป็นผลไม้สด ๆ ที่หั่นเรียบร้อยแล้ว ยังมีวุ้นผลไม้ที่เธอทำอีกส่วนหนึ่งด้วย ล้วนเป็นสิ่งที่เก็บไว้ให้พวกเด็กกินตอนเที่ยง
“ของพวกนี้พอถึงโรงเรียนแล้ว จะต้องเอาไปแช่ไว้ในช่องเย็นของตู้เย็น แล้วในนี้ยังมีคุกกี้อีกส่วนหนึ่ง ฉันทำไว้เยอะมาก ให้เด็ก ๆ สองคนเอาไปแบ่งให้เพื่อนคนอื่น ๆ กินด้วยกัน” เธอสั่งกำชับขึ้น
ลี่เฉินซีจ้องมองข้าวของที่เธอเตรียมไว้ แล้วอดไม่ได้ที่มุมปากจะคลี่ยิ้มออกมา
“เรื่องที่เด็ก ๆ ทั้งสองคนทะเลาะกับเพื่อนเมื่อวาน ฉันได้ยินมาจากหว่านหว่านแล้ว ตอนที่คุณไปถึงโรงเรียน ก็ขอโทษกับคุณครูสักหน่อยด้วย แล้วก็ช่วยบอกกับพวกเด็ก ๆ ด้วยว่า ห้ามทะเลาะกับเพื่อนแล้ว!” แล้วเธอก็พูดขึ้นอีก
ลี่เฉินซีเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเธอ บนใบหน้าที่หล่อเหลาโดดเด่นนั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ซูย้าวครุ่นคิดอีกเล็กน้อย และรีบพูดขึ้นว่า “อ๋อ ใช่แล้ว ท้องไส้ของเตียวเตียวไม่ค่อยดี ตอนที่กินข้าวตอนเที่ยง อย่าลืมบอกให้แกกินของอุ่นร้อนด้วย อย่ารีบร้อนกินของเย็นไปล่ะ!”
เธอสั่งกำชับขึ้นอย่างใส่ใจ แต่เขากลับจ้องมองเธออยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรเลย
จนถึงสุท้าย เด็ก ๆ ทั้งสองคนต่างก็เดินออกมาแล้ว ซูย้าวจ้องมองเขา ไม่ก็ถามขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “คุณจำได้หมดหรือยังคะ?”
“คุณเปลี่ยนไปเป็นจู้จี้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เขายิ้มแล้วก็แอบแซวไปประโยคหนึ่ง
เธออึ้งไปเล็กน้อย จู้จี้เหรอ?
เหมือนกับว่าจะไม่เคยมีใครใช้สองคำนี้กับตัวเธอมาก่อนเลย แล้วอยู่ ๆ มาโดนคนพูดแบบนี้เข้า ก็เลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ชิน
“อย่างน้อยฉันก็เป็นแม่ของเด็กหลายคนแล้ว จู้จี้หน่อยก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?” เธอโจมตีกลับไปอย่างเยาะเย้ยตัวเอง
แต่เขากลับมองไปที่เธอ รอยยิ้มไม่ได้ลดลงเลย “ลืมไปแล้วเหรอ? ผมก็เป็นคนที่เป็นพ่อคนแล้วนะ เมื่อก่อนก็ส่งเจิ้งเอ๋อไปโรงเรียนอนุบาลทุกวัน เรื่องพวกนี้ ถึงคุณจะไม่บอกผม ผมก็รู้ว่าควรจะทำยังไง!”
ลี่เฉินซีหัวเราะไป แล้วมือใหญ่ก็จูงเด็กทั้งสองคนเข้าลิฟต์ไป
ซีซีไม่ชอบเขา เลยมักจะรักษาระยะห่างไว้ช่วงหนึ่ง เหมือนกับว่าหลบอะไรอยู่ยังไงอย่างงั้น แล้วก็เอาแต่หนี เหมือนกับว่ากลัวเขาจะทำอะไรที่ทำร้ายโดนตัวเองออกมา
เขาจ้องมองยัยเด็กน้อยอยู่อย่างไม่รู้จะรับมือยังไง ไม่รู้ว่าตกลงตัวเองควรจะทำยังไง เธอถึงจะยอมวางความระแวดระวังที่มีอยู่ในใจลง
จนถึงมาถึงที่รถ พอประตูรถเปิดออก ตอนนี้เตียวเตียวกับซีซีถึงพบว่า ในมีได้มีหนูชาร์ลีนั่งรออยู่บนรถนานแล้ว
เพราะว่าเป็นโรงเรียนอนุบาลเดียวกัน แล้วก็เป็นห้องเดียวกันอีก เพราะฉะนั้นพวกเขาต่างก็รู้จักกัน
เตียวเตียวเอ่ยทักทายขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ “ไฮ ชาร์ลี อรุณสวัสดิ์!”
“อรุณสวัสดิ์!” แล้วชาร์ลีก็ทักทายกลับอย่างมีมารยาทประโยคหนึ่ง
มือใหญ่ที่อ่อนนุ่มของลี่เฉินซีขยี้อยู่บนหัวของเตียวเตียวทีหนึ่ง แล้วก็ทยอยอุ้มเด็กทั้งสองคนขึ้นรถ จากนั้นตัวเองก็อ้อมไปอีกทาง แล้วก็ขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับ
จากการขยับของรถยนต์ ค่อย ๆ ขับมุ่งหน้าไปทางโรงเรียนอนุบาล ที่ตำแหน่งเก้าอี้ข้างหลังนั้น เตียวเตียวและชาร์ลีพูดคุยกันไปตลอดทาง ทั้งพูดทั้งหัวเราะไป
มีเพียงแต่ซีซี ที่เงียบขรึมไม่พูดอะไร
ได้แต่นั่งอยู่แต่ตรงนั้น แล้วมองไปที่นอกหน้าต่างอย่างเงียบสงบ ขนตายาวค่อย ๆ ขยับเล็กน้อย ดวงตาที่งดงามแวววาวใสแจ๋ว ก็ไม่รู้ว่าตกลงกำลังคิดอะไรอยู่
ตลอดระยะทาง หลายครั้งที่สายตาของลี่เฉินซีมองไปที่ลูกสาว ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนที่มีลี่เจิ้งแล้ว เขาเองก็ถือได้ว่าคุ้นเคยกับการเป็นพ่อคนแล้ว และรู้สึกว่าตั้งแต่ที่ใกล้ชิดกับลูกมา ก็ไม่ได้มีอะไรยากและกีดขวาง แต่กับยัยหนูนี่ ทำให้เขารู้สึกจริง ๆ ว่า……หมดเรี่ยวแรงจริง ๆ!
รถขับมาถึงที่โรงเรียนอนุบาล ตอนที่ลงจากรถ ลี่เฉินซีก็ค่อย ๆ อุ้มชาร์ลีและเตียวเตียวลงมา แต่พอมาถึงซีซีนั้น เขาเพิ่งจะยื่นมือออกไป ก็โดนเด็กมองจนทะลุปรุโปร่ง แล้วก็หลบออกไปเลย
จากนั้น ร่างเล็ก ๆ ของเธอเอียงตัวทีหนึ่ง แล้วก็มุดออกไปจากใต้แขนของเขา แล้วก็กระโดดลงจากรถด้วยตัวเองเลย
ลี่เฉินซีจ้องมองเธออยู่อย่างเขินอายเล็กน้อย แต่ซีซีกลับทำเป็นมองไม่เห็นเขาไปเลย มือเล็ก ๆ จับเตียวเตียวเอาไว้ แล้วก็เดินเข้าโรงเรียนอนุบาลไปเลย
จ้องมองแผ่นหลังของลูกสาว แล้วเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่รู้จะทำยังไง บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าใกล้ชิดกันน้อยเกินไปด้วยมั้ง ค่อย ๆ ใกล้ชิดกันให้มากขึ้นดีกว่า!
แล้วทั้งสามวันต่อกัน ก็ล้วนเป็นลี่เฉินซีที่รับผิดชอบมารับพวกเด็ก ๆ ด้วยตัวเอง ตอนเช้าเขาจะปรากฏตัวมาอย่างตรงเวลา ตอนเย็นก็จะส่งเด็ก ๆ ทั้งสองคนกลับมาให้อย่างปลอดภัย
การกระทำอย่างนี้ ทำได้ติดต่อกันมาจนถึงตอนเย็นวันที่สามวัน
ตอนก่อนที่เขาและพวกเด็ก ๆ จะกลับมานั้น ซูย้าวก็ได้รับโทรศัพท์ที่หลินเวยโทรมา แล้วก็ได้บอกข่าวดีข่าวหนึ่งให้เธอรู้
“เมื่อกี้ฉันเพิ่งได้รับข่าวมา ว่าทางด้านนั้นเปิดเผยมาว่า มีความประสงค์ที่จะไกล่เกลี่ยกันนอกศาล!” หลินเวยพูดขึ้น
ชั่วขณะหนึ่ง ซูย้าวมีปฏิกิริยาแทบไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็รีบรวบรวมสติถามขึ้นว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”
“ยังไม่ได้ตกลงกันอย่างเด็ดขาด แต่ว่าทางด้านตระกูลเถียนได้มีเจตนาแสดงไปในทิศทางนี้แล้ว เชื่อว่าคงจะใช้เวลาไม่นาน ก็คงจะเกือบเรียบร้อยแล้ว!” หลินเวยรีบร้อนที่จะเอาข่าวดีมาบอกกับเธอเป็นคนแรก แล้วก็พูดขึ้นอีกว่า “คาดว่าตอนนี้พวกนักข่าวที่เฝ้ามองเธออยู่ที่ข้างนอก น่าจะน้อยลงไปเยอะแล้ว ในเมื่อเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เรื่องนี้ ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นข่าวใหม่อะไรแล้ว!”
ก้อนหินที่หนักอึ้งที่ทับอยู่ในใจของซูย้าวในที่สุดก็ถือได้ว่าสามารถยกลงมาได้แล้ว “ขอบคุณมากนะคะ ทนายหลิน”
“ขอบคุณตอนนี้ยังเร็วเกินไป รอให้เรื่องนี้จบลงจริง ๆ ซะก่อน แล้วพวกเราค่อยมาฉลองกันดี ๆ สักหน่อย!” หลินเวยเสนอแนะ
เธอพยักหน้า แล้วทั้งสองคนก็คุยกันไปอีกไม่กี่ประโยค ถึงได้วางสายโทรศัพท์ลง
หลังจากที่จบการพูดคุยโทรศัพท์กันแล้ว ซูย้าวยืนอยู่ตรงนั้น ยืนกำโทรศัพท์ไว้ในมืออยู่
ผ่านไปนาน จนกระทั่งเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ถึงได้ตั้งสติกลับมาได้ แล้วก็วิ่งไปเปิดประตู
พูดตามตรง เธอรู้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่มากแค่ไหน ในที่สุดแล้วก็จะต้องมีวันที่คลี่คลายได้สักวันหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นข่าวใหญ่แค่ไหน ก็จะต้องมีวันที่ข่าวซาไป เพียงแต่ว่าคิดไม่ถึงว่า คนของตระกูลเถียนมาอย่างท่าทางองอาจ ท่าทางราวกับถ้าเอาเธอไป‘ลงโทษตามกฎหมาย’ไม่ได้ก็จะไม่มีวันยอมรามือแล้วทำไมถึงพอห่างกันแค่ไม่กี่วัน ก็มีความคิดที่จะไกล่เกลี่ยกันนอกศาลแล้ว?
ในใจของเธอเข้าใจได้ยาก และความสงสัยที่มีมากกว่าก็ต้องข่มลงไปก่อนชั่วคราว พอเปิดประตูออก ก็เห็นลี่เฉินซีและเด็กทั้งสองคน
เตียวเตียวพุ่งทะยานเข้ามาสู่อ้อมอกของเธอ “คุณน้า!”
ซีซีที่ตามอยู่ข้างหลังเขา ก็ชิดใกล้เข้ามาด้วย แล้วก็หอมที่แก้มเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็วางกระเป๋าเล็ก ๆ ลง แล้ววิ่งไปล้างมือล้างหน้าที่ห้องน้ำแล้ว
หลังจากที่เด็กทั้งสองคนเข้าไปแล้ว เธอก็จ้องมองเขาแล้วถามขึ้นว่า “จะเข้ามานั่งสักหน่อยไหมคะ?”
ลี่เฉินซียิ้มอ่อน ๆ ขึ้น แล้วก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามาในห้อง
“หลายวันมานี้ต้องลำบากคุณแล้ว ยังต้องให้คุณดึงเวลาให้ว่างออกมารับส่งพวกเด็ก ๆ อีก” เธอพูดขอบคุณขึ้นอย่างเกรงใจ
แต่เขากลับพูดว่า “ก็เป็นลูกของผมด้วยเหมือนกัน ทำไมจะต้องเกรงใจขนาดนี้ด้วยล่ะ?”
“แต่ว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องแล้วนะคะ เรื่องของทางด้านฉันนี้ เกือบจะจัดการใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันสามารถไปรับส่งพวกเด็ก ๆ ได้เองแล้ว” เธอพูดขึ้น
ลี่เฉินซีมองไปที่เธอ “เรื่องทั้งหมดจัดการได้หมดแล้วเหรอ?”
“ยังเลยค่ะ แต่ว่าใกล้แล้ว!” เธอมีรอยยิ้มที่ดูโล่งอกออกมาทีหนึ่ง พอคิดถึงตอนที่ตัวเองออกไปข้างนอก จะไม่มีนักข่าวเยอะแยะขนาดนั้นมาติดตามและขวางกั้นแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้นเยอะเลย
“ในเมื่อยังไม่ได้รับการคลี่คลาย งั้นก็อย่าฝืนมากไปเลย พวกเด็ก ๆ มอบให้เป็นหน้าที่ผมเอง ทุกวันรับส่งสักหน่อยก็ไม่ได้ทำให้เสียเวลาอะไรมากหรอก!” เขาพูดขึ้น
เธอคลี่ปากออกยิ้มอย่างเรียบง่าย “งานของคุณยุ่งซะขนาดนั้น ยังไงก็ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก……”
“ก็บอกไปแล้วไง พวกแกก็เป็นลูกของผมเหมือนกัน ไม่ถือว่ายุ่งยากหรอก เอาตามนี้แหละ ต่อไปหน้าที่รับส่งเด็กทั้งสองคนเป็นหน้าที่ของผม มอบให้ผมเถอะ!” น้ำเสียงของลี่เฉินซีแน่วแน่ ภายใต้ท่าทีที่แข็งกร้าวนั้น แต่กลับปิดบังความอ่อนโยนที่มีอยู่ในดวงตานั้นไม่ได้