เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 374
“ลงทุน?”
ซูย้าวอึ้งอย่างตะลึงงัน จากนั้นได้ตามมาด้วยส่ายหัว “ฉันจะมีเงินมากมายขนาดนั้นได้ยังไงคะ ยังลงทุนอีก…..”
สำหรับเธอแล้ว ดูแลชีวิตของลูกสาวและเตียวเตียว นี่ถึงจะสำคัญที่สุด
ถึงแม้หลายปีมานี้ ซูย้าวก็เก็บเงินได้บ้าง สำหรับครอบครัวธรรมดา น่าจะเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว แต่สำหรับมหาเศรษฐีอย่างลี่เฉินซีแล้ว น้อยจนไม่คู่ควรแก่การพูดถึงเลย
แต่เธอก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว เงินพวกนี้คือจะเก็บไว้ให้ลูกสาว
อีกอย่างเท่าที่ได้อยู่เตียวเตียวในช่วงนี้ เธอก็มีแผนอย่างหนึ่ง ไม่ว่าทำเรื่องอะไร เงินทองล้วนจำเป็นทั้งนั้น
เธอหวังใช้ความพยายามสุดๆของตัวเอง วางแผนอนาคตที่ดีที่สุดให้ลูกสาว นี่ก็คงจะเป็นความหวังของคนเป็นแม่ทุกคนเหมือนกัน
ลี่เฉินซีกลับพูดว่า “เรื่องเงินคุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมช่วยคุณออกเอง”
“ถ้าคุณช่วยฉันออกเงิน งั้นสู้คุณมาลงทุนพัฒนาโดยตรงเองดีกว่า! ตามความสามารถของคุณแล้ว จะต้องหากำไรมาได้เป็นเท่าตัวแน่นอนค่ะ ทำไมจะไม่ดีล่ะ?” เธอพูด
เขากลับส่ายหัว “ผมเหรอ ช่างเหอะ! คุณเนี่ยสิ อยากทำงานอยู่ที่จู้สือกรุ๊ปทั้งชีวิตจริงๆเหรอ?”
บริษัทย่อยของบริษัทลี่ซื่อเยอะเกินไป ธุรกิจยิ่งทำยิ่งใหญ่ สามารถบอกได้ว่าเกี่ยวโยงไปถึงทุกด้าน เขายุ่งจนแทบอยากจเสามารถแยกร่างได้ มีใจแต่แรงไม่พอจริงๆ
ในอุทยานกว้างขวางมาก อุณหภูมิก็ค่อนข้างอบอุ่นกว่าด้านนอก ซูย้าวเดินไปไม่กี่ก้าว เห็นข้างๆมีเก้าอี้ที่สวยงามประณีต ก็เลยเดินไปนั่ง มองดูดอกไม้สดที่เต็มลานนี้ เหมือนอารมณ์ก็ผ่อนคลายลงเยอะเลย
เธอพูด “ทำงานตลอดชีวิตมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่เอาตอนนี้ก่อน ไปจากจู้สือกรุ๊ป ตอนนี้ก็ยังทำไม่ได้ แต่พอดีเลย คนอย่างฉันไม่มีความทะเยอทะยานและความปรารถนาที่ใหญ่โตอะไร แค่อยากใช้ชีวิตของตอนนี้ให้ดีก็พอแล้วค่ะ”
ลี่เฉินซีนั่งลงที่ข้างกายเธอ และคิดอย่างจริงจัง “ที่คุณพูดก็ถูก ใช้ชีวิตของแต่ละวันให้ดีที่สุดถึงจะสำคัญที่สุด แต่พัฒนารอบๆที่คุณว่าก็สามารถนำไปปฏิบัติตามได้จริงๆนะ”
“งั้นคุณที่เป็นคนเก่งก็ต้องเหนื่อยหน่อยแล้ว! และพัฒนาเยอะๆแล้วนะคะ!” ซูย้าวยิ้มอย่างปรับความคิดของตนเองให้เข้ากับผู้อื่น
เขามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย “งั้นผมพัฒนาในนามคุณ คุณคิดว่าเป็นไงบ้าง?”
“ฉัน?” ซูย้าวอึ้ง “ช่างเถอะมั้งคะ! ตอนนี้คุณก็เป็นคนที่มีว่าที่ภรรยาแล้ว ฉันไม่อยากให้คุณหานคิดมาก ให้โลกภายนอกคาดเดา ถึงเวลาก็จะมีข่าวลืออีก คำพูดที่ไม่รื่นหูพวกนั้น ฉันทนมามากพอแล้วค่ะ!”
พอพูดแบบนี้ กลับทำให้นึกถึงหหลายวันก่อนเธอยังเจอความวุุ่นวายของศึกภายนอกและศึกภายในอยู่เลย คนทั้งคนจมเข้าไปในวงเวียนของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน ถูกคำพูดต่างๆนานาโจมตี ความรู้สึกแบบนั้นมันช่างทรมานจริงๆ
แต่ว่าพูดถึงตรงนี้ ซูย้าวมองหน้าเขา “ฉันรู้ว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเถียน สามารถแก้ไขได้ไวขนาดนี้ ก็ต้องขอบคุณการช่วยเหลือของคุณค่ะ!”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นผม?”
ซูย้าวยิ้ม “ฉันไม่เพียงรู้ว่าเป็นคุณ ยังรู้ด้วยว่าคุณแค่ช่วยไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งที่เหลือ คือคนของหลินกรุ๊ปออกโรงช่วยเหลือค่ะ”
เพื่อให้ตระกูลเถียนตอบตกลงยอมเจรจากันนอกศาล หลินกรุ๊ปได้เสนอราคาสูงลิ่วโดยตรง จำนวนที่เพียงพอให้คนไหนๆก็ทึ่ง เงื่อนไขที่เหนือกว่า ให้สองแม่ลูกของตระกูลเถียนจำต้องละทิ้งความเป็นแม่ลูกกัน และเลือกเงินทองที่อยู่ตรงหน้า
เธอยังรู้ด้วยว่าที่หลินกรุ๊ปสามารถออกโรงช่วยเหลือ จะต้องเพราะหลินโม่ป่ายแน่นอน
ตั้งแต่ตอนที่เขายืนกรานไม่กลับไปรับช่วงต่อธุรกิจของตระกูลหลิน มาจนถึงตอนนี้ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขายอมจำนนกับตระกูลของตัวเอง แต่สามารถจินตนาการได้ว่าเขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนยังไง คาดว่าปัญหาเรื่องที่รับช่วงบริษัทต่อและเข้ารับตำแหน่งของประธานคณะกรรมการจะต้องเกิดความวุ่นวายอีกแล้ว
คิ้วคมเข้มของลี่เฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “คบค้าสมาคมกับผู้หญิงฉลาด ก็ง่ายแบบนี้แหละ!”
“ฉันไม่ได้ฉลาดค่ะ แค่ได้สั่งให้คนไปตรวจสอบดูเฉยๆ!” เธอไม่อยากติดค้างน้ำใจคนอื่นอย่างไร้สาเหตุ
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้เถียนลี่ลี่อาละวาดอย่างมีความสุขขนาดนั้น หน้าตาเหมือนดันจะเอาอีกคนอื่นให้ตาย ทำไมจู่ๆก็ยอมเจรจากันนอกศาลแล้วล่ะ? ซูย้าวรู้สึกกลุ้มใจ ก็เลยส่งคนไปตรวจสอบ คิดไม่ถึงว่าก็ตรวจสอบเจอลี่เฉินซีกับหลินโม่ป่าย
“มันก็ผ่านไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเฉยๆ” เขาพูดอย่างเรียบเฉย ไม่อยากให้เรื่องพวกนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าติดค้างตัวเอง
ซูย้าวเข้าใจ ก็แค่ยิ้มอย่างเรียบเฉยและจบอย่างค้างคา
ทั้งคู่นั่งอยู่มี่อุทยานดอกไม้นานมาก เธอถึงขั้นยังได้บอกแผนของตัวเองให้เขาฟัง “เกี่ยวกับเตียวเตียว คุณก็ได้ใกล้ชิดกับเขามานานพอมากแล้ว รู้สึกเด็กคนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”
“เตียวเตียว?”
ลี่เฉินซีคิดๆแล้ว ในหัวมีหน้าตาของเด็กคนนั้นสะท้อนอยู่ ใบหน้าที่ขาวใส เวลายิ้มจะมีลักยิ้มอยู่สองข้าง ดวงตากลมโต หน้าตาคล้ายคลึงกับลี่เจิ้งสมัยเด็กๆมาก ทำให้คนรักคนหลงมาก
“เป็นเด็กที่น่ารักมาก แถมยังร่าเริงเฉลียวฉลาดและดีกับซีซีด้วย” เขาพูด
ซูย้าวมองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ “คุณก็เห็นใช่มั้ยคะว่าเตียวเตียวดีกับซีซีมาก!”
เท่าที่เธอได้สังเกต พบว่าเตียวเตียวแทบจะทำตามคำสั่งของซีซีอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญที่สุดคือ เด็กสองคนนี้รู้ใจกันมาก ซีซีไม่พูด แต่ในใจคิดอะไร อยากทำอะไร เตียวเตียวล้วนสามารถรู้ในทันที
ความเข้าใจโดยปริยายแบบนี้ บวกกับไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเลย เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ก็เป็นความรู้สึกที่มีใจให้กันตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอ?
ลี่เฉินซีมองเจตนาของเธอออก “คุณคืออยาก…….”
“ไม่ใช่ฉันอยากค่ะ แต่แค่ถือโอกาสทำตามสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยเฉยๆ!” เธอพูดพร้อมยิ้ม
เขาคิดพิจารณาอย่างละเอียดแล้วก็ได้พูดว่า “บางทีซีซีโตแล้วอาจจะอยู่กับเตียวเตียวจริงๆล่ะ! เพราะยังไงซะ ความรักที่มีใจให้กันตั้งแต่เด็กก็ถือว่าดีเหมือนกัน”
“ถ้ามีวันนั้นจริงๆ ฉันจะไม่คัดค้านแน่นอน เพราะฉะนั้นฉันอยากทำเรื่องรับเลี้ยงเตียวเตียวอย่างเป็นทางการ และตั้งชื่อจริงให้เขา”
จนถึงตอนนี้ ทะเบียนบ้านของเตียวเตียวยังลงทะเบียนไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เนื่องจากลำดับก่อนหลังถูกทอดทิ้ง เขาเป็น‘เด็กมีปัญหา’ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นอกจากจะมีครอบครัวยอมรับเขาในระยะยาว ไม่งั้นถึงเขาใช้ชีวิตอยู่ที่ซูย้าว มันก็เป็นแค่เรื่องชั่วคราวเฉยๆ
“คุณตัดสินใจได้ก็โอเคแล้ว เพราะผมรู้สึกชอบเตียวเตียวเด็กคนนี้อยู่ ให้เขาอยู่ต่อเถอะ!” ลี่เฉินซีพูด
ซูย้าวก้มหน้า “ในเมื่อฉันเป็นคนเก็บเขามาเลี้ยงเอง งั้นก็แซ่ตามฉันก็แล้วกัน!”
“ได้” ลี่เฉินซีไม่มีความคิดเห็นอะไร
เธอคิดจนหัวจะระเบิด “ซูเฉิน ชื่อนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”
“สองพยางค์?”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย นี่มันสมัยไหนแล้ว คนอื่นก็ไม่ได้ให้ความสำคัญขนาดนั้นแล้วค่ะ!” ซูย้าวยักไหล่อย่างชิวๆ รู้สึกแน่ใจแล้วว่าจะเรียกชื่อนี้ พรุ่งนี้เธอก็จะให้ผู้ช่วยไปติดต่อทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ลี่เฉินซีดูออก ยากที่เธอจะมีความสุขขนาดนี้ งั้นก็ตามใจเธอก็แล้วกัน ทั้งคู่ก็ได้นั่งต่ออีกสักพัก ซูย้าวถึงนึกขึ้นได้ว่า “คุณอยากพาฉันมาที่นี่ตั้งแต่แรกหรือเปล่าคะ?”
เขาส่ายหัว “ไม่ ยังมีอีกที่หนึ่ง ผมอยากพาคุณไปที่นั่น”
เธอดูนาฬิกาแวบหนึ่ง จากนั้นได้รีบหยิบมือถือติดต่อร้านค้าปลีก บอกว่าตัวเองติดธุระเดี๋ยวถึงจะไปได้ ให้คนของร้านค้าปลีกไม่ต้องรอแล้ว
พอเธอวางสาย เขาก็ได้ดึงมือเธอเดินออกไปข้างนอก “ไปเถอะ ก็ควรพาคุณไปทำเรื่องจริงจังหน่อยแล้ว!”
“อื๋ม?” ซูย้าวอึ้ง รู้สึกว่าคำพูดของเขามีอะไรแอบแฝงอยู่
ลี่เฉินซียิ้มให้เธออย่างร้ายๆ “เดี๋ยวถึงแล้วคุณก็รู้เอง!”
ทั้งคู่ที่อยู่ทางนี้เพิ่งขึ้นรถ ส่วนทางฝั่งของโรงเรียนอนุบาล โม่หว่านหว่านก็ได้ทักทายกับคุณครู และพาเตียวเตียวออกไป
“คุณน้าจะพาผมไปไหนครับ?” เด็กแหงนหน้าถามเธอ
โม่หว่านหว่านก้มหน้ามองเขา “นายทายดู?”
“ไม่รู้ครับ!” ดวงตาใสซื่อของเด็กระยิบระยับ หน้าตาที่เอียงศีรษะน่ารักมาก
โม่หว่านหว่านคิดๆแล้วได้พูดขึ้นมากะทันหันว่า “น้าจะพานายไปที่รกร้างเปล่าเปลี่ยว เอานายไปโยนทิ้งไว้ที่นั่น นายจะได้ไม่ต้องกลับมาอีก!”
“น้าไม่เอาผมแล้วเหรอครับ?” เตียวเตียวค่อนข้างตกใจ
โม่หว่านหว่านคิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะเชื่อ
“แต่น้าโม่ครับ น้าซูเป็นคนพาผมกลับมา ถึงจะทิ้งผม ก็ควรเป็นน้าซู แต่ไม่ใช่น้านี่ครับ!” เตียวเตียวพูด
โม่หว่านหว่านอึ้ง “แหม คิดไม่ถึงเลยว่านายจะฉลาดขนาดนี้!”
เธออุ้มเตียวเตียวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นได้หยิกแก้มของเขาพร้อมพูดเสียงเบาว่า “น้าแค่ล้อเล่นกับนายเฉยๆ น้าพานายไปกินของอร่อย ไหนบอกมาซิว่านายอยากกินอะไร?”
“ห๊า?” เตียวเตียวส่งเสียงตะลึงงันออกมาอย่างข้องใจ