เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 394
ซูย้าวเพิ่งกลับมาถึงห้องทำงานตัวเอง ผู้ช่วยเสี่ยวจางก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างหายใจหอบ“ประธานซู แย่แล้วค่ะ เกิดเรื่องอีกแล้ว!”
เธอตกใจแล้วถาม“เกิดเรื่องอะไร?”
“ฉันได้รับอีเมลมาหนึ่งฉบับ รู้สึกแปลกๆเลยไปตรวจสอบดู โดยรวมยังสืบแน่ชัดไม่ได้ แต่กลับตรวจพบว่าบริษัทได้รับจดหมายมาหนึ่งฉบับตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ……”เสี่ยวจางพูด แล้วเอาจดหมายที่หาเจอยื่นให้เธอพร้อมกับโน๊ตบุ๊คของตัวเองด้วย ข้างในมีอีเมลที่ถูกส่งมา
ซูย้าวเปิดจดหมายออกมาดู เป็นฝั่งของบริษัทเจียงหย่วนให้คนส่งมา โดยสรุปก็คือให้บริษัทจู้สือกรุ๊ปส่งคนที่รับผิดชอบออกมาชี้แจงความจริงทั้งหมด แล้วคืนความบริสุทธิ์ให้กับบริษัทเจียงหย่วน
ถ้าแค่เป็นแบบนี้ เรื่องก็ถือว่าง่ายเลย
แต่ข้างล่าง คู่กรณียังกำหนดเวลาไว้ด้วย
ภายใน24ชั่วโมง
ก็คือหนึ่งวันหนึ่งคืน
ต่อจากนั้น เธอเหลือบไปเห็นโน๊ตบุ๊ค ดูชื่ออีเมลที่ส่งมาในนั้น สีหน้าดูตกใจและอึ้งไป
เสี่ยวจางอธิบายอยู่ข้างๆ“ประธานซู ฉันไปตรวจสอบมา จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาถึงบริษัทตั้งแต่เมื่อวันแล้ว แต่ถูกคนตั้งใจเก็บเอาไว้ หลังจากนั้น ฉันก็ได้รับอีเมลนี้ในวันนี้ค่ะ……”
ในอีเมลไม่มีข้อความสักตัว เป็นรูปทั้งหมด
เป็นรูปประจำวันของซีซีและเตียวเตียว เด็กทั้งสองเล่นชิงช้าอยู่สนามเด็กเล่นในโรงเรียนอนุบาล ตอนเล่นทรายและวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ
ทุกรูปมองแล้วเหมือนถูก‘แอบถ่าย’พร้อมกันนั้น นอกจากมีรูปเด็กสองคน ยังมีโม่หว่านหว่านด้วย
รูปที่โม่หว่านหว่านเข้างานเลิกงาน นั่งคุยกับเพื่อนร่วมงาน รูปที่ตอนซื้อกาแฟ แทบจะมีทุกสถานที่ทุกมุม รูปสุดท้ายเป็นเลขที่คอนโดของโม่หว่านหว่าน……
ก็แปลว่ามีคนตามรอยเด็กสองคนและยังติดตามโม่หว่านหว่าน แถมยังตามถึงบ้าน?!
ที่อยู่ของโม่หว่านหว่านถูกเปิดเผยแล้ว แล้วเรื่องที่เธอกับเด็กๆไปพักที่โรงแรม ฝ่ายตรงข้ามก็นะจะรู้แล้ว
และที่ส่งอีเมลฉบับนี้มา เห็นชัดว่าคือการขู่!
เอาความปลอดภัยของเด็กสองคนและโม่หว่านหว่านเป็นที่ต่อรอง ประกาศสงครามกับซูย้าวอย่างเป็นทางการ
“เมื่อวาน จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซูย้าวปิดโน๊ตบุ๊คลง หยิบจดหมายไว้แล้วถาม
เสี่ยวจางพูด“ประมาณเช้าๆค่ะ!”
บนจดหมายระบุไว้ว่าให้เวลาผู้รับผิดชอบของบริษัทจู้สือออกมาชี้แจงภายใน24ชั่วโมง ส่วนอีเมลส่งมาตอนพักเที่ยง ก็เป็นเพราะเลยเวลากำหนด คู่กรณีเห็นพวกเขาไม่มีสัจจะเลยส่งอีเมลมาขู่
คิดในใจแล้ว ซูย้าวก็ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาขึ้นทีหนึ่ง ระหว่างที่ชื่อเสียงของบริษัทเจียงหย่วนโด่งดังไปทั่ว ยังมีคนลือกันว่าเป็นแก๊งมาเฟีย ดูแบบนี้แล้ว ไม่ผิดแน่นอน
“แล้วจดหมายนี้ เธอได้มาจากใคร?”เธอถาม
เสี่ยวจางพูด“โต๊ะทำงานของหลี่ฝานค่ะ ตอนที่ฉันไปส่งเอกสารแล้วพบเห็นพอดีค่ะ เห็นบนซองจดหมายเป็นชื่อประธานซูเลยหยิบขึ้นมาดู แต่สังเกตเห็นซองจดหมายถูกฉีกแล้ว!”
หยุดไปครู่หนึ่ง เสี่ยวจางก็พูดต่อ“ฉันถามหลี่ฝานแล้วนะคะ เขาไม่ได้เป็นคนฉีก เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นวางอยู่บนโต๊ะหลังเข้ามาทำงานค่ะ ก็คิดว่าไม่ใช่จดหมายสำคัญอะไร รอเจอฉันแล้วค่อยฝากมาให้คุณค่ะ”
แววตาของซูย้าวดูสงสัย หลี่ฝานเป็นเลขาของโอวหยางเช่อ เรื่องเก็บจดหมายไว้ ตั้งใจยื้ดเวลา ถ้ามองในอีกระดับหนึ่ง อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาตั้งใจช่วยคนคนนั้น เพื่อเล่นงานซูย้าว
“หึๆ”เธอยิ้มอย่างเย็นชา คิดแผนอยู่ในใจ ยกมือบอกให้เสี่ยวจางออกไปก่อน
คิดจะเอาเด็กสองคนกับเพื่อนสนิทของเธอมาขู่เธอ บริษัทเจียงหย่วนช่างร้ายกาจจริงๆ!ถึงขั้นต่ำช้าจนต้องใช้วิธีแบบนี้
แต่ว่าสิ่งที่ต้องจัดการเป็นอันดับแรกไม่ใช่บริษัทเจียงหย่วนและไม่ใช่เจียงจี้เซิง แต่เป็นอีกคนต่างหาก
ในเมื่อมีคนในบริษัทชอบทำสงครามลับ แล้วทำไมเธอไม่เล่นเป็นเพื่อนเขาด้วยล่ะ?
นึกแบบนี้แล้ว ซูย้าวก็หยิบมือถืออีกเครื่องออกมาจากลิ้นชัก หลังจากเปิดเครื่องก็โทรไปหาเบอร์หนึ่ง
“หัวหน้าหลี่คะ ไม่เจอกันนาน เป็นยังไงบ้างคะ?”เธอพูดด้วยน้ำเรียบง่าย น้ำเสียงที่เรียบง่ายปนด้วยอารมณ์ดี
หัวหน้าหลี่ก็คือหัวหน้าหน่อยสืบสวนคดีอาญา ที่ทำคดีลักพาตัวของหานฉ่านหลิงเมื่อห้าปีก่อน เวลาผ่านไปหลายปี เขาถูกย้ายจากหน่อยสืบสวนคดีอาญาไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นหัวหน้าหน่อยปฏิบัติการเหมือนเดิม
ฝ่ายตรงข้ามรู้ฐานะของซูย้าว หลังจากพูดคุยถามไถ่เสร็จ หัวหน้าหลี่ก็ตัดเข้าประเด็น“ประธานซูโทรหาผม คงไม่ใช่แค่โทษมาคุยเล่นกับผมหรอกมั่งครับ?”
“หัวหน้าหลี่หัวไวฉลาดมากเลยนะคะ สมกับเป็นหัวหน้าหน่อยปฏิบัติการจริงค่ะ ได้ยินว่าคุณไปปฏิบัติการตรวจจับยาเสพติดที่ศุลกากร ในมือมีคดีใหญ่ชิ้นหนึ่งใช่มั้ยคะ?”ซูย้าวพูด
หลี่เจิ้นอึ้งนิดๆ ถามอย่างสงสัย“คุณรู้ได้ยังไงครับ?”
“หัวหน้าหลี่วางใจเถอะนะคะ ฉันไม่สนใจธุรกิจประเภทที่ทำลายผู้อื่นโดยหวังผลกำไรมหาศาลหรอกนะคะ ส่วนเรื่องที่ว่ารู้ได้ยังไง ก็คือเรื่องบังเอิญด้วยค่ะ!”
ริมฝีปากล่างของซูย้าวยกขึ้น น้ำเสียงใจเย็น“ไม่ทราบว่าหัวหน้าหลี่รู้จักยาตัวหนึ่งที่มีชื่อว่าPTM4มั้ยคะ ไร้รสไร้กลิ่น เมื่อรวมกับเครื่องเทศแล้ว จะทำให้การรับรู้กลิ่นของสัตว์สูญเสียไปชั่วขณะ แถมคนก็ไม่สามารถสังเกตถึง”
หลี่เจิ้นอึ้ง ล่าสุดเขาได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบผู้ต้องสงสัยทุกคน สุนัขดมกลิ่นไม่พบสิ่งของต้องสงสัยจากตัวพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว เขายังเคยสงสัยเรื่องนี้มาก่อน แต่กลับหาหลักฐานไม่ได้เลย
“นอกจากนี้ ยังมีขนมหวานชนิดหนึ่งที่นำเข้าจากต่างประเทศแล้วมาขายภายในประเทศ รสชาติแปลกๆ ไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน แต่ยอดขายดีมาก ขนมหวานชนิดนี้ หัวหน้าหลี่น่าจะลองไปสืบดูนะคะ!”
ซูย้าวพูดไม่กี่คำก็วางสาย หลี่เจิ้นเป็นคนฉลาดมาก แถมทำงานด้านนี้ คำพูดแค่ไม่กี่คำก็สามารถฟังเงื่อนงำออก เขาต้องหาเบาะแสได้แน่
หลังจากวางสาย เธอก็ให้เสี่ยวจางไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตข้างนอก ช่วยซื้อขนมหวานกลับมาให้เธอ
ระบุชื่อและยี่ห้อมาด้วย เสี่ยวจางวิ่งไปหาซื้อในซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่รอบๆจนทั่วแต่ก็ไม่มี
สุดท้าย เธอขับรถไปจนเกือบจะถึงชานเมือง ถึงหาซื้อขนมหวานแบบนี้มาได้จากร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ
หลังส่งกลับมาถึง ก็ช่วงเย็นๆแล้ว
เสี่ยวจางรู้สึกแปลกใจ มีคนข่มขู่ถึงตัวเด็กสองคนแล้ว ซูย้าวกลับใจเย็น ยังมีอารมณ์เลือกซื้อขนมหวานอยู่อีก?นี่มันไม่ใช่นิสัยการทำงานเธอเลยนะ
ถึงจะเต็มไปด้วยความสงสัยข้องใจ แต่เธอก็ไม่ถาม เอาขนมหวานวางไว้แล้วออกไปเลย
ตอนที่เดินออกไป เสี่ยวจางเจอเพื่อนร่วมงานพอดี แล้วอีกฝ่ายก็ถาม“เมื่อกี้เห็นเธอหิ้วถุงขนมอยู่หลายถุงเข้าไปในนั้น?ประธานซูอยากจะกินหรอ?”
“ก็แค่ขนมหวาน เป็นยี่ห้อUUQ ไม่เคยได้ยินมาก่อน เกือบจะวิ่งหาจนทั่วเมืองAถึงหาซื้อมาได้……”
“UUQ?ฉันก็ไม่เคยได้ยิน อร่อยมั้ย?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ!ประธานซูชอบ ฉันก็ซื้อมา!”
คำพูดไม่กี่คำ ถูกหลินหวั่นหญิงที่เดินผ่านได้ยินพอดี แววตาเธอดูตกใจนิดๆ แล้วเธอก็เร่งรีบเดินกลับไปที่ห้องทำงาน
คิดอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็หยิบมือถือออกมา ไม่รอให้เธอได้โทร มือถือก็ดังขึ้น
“ตำรวจสงสัยแล้ว?เป็นไปได้ไง!PTM4คือดร.ไรเอนเป็นผู้บุกเบิกคิดค้นขึ้นเอง หาซื้อในประเทศไม่ได้แน่ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถเดาได้แน่!นายอย่าตื่นตูมไปเองได้มั้ย อาจจะแค่ตรวจค้นธรรมดา รอเรื่องผ่านไปแล้ว ค่อยติดต่อกลับมาหาฉัน……”
การตรวจค้นของศุลกากรทั่วไปใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จ
เวลาสิบนาที สำหรับหลินหวั่นหญิงแล้วมันนานกว่าปกติมาก ราวกับผ่านไปเป็นศตวรรษ
ได้ยินเสียงการสนทนาเมื่อกี้ที่ระเบียงทางเดินก้องอยู่ในหัว ขนมหวานUUQ นั่นมันก็คือ……ซูย้าวรู้ได้ยังไง?
เธอคงจะรู้จักโดยบังเอิญละมั้ง?หรือว่าจะเป็นการตั้งใจ ไม่ใช่สิ ผู้หญิงคนนั้นถึงฉลาดแค่ไหน ก็ไม่น่าจะสังเกตถึงพวกนี้ได้ ไม่มีทาง!
หลินหวั่นหญิงพยายามปลอบใจตัวเอง แล้วสูดหายใจเข้าลึกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ อยากจะใช้งานมาเบี่ยงเบนความสนใจ กลับสังเกตว่ามันไม่ได้ผลเลย
10นาทีผ่านไปแล้ว
เธอเฝ้ารออยู่ มือถือบนโต๊ะไม่โทรกลับมารายงานความปลอดภัยเลยสักที
ผ่านไป20นาที
เธอรอจนกระวนกระวาย
เวลาผ่านไปเป็นนาทีเป็นวินาที หลินหวั่นหญิงไม่เคยกังวลใจแบบนี้มาก่อน สัมผัสที่หกของผู้หญิงแม่นมาก เธอก็สึกที่ซูย้าวจู่ๆให้เสี่ยวจางไปซื้อขนมหวานนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่……
เป็นอย่างนี้จริงๆด้วย
รออยู่เกือบนาน สายรายงานความปลอดภัยไม่ได้โทรเข้า กลับได้รับข้อความหนึ่ง
‘run!’
แค่ไม่กี่ตัวอักษร
พริบตาเดียว หลินหวั่นหญิงอึ้งไปทันที ร่างกายอ่อนแรงล้มนั่งที่โซฟาไปเลย