เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 410
ในห้องที่ส่ายไปส่ายมา ซูย้าวค่อยๆลืมตาขึ้น
เธอมองดูรอบๆ รู้สึกบางจุดของท้ายทอยค่อนข้างเจ็บ อยากยื่นไปมือจับคอ กลับพบว่ามือซ้ายถูกคนใส่กุญแจมือไว้ และมัดไว้กับท่อความร้อนที่อยู่ข้างๆ
ส่วนอานซินเออร์ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับเธอ มือข้างหนึ่งถูกมัดอยู่ที่ท่อความร้อน ทิ้งไว้ข้างๆและยังสลบอยู่
ซูย้าวมองดูรอบๆ แน่ใจว่าที่นี่น่าจะเป็น……ห้องโดยสารเรือมั้ง!
โยกเยกโคลงเคลงไปมา ความรู้สึกแบบนี้เธอเคยประสบมากับตัว
บวกกับตรวจดูร่างกายคร่าวๆแล้ว เสื้อผ้ายังอยู่ครบ ดูเหมือนร่างกายก็ไม่มีร่องรอยว่าถูกล่วงละเมิด ถึงแม้ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ แต่อย่างน้อยคนพวกนี้ไม่ได้ลวนลามพวกเธอ
เธอโล่งอกไปที เริ่มเช็คห้องโดยสารของเรือลำนี้อย่างละเอียด เก่ามากแล้ว รอบๆล้วนโทรมมาก แล้วดูเครื่องทำความร้อน ก็เป็นแบบที่เก่าที่สุด เพราะฉะนั้น……
ซูย้าวเกิดไหวพริบขึ้นมาทันที อยากใช้แรงสลัดหลุด ไม่แน่อาจจะสามารถเขย่าสกรูที่อยู่ข้างๆ แต่ว่าจะต้องส่งเสียงดังแน่ๆ กลัวจะทำให้โจรลักพาตัวของด้านนอกตื่นตระหนก
บางทีแม่นยำกว่าหน่อยคือ ไม่ควรเรียกว่าโจรลักพาตัว พวกเขาน่าจะเป็นลูกน้องของเจียงจี้เซิงมั้ง!
เพราะยังไงซะพวกเธอถูกจับที่ห้องสูทของโรงแรม แต่คนของเจียงจี้เซิงจับเธอยังถือว่าพอให้อภัยได้ แต่จับอานซินเออร์เนี่สิ ไม่กลัวเจ้านายตัวเองจะเกรี้ยวกราดรึไง?
ซูย้าวคิดไม่ตก เธอมองอานซินเออร์ที่อยู่ข้างๆยังนอนสลบอยู่ เธอก็เก่งน้อยังนอนแบบนี้ต่อไปได้อีก เธอยื่นขาไปผลักเธอ “เฮ้ คุณอาน?”
เธอเรียกอย่างเบาเสียงหลายที พร้อมใช้ขาเตะเธอหลายที
สุดท้าย อานซินเออร์ก็ถูกปลุกจนตื่น
“คุณซู?” สายตาพร่ามัวของเธอมองมาที่ซูย้าว พอตะเกียกตะกายอยากจะลุกขึ้น ก็ย่อมเห็นกุญแจมือที่ล็อกตัวเองไว้ วินาทีต่อมา เธอกรีดร้องออกมาอย่างตกตะลึง “อ๊า! นี่คืออะไร?”
“ทำไมต้องมัดฉันเอาไว้ด้วย? นี่หมายความว่ายังไง?”
อานซินเออร์โตจนป่านนี้คงไม่เคยถูกทำอะไรแบบนี้มั้ง! มีปฏิกิริยาที่หวาดผวามันก็ถือว่าปกติ แต่อยู่สถานที่แบบนี้ เสียงที่ดังสนั่นขนาดนี้……
ซูย้าวยื่นขาไปกระทืบเธอทีหนึ่งอย่างแรงและเป็นธรรมชาติ “หุบปาก แม่ทูนหัว คุณเบาเสียงหน่อย คุณอยากล่อให้คนอื่นมารึไง? ถ้าเป็นผลเสียต่อพวกเราจะทำยังไง!”
“……”
ทีนี้อานซินเออร์ถึงตื่นตัวและรีบพยักหน้า พร้อมเสียงเบาลงด้วยจิตใต้สำนึก เธอพูดเสียงเบาชนิดที่ได้ยินกันแค่สองคน “นี่มันอะไรกันคะ? ทำไมพวกเราถึงถูกมัดอยู่ที่นี่?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ……” ซูย้าวก็อยากรู้เหมือนกัน!
“คงไม่ใช่เจียงจี้เซิง……”อานซินเออร์ก็ไม่โง่หรอก แป๊บเดียวก็เดาความเป็นไปได้แล้ว แต่ปฏิกิริยาของเธอแตกต่างจากก่อนหน้านั้นเยอะเกินไป แววตาที่เศร้าหมองกับสีหน้าที่ไร้ชีวิตชีวา ราวกับเศร้าโศกเสียใจถึงขีดสุด
ซูย้าวมองหน้าเธอ “คุณเป็นอะไรคะ?”
“น่าจะเป็นคนของเจียงจี้เซิง ซูย้าว ขอโทษด้วยนะที่ฉันพาคุณมาซวยด้วย!” เธอรีบขอโทษ
พอพูดแบบนี้ ซูย้าวก็ได้ถอนหายใจ “ช่างเถอะ เพราะฉันก็อยากเจอหน้าเจียงจี้เซิงเหมือนกัน เกิดเรื่องแบบนี้ ก็โทษคุณคนเดียวไม่ได้หรอก แต่คุณอาน ทำไมขณะที่คนพวกนี้ลักพาตัวฉัน ก็ลักพาตัวคุณด้วยคะ?”
ในข่าวลือ อานซินเออร์เป็นยอดดวงใจของเจียงจี้เซิงเชียวนะ ที่ผ่านมาเขาล้วนเป็นที่พึ่งให้เธอ คอยดันเธอขึ้นแท่นดาราที่โด่งดังที่สุดทีละก้าว
ผู้ชายที่รักเธอขนาดนี้ ทำไมถึงทำแบบนี้?
ซูย้าวคิดไม่ตกจริงๆ
แต่อานซินเออร์ฟังแล้วกลับยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา “ก็บอกแล้วไงว่าคุณไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของฉันกับเขาหรอก……”
พอพูดแบบนี้ ซูย้าวจำได้ว่าตอนที่เธอเซ็นสัญญากับอานซินเออร์ ตอนที่พวกเธอคุยกันเป็นการส่วนตัว เธอเคยบอกอยู่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเจียงจี้เซิงไม่ได้สวยงามเหมือนที่โลกภายนอกลือกัน……
“คุณรู้จักนกคีรีบูนมั้ยคะ? นกที่มันร้องเพลงเป็นอ่ะ” จู่ๆเธอพูด
แค่นกน้อยเฉยๆ ซูย้าวจะไม่รู้ได้ยังไง
อานซินเออร์พูดทันทีอีกว่า “ใช่ ฉันก็เป็นแค่นกคีรีบูนที่เจียงจี้เซิงเลี้ยงอยู่ในกรงเฉยๆ! เขาชอบดูฉันแสดงละคร รู้สึกว่าฉันเป็นของใหม่และน่าสนุกมั้ง! ก็เลยทุ่มเงินดันฉันที ให้ฉันได้กลายเป็นดาราที่โด่งดัง……”
ซูย้าวฟังแล้วค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา
เธอเคยตรวจสอบภูมิหลังของอานซินเออร์ว่ามีความเกี่ยวโยงกับบริษัทอานซื่อของเมืองB เพียงแต่อานซื่อไม่เคยยอมรับอานซินเออร์ตรงๆ และไม่เคยเปิดเผยความสัมพันธ์ใดๆเลย
แต่เท่าที่ซูย้าวคาดเดา เธอน่าจะเป็นลูกนอกสมรสของอานซื่อ
ลูกสาวของประธานกรรมการอานซื่อมีเยอะ คงจะไม่ค่อยใส่ใจอานซินเออร์เท่าไหร่ สามารถกลายเป็นดาราที่โด่งดังในขณะนี้ ก็กลัวหลังจากเปิดเผยจะไม่ดีกับบรษัท ก็เลยไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน
เจียงจี้เซิงก็คงจะพิจารณาถึงความสัมพันธ์ชั้นนี้ ถึงได้ทุ่มเทแรงใจและทุ่มเงินที่อานซินเออร์ขนาดนี้สินะ!
“คนอย่างเจียงจี้เซิงก็เหมือนหมาป่า มีนิสัยชอบเก็บตัว เขาเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเจียง เดินมาทีละก้าวจนถึงทุกวันนี้ ก็เพียงพอที่จะดูความโหดเหี้ยมและใจจืดใจดำของคนคนนี้ออกแล้ว เพื่อเป้าหมายแล้วแม้แต่ญาติพี่น้องเขาก็ยังไม่เว้นเลย แล้วนับประสาอะไรกับฉัน?”อานซินเออร์อธิบายอยู่ข้าง
ซูย้าวค่อยๆเข้าใจขึ้นมา และสามารถเข้าใจได้แล้ว
เจียงจี้เซิงเป็นผู้ประสบความสำเร็จต้นๆของตระกูล สามารถครอบครองฐานะและสถานะทางสังคมขนาดนี้ สามารถคิดได้ว่าเขาทุ่มเทไปมากแค่ไหน อยู่ท่ามกลางการช่วงชิงผลประโยชน์ของตระกูล คือโหดเหี้ยมที่สุดและนองเลือดที่สุด เลือดสดที่มองไม่เห็น กลับตลบอบอวลอยู่ทั่วทุกที่
“เอาล่ะ! ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” ซูย้าวพูด
แต่เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจของอานซินเออร์ไม่ดี สีหน้าที่หม่นหมอง สามารถดูความเศร้ารันทดของภายในจิตใจออก “ต่างก็รู้ว่าทั้งชีวิตของหมาป่ามีแค่คู่ชีวิตคนเดียว พอตัดสินใจแล้วก็จะชั่วชีวิต และจะไม่เปลี่ยนใจตลอดไป”
“เหมือนเจียงจี้เซิงจะเคยมีผู้หญิงที่รักที่สุดมั้ง! แต่ฉันไม่รู้ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรไป ไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยถึงเลย ฉันก็เคยได้ยินคนรอบข้างเขาพูดถึงโดยบังเอิญเฉยๆ……”
อานซินเออร์นั่งอยู่ที่นั่น หน้าตาที่ทรุดโทรมเหมือนดอกไม้ที่เจอหิมะและน้ำค้างแข็งบุกรุก หน้าตาที่น่าสงสารทำให้คนเอ็นดู
ซูย้าวมองหน้าตาเธอแล้วไม่รู้ควรจะเกลี้ยกล่อมยังไง ได้แต่พูดว่า “ในเมื่อคุณเองก็รู้ แล้วจะเสียใจทำไมคะ?”
“ฉันรู้หมด เหตุผลฉันก็เข้าใจ คาร์สให้ฉันอย่าสิ้นเปลืองความรู้สึก แค่หลอกใช้ความสัมพันธ์ชั้นนี้ก็พอ ที่เหลือ เขาจะช่วยฉันวางแผนเอง แต่ว่า……”
อานซินเออร์เงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอ “แต่ฉันก็รักเขาจริงๆ! ฉันชอบเขาโดยที่ไม่รู้ตัว รู้ทั้งรู้ว่าเขาแค่หลอกใช้ฉัน เห็นฉันเป็นแค่แจกันประดับความสวยเฉยๆ แต่ฉันก็ยังชอบเขาอยู่ดี……”
ผู้หญิงพอจมปลักเข้าไปในความรักก็จะโง่เขลาที่สุด ที่จริงสิ่งที่เรียกว่าความรักนี้ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็เหมือนๆกันแหละ
พอรักแล้วไอคิวก็จะต่ำลง
จะยอมอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่ไม่รู้ตัว พอมาสุดท้าย เกรงว่าแม้แต่ขีดจำกัดสุดท้ายของตนเองก็ปกปักรักษาเอาไว้ไม่อยู่ ถ้าสามารถได้ความรักกลับคืนมาก็ยังโอเคหน่อย ถ้าไม่ได้ความรักกลับคืนมาจากอีกฝ่ายก็จะถูกถล่มจนยับเยินอย่างสิ้นเชิง
เธอในอดีตก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
โชคดีที่ต่อมาตื่นตัวแล้ว ถึงตัดสินใจหย่าร้าง และไปจากผู้ชายคนนั้น ไม่งั้น ซูย้าวในตอนนี้จะน่าเวทนาและน่าทอดถอนใจกว่าอานซินเออร์หรือเปล่า?
“เอาล่ะ คุณจะชอบเขาหรือเปล่าไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ ตอนนี้เราควรจะคิดหาวิธีหลุดพ้นจากความลำบาก……”
ซูย้าวมองท่อความร้อนที่อยู่ข้างกายเส้นนี้ ใกล้ตัวเธอก็คือสกรูที่เชื่อมต่อผนังพอดี เพราะเก่าโทรมไปตั้งนานแล้ว ถ้าลองเขย่าดูไม่แน่อาจจะสำเร็จได้
“จะหนียังไงคะ? ข้างนอกน่าจะมีคนอยู่นะ!” อานซินเออร์พูด
“เพราะฉะนั้น เราถึงต้องคิดหาวิธีไงคะ……” ซูย้าวคิดๆแล้ว จู่ๆนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดเสียงเบากับอานซินเออร์ “คุณตะโกนเสียงดัง……”
“ฉัน? ตะโกนอะไรคะ?”
“ตะโกนอะไรก็ได้ค่ะ ตะโกนไปมั่วเลย!” ซูย้าวพูด
อานซินเออร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง มองหน้าตามั่นใจเต็มเปี่ยมของซูย้าว จึงตัดสินใจเชื่อซูย้าว เธอสูดหายใจลึกๆทีหนึ่ง ใช้ปริมาณลมที่มากที่สุดตะโกนเสียงดังออกมาคำหนึ่ง “เจียงจี้เซิง ไอ้สารเลว!”
“……”
ซูย้าวมองเธออย่างไปต่อไม่ถูก “คุณตะโกนแบบนี้ มันจะดีเหรอคะ?”
เป็นเหมือนที่คิดจริงๆด้วย
วินาทีต่อมา ประตูของโดยสารเรือก็ถูกคนถีบออก ผู้ชายรูปร่างกำยำได้บุกเข้ามา