เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 411
“ตะโกนไปเรื่อยอะไร?”
คนที่พังประตูเข้ามา ตะคอกใส่ทั้งสองคนอย่างโกรธจัด
ใช่แล้ว เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ
และที่สำคัญเขาก็เป็นคนต่างชาติคนหนึ่ง
เพราะฉะนั้น เขาจึงฟังไม่ออกด้วยซ้ำว่าอานซินเออร์ตะโกนว่าอะไร?
ซูย้าวอึ้งไปเล็กน้อย แต่อานซินเออร์กลับรวบรวมความกล้าขึ้นมา แล้วตะคอกเสียงดังใส่ชายหนุ่มตรงๆ ว่า “บอกให้เจียงจี้เซิงไสหัวออกมา! เขามีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันอย่างนี้? เจ้าคนชั่วนั่น บอกให้เขาไสหัวมานะ!”
“เจียงจี้เซิง เจ้าเต่าหดหัว กล้าทำกับฉันอย่างนี้เลยเหรอ! ถ้าให้พ่อฉันรู้เรื่องเข้านะ เขาจะต้องไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
“นายอย่านึกว่าอยู่ที่เมืองBไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินนะ ต่อให้นายมีอำนาจมากแค่ไหน อานซื่อเรา ก็สามารถกลืนกินนายได้หมดอยู่ดี!”
คำพูดของอานซินเออร์ไม่ใช่แค่เพียงพูดพล่อยๆ เท่านั้น เมื่อสองปีก่อน ที่บริษัทเจียงหย่วนต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ก็เป็นเพราะบริษัทอานซื่อ บีบคั้นทุกทางจนทำให้เกิดขึ้นมา
ในเมืองBนั้น ไม่ได้มีแต่บริษัทเจียงหย่วนเท่านั้น แต่ยังมีเครือบริษัทใหญ่โตอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งก็คืออานซื่อ
ก็เหมือนกับบริษัทลี่ซื่อและบริษัทเพ้ยซื่อกรุ๊ปในเมืองAมันเป็นหลักการเดียวกัน
โลกธุรกิจไม่มีทางที่จะผูกขาดอยู่กับแค่บริษัทเดียว มันเกือบจะเป็นสงครามแย่งอำนาจระหว่างก๊กที่ดูแล้วเหมือนเป็นมิตร แต่ความจริงแล้ว ทุกฝ่ายต่างก็แอบแฝงไว้ด้วยจิตใจที่คิดปองร้ายต่อกัน แอบแก่งแย่งชิงดีกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
อานซินเออร์ร้องตะโกนเสียงดังไปตั้งครึ่งวัน ชายหนุ่มก็เอาแต่จ้องมองเธอ แล้วอยู่ๆ ในวินาทีที่หญิงสาวเงียบเสียงลง เขาก็ก้าวเท้าเดินหน้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยกมือขึ้นตบหน้าอานซินเออร์อย่างแรงไปสองที!
“แม่ง หุบปากเลยนะ!”
ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยมีใครตบตีเธอแบบนี้มาก่อน แล้วอานซินเออร์จะไปแบกรับความน้อยเนื้อต่ำใจแบบนี้ได้ที่ไหน ก็เลยระเบิดความโกรธออกมาทันที น้ำตาที่ระรื่นขึ้นมาในดวงตากะพริบหายไปทันที และเป็นสีแดงสดที่เข้ามาแทนที่ อยู่ๆ ก็แปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่งขึ้นมา และอยากจะฉีกกระชากลำคอของชายหนุ่มให้ขาดวิ่น
ยังดีที่ด้านนี้มีกุญแจมือล็อกไว้อยู่ ไม่งั้น การที่อานซินเออร์พุ่งเข้าไปข้างหน้าอย่างแรงแบบนั้น แค่เพียงเรี่ยวแรงนี้ ก็สามารถพุ่งใส่ชายหนุ่มจนล้มลงไปได้แน่
ชายหนุ่มเองก็โดนปฏิกิริยาของเธอทำให้ตกใจไป “แม่งเอ๊ย ทำตัวดีๆ หน่อย!”
“มาซิ มาตบตีต่อซิ! นายเก่งจริงก็ตีฉันให้ตายไปเลย ไม่งั้นก็ให้เจ้าเต่าหดหัวเจียงจี้เซิงนั่นไสหัวมา! แม่งกล้ามาตีฉันเหรอ? เจียงจี้เซิง ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ ตั้งแต่นี้ต่อไป ระหว่างฉันกับนายเราจบกันแล้ว!”
“นายอยากจะให้อานซื่อปกป้องคุ้มครองนายต่อไป มันไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว! นายอย่าฝันต่อไปอีกเลย!”
ปฏิกิริยาของอานซินเออร์ ทำให้ซูย้าวรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ในความทรงจำของเธออานซินเออร์เป็นผู้หญิงแบบที่อ่อนหวานอยู่ในหน้าจอทีวี ทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวาน ที่รวบรวมคุณสมบัติที่ดีงามทั้งหมดของผู้หญิงเอาไว้ เป็นเด็กสาวที่สวยงาม นิสัยก็น่าจะเป็นแบบอ่อนโยน แต่ตอนนี้วินาทีนี้ เธอเหมือนกับว่าได้เปลี่ยนเป็นนักรบหญิงคนหนึ่งไปแล้ว ซึ่งไม่เกรงกลัวความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เอาแต่ตะเกียกตะกาย แม้แต่ที่ข้อมือโดนกุญแจมือรัดจนมีรอยเลือดซึมออกมาแล้ว ก็ไม่สนใจเลย
ชายหนุ่มโดนพลังบ้าคลั่งของเธอทำให้ตกใจ แล้วไม่กล้าแตะเธออีกเลย จึงหมุนตัวแล้วเดินออกไปเลย
ก่อนที่เขาจะออกไปนั้น อานซินเออร์ยังพูดขึ้นว่า “เอากล้องวงจรปิดบนผนังออกไปด้วย! แม่ง ฉันไม่อยากจะให้เจียงจี้เซิงมามองเห็นมาได้ยิน!”
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ แต่อานซินเออร์กลับพูดขึ้นอีกว่า “ถ้านายไม่เอาออกไป ฉันจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายเดี๋ยวนี้เลย! ถ้าฉันตายไป หรือว่าพิการไป อานซื่อก็จะยิ่งไม่มีทางปล่อยเจียงจี้เซิงไปแน่”
“……”
พอชายหนุ่มได้ยิน ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ เมื่อไม่มีทางแล้ว จึงได้แต่ยอมทำตามแล้วดึงสายไฟของกล้องวงจรปิดออก
ซูย้าวคิดไม่ถึง ว่าในห้องเก็บของเรือเล็กๆ อย่างนี้ ยังจะติดกล้องวงจรปิดเอาไว้
รอจนชายหนุ่มออกไป และประตูห้องปิดสนิทลงอีกครั้ง ความโกรธของอานซินเออร์ก็ยังไม่ลดไป ทั้งตัวยังคงอยู่ในลักษณะที่พร้อมจะต่อสู้ ท่าทางอย่างกับว่าโกรธสุดเหวี่ยง จนแม้แต่ซูย้าวก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้
“คือว่า……” ซูย้าวคิดอยู่นาน ถึงลองเปิดปากพูดขึ้น
อานซินเออร์ใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าข้างที่โดนตบของตัวเองเอาไว้ ใบหน้าร้อนผ่าว และบวมขึ้นเป็นรอยฝ่ามืออย่างเห็นได้ชัดว่า ดูไปแล้วดูเด่นชัดมาก
“แม่งเอ๊ย เจ็บฉิบหายเลย!”
“……”
ซูย้าวจ้องมองเธอ “คุณ…… ปฏิกิริยาแบบนี้มัน……”
“ทำให้คุณตกใจแล้วใช่ไหม?” อานซินเออร์ถามกลับ
ซูย้าวควรจะตอบเธอว่ายังไงดีล่ะ? พูดว่าตกใจไป ก็ตกใจมากจริงๆ เพราะว่าอานซินเออร์ในตอนนี้ กับในความทรงจำ มันช่างไม่เหมือนกันเลย นี่มันอย่างกับ……อันธพาลหญิงคนหนึ่งจริงๆ
แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง ก็พูดไม่ได้ว่าตกใจ น่าจะพูดว่า……ตกตะลึงไปต่างหาก!
มันคือการแสดงหรือเปล่านะ?
ในเมื่อ ฝีมือการแสดงของอานซินเออร์นั้น อยู่ในวงการบันเทิงก็ถือได้ว่าเป็นที่นับหน้าถือตา และเคยได้รับการยอมรับและการชื่นชมจากคนอยู่ไม่น้อย แล้วก็เคยได้รับรางวัลมาไม่น้อยเหมือนกัน
“ที่จริง ตอนเด็กๆ ฉันไม่ได้มีนิสัยแบบนี้หรอก ฉันเป็นลูกนอกสมรสของอานซื่อ ตั้งแต่เด็กฉันกับแม่ก็อาศัยที่หมู่บ้านเล็กๆในตำบล ที่ยากจนที่สุดด้วย ทุกวันจะต้องวิ่งวุ่นไปทั่วทุกทิศเพื่อความอิ่มท้อง อายุสิบกว่าขวบก็ต้องออกมาทำงาน จนกระทั่งบรรลุนิติภาวะแล้ว และฉันได้ไปร่วมงานประกวดความงามงานหนึ่ง ถึงได้โดนคนของตระกูลอานมาพบเจอเข้า แล้วก็รับตัวกลับไป……”
ซูย้าวเหมือนกับว่าจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว รู้สึกว่านี่ก็เป็นเรื่องขมขื่นเรื่องหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่า เมื่อเอาตามแบบนี้มาพูดแล้ว ที่เจียงจี้เซิงสามารถแอบช่วยเธออยู่อย่างลับๆ ได้ ก็พูดไม่ได้ว่าเพื่อหลอกใช้ แต่บางทีจากบนตัวหญิงสาวคนนี้ ก็อาจจะทำให้เห็นภาพในอดีตของตัวเอง ที่เจอเรื่องราวที่คล้ายกันมาละมั้ง!
คนเราในบางวินาที จากตัวคนอื่นก็อาจจะทำให้อยู่ๆ ก็เห็นเงาในบางช่วงเวลาของตัวเองก็เป็นไปได้
“ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่แม่ของฉันก็ยังไม่เคยตีฉัน! แม่งเอ๊ย เจ้าคนชั่วนี่ ในขณะเดียวกันที่จับตัวฉันมา ยังให้ลูกน้อยมาลงมือตบตีฉันด้วย นี่มันให้เกียรติเขาเกินไปแล้ว!” อานซินเออร์พร่ำบ่นอย่างโกรธเคือง
ไม่ว่าจะยังไง การที่อยู่ๆ อานซินเออร์โกรธเคืองขึ้นมา ก็ดีที่ทำให้กล้องวงจรปิดโดนตัดไป ไม่งั้น ซูย้าวก็เป็นกังวลจริงๆ ว่า ถึงแม้ทั้งสองคนจะสามารถหลบหนีไปได้ แต่ก็คงจะโดนจับตัวกลับมาอย่างรวดเร็วแน่นอน
“ถึงแม้ว่าฉันจะชอบเจียงจี้เซิง และรักเขามากจริงๆ และอยากจะอยู่กับเขา แล้วยิ่งอยากมีลูกให้กับเขา แต่ว่า ฉันก็ไม่มีทางที่จะลดตัวให้ต่ำลง เพื่อผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่รักฉัน และยังทำร้ายฉันอีกได้หรอก!” อานซินเออร์พูดขึ้น
นิสัยที่กล้ารักกล้าเกลียดแบบนี้ กลับยิ่งทำให้ซูย้าวรู้สึกชื่นชมมากขึ้น
เธอจ้องมองอานซินเออร์ แล้วค่อยๆ ยิ้มขึ้น “ไม่เลวเลยนี่ มีความเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้!”
“เอาล่ะ อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย ซูย้าว ก่อนหน้านี้คุณบอกว่ามีวิธีหนีออกไปจากที่นี่เหรอ รีบพูดมาเร็ว ฉันควรจะทำยังไง?” อานซินเออร์ร้อนใจอยากจะรีบหลุดพ้นออกไปจากที่คุมขังนี่
ซูย้าวยิ้มแล้วจ้องมองเธอ “คุณด่าว่าเจียงจี้เซิงต่อไปเถอะ! ยิ่งด่าเสียงดังมากเท่าไหร่ยิ่งดี……”
แบบนี้ ถึงจะเบี่ยงเบนความสนใจของคนที่อยู่ข้างนอก แล้วก็ทำให้สะดวกต่อการที่เธอจะสลัดกุญแจมือทางนี้ออก
อานซินเออร์พยักหน้า “อันนี้ทำง่าย! คุณรอดูไปเถอะ!”
เธอพูดแล้ว ก็รีบหันหน้าไปทางประตูห้องทันที แล้วก็ร้องด่าตะโกนสุดเสียงขึ้นมา
อีกทางด้านหนึ่ง
เจียงจี้เซิงที่กำลังรอขึ้นเครื่องอยู่ที่สนามบิน กำลังใช้โทรศัพท์ดูคลิปวิดีโอคลิปหนึ่งอยู่ มองดูท่าทางของหญิงสาวในหน้าจอที่หลังจากโดนตบแล้ว ก็โกรธเคืองเดือดจัด แล้วด่าทอและตะเกียกตะกาย และดวงตาสีเข้มขึ้นมา
ทั้งๆ ที่โดนด่าได้ไม่น่าฟังขนาดนั้น แต่เขากลับยังอดไม่ได้ที่มุมปากจะคลี่ยิ้มขึ้นมาไม่หยุด
ผู้หญิงที่เขาเจียงจี้เซิงถูกใจนั้น เห็นได้ชัดว่าความเป็นตัวของตัวเองนั้นไม่เหมือนใครเลยจริงๆ……
ขณะที่กำลังคิดไปนั้น อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขา คนที่รู้มีไม่เยอะ ในบัญชีรายชื่อก็ไม่ได้บันทึกชื่อของคนไว้เยอะเท่าไหร่ หลังจากที่มองดูเบอร์โทรเป็นพรวนบนหน้าจอแล้ว มุมปากที่คลี่ยิ้มของเจียงจี้เซิงก็หยุดลง
แล้วก็กดรับโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโล……”
“เจียงจี้เซิง คุณน่าจะรู้ว่าผมเป็นใครนะ?” อีกฝั่งมีเสียงที่น่าฟังของชายหนุ่มลอยมา ขรึมต่ำอย่างกับว่ามีแรงดึงดูดคนอยู่
เจียงจี้เซิงกระตุกมุมปากขึ้นเงียบๆ “เป็นโอกาสยากที่ประธานลี่จะโทรศัพท์มาหาผม ไม่ทราบว่าอยากจะพูดคุยอะไรดีครับ?”
“คุณจะทำยังไงกับผู้หญิงของคุณผมไม่สน แต่ว่าเจียงจี้เซิง นี่คุณถึงกับกล้าแตะต้องผู้หญิงของผม นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
อีกฝั่งของโทรศัพท์ ลี่เฉินซีกำลังนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือสำราญ และดูดบุหรี่ไปแล้วก็มองดูพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงอยู่ที่ไกลๆ ดวงตาที่ลึกซึ้งก็ยิ่งขรึมขึ้นอีก
เจียงจี้เซิงอดไม่ได้แล้วหัวเราะขึ้นมาคำหนึ่ง “ที่คุณพูดหมายถึงคุณซูเหรอ? เธอยังเป็นผู้หญิงของคุณอยู่อีกเหรอ?”
“ผู้หญิงที่ผมเคยนอนด้วย ผู้หญิงที่คลอดลูกให้ผม ไม่ว่าจะหย่าหรือไม่หย่า บนตัวของเธอ ตลอดชีวิตนี้ก็มีตราประทับของผมแล้ว และก็จะเป็นของผมตลอดไป คุณคิดว่าไงล่ะ?” น้ำเสียงของลี่เฉินซีขรึมต่ำ ท่าทีที่โหดเหี้ยมราวกับสัตว์ประหลาดที่กำลังจำศีลอยู่ตัวหนึ่ง
เจียงจี้เซิงพยักหน้าขึ้นติดๆ “แต่ว่าผมได้ยินมาว่า เธอได้กลายเป็นผู้หญิงของหลินโม่ป่ายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วพอดีกรุ๊ปหลินก็กำลังมีเรื่องกับผมนิดหน่อย บวกกับผู้หญิงคนนี้ อยากจะเจอผมอยู่ตลอด ถูกผมพาตัวไป ก็เป็นเรื่องปกติแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ปกติเหรอ?
ลี่เฉินซีเกือบจะกัดฟันกรอกจนแตกละเอียดทั้งปากแล้ว มือใหญ่ที่กำโทรศัพท์ไว้แน่น เห็นข้อกระดูกอย่างชัดเจน เส้นเอ็นสีเขียวบนหน้าผากเต้นกระตุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เจียงจี้เซิง ผมจะพูดครั้งสุดท้าย อย่าแตะต้องเธอ! ไม่งั้น คุณน่าจะคิดออกว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง!”
วินาทีต่อมา ลี่เฉินซีไม่อยากจะคุยต่อแล้ว ก็เลยกดวางสายไปเลย
เจียงจี้เซิงคนนี้นี่ ช่างใจกล้าไม่เกรงกลัวอะไรเลยจริงๆ แม้แต่ผู้หญิงของเขาก็ยังกล้ามาแตะต้อง!
ไฟโกรธกำลังลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรงในใจเขา และเผาไหม้จนปวดใจขึ้นมาในพริบตา เขายกมือขึ้นมาปลดเนกไทและกระดุมบนคอเสื้อออกหลายเม็ด แล้วหมุนตัวไปสั่งกำชับลูกน้องขึ้นว่า “ส่งคนออกไปเยอะหน่อย แล้วค้นหาตามท้องทะเลนี้ต่อไป!”
เขาชัดเจนดี สถานที่ต่อไปของเจียงจี้เซิงน่าจะคือเบลเยียม แต่จากนิสัยของเขา น่าจะไม่มีทางพาตัวผู้หญิงสองคนที่โดนจับตัวอยู่นี้ไปในเวลาเดียวกันแน่ ถ้าอย่างงั้น ก็จะต้องเดินทางกันทางน้ำ ซูย้าวและดาราสาวคนนั้นน่าจะต้องอยู่บนเรือลำไหนสักลำแน่……
“อย่าปล่อยให้เรือลำไหนคลายสายตาไปแม้แต่ลำเดียว ต้องตรวจค้นให้หมด!” ลี่เฉินซีสั่งกำชับขึ้นอีกครั้ง
“ครับ!”