เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 415
ความทรงจำที่ผ่านมาที่เกี่ยวข้องกับลี่เฉินซีนั้น มีทั้งดีทั้งร้าย แต่ไม่ว่าจะมีคนถามขึ้นมาหรือไม่ พวกมันก็เป็นเหมือนกับเงาตามตัวที่ติดตัวไปด้วยทุกที่
ซูย้าวคิดไปครู่หนึ่ง เหมือนกับว่านอกจากโม่หว่านหว่านแล้ว เรื่องทุกอย่างของเธอกับลี่เฉินซี จะไม่มีคนที่สองที่รู้รายละเอียดพวกนั้นอีกแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเบื่อหน่ายเกินไป และถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ที่ไม่มีทางหลบหนีจากความลำบากได้ คาดว่าซูย้าวก็คงจะไม่มีทางพูดคุยเรื่องพวกนี้กับอานซินเออร์แน่
แต่ว่าก็เหมือนอย่างกับที่อานซินเออร์พูด อย่างน้อยก็ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน มิตรภาพที่ผ่านความลำบากมาด้วยกัน พูดออกมาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
“ฉันกับลี่เฉินซีนั้น? พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ฉันจำได้ว่าตอนครั้งแรกที่เจอเขานั้น ฉันเหมือนจะแค่อายุแปดเก้าขวบเองมั้ง!”
ในหัวสมองของซูย้าวคิดเรื่องทุกอย่างของตอนนั้นอยู่ ตอนที่ยังเป็นเด็กๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ตามบิดาไปเป็นแขกที่บ้านตระกูลลี่ แล้วในตอนที่ไม่ได้ตั้งใจก็เดินเล่นไปถึงสวนหลังบ้าน แล้วก็เจอเขาที่กำลังวาดรูปอยู่บนต้นไม้เข้า แล้วเด็กผู้ชายที่ร่าเริงสดใสคนนั้น ก็เข้ามาอยู่ในห้องหัวใจของเธอเลย
ความเกี่ยวพันที่พูดไม่ชัดเจน ก็ได้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย และสำหรับวันนี้ที่ระยะเวลาห่างมาหลายปีแล้ว พอซูย้าวหวนกลับไปนึกถึงอีกครั้ง และก็ยังสามารถนึกถึงเด็กวัยรุ่นที่มีบุคลิกสง่างามราวกับเทพบุตรบนสวรรค์ที่นั่งอยู่บนต้นไม้ในตอนนั้นได้
คือเธอที่ลากเขาลงมาสู่โลกมนุษย์ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างหลังจากนั้นต่างก็เป็นเพราะว่าตัวเองรนหาที่ทั้งนั้น จะไปโกรธใครได้ล่ะ?
“ว้าว! พวกเธอเป็นคู่สร้างคู่สมกันมาตั้งแต่เด็กนี่! ช่างมีความสุขจริงๆ เลย!” อานซินเออร์อยู่อีกข้างหนึ่งมีสายตาที่ตื่นเต้นโผล่ออกมา ในแววตาต่างก็มีแววอิจฉาแผ่ออกมา
ซูย้าวกลับคลี่ยิ้มออกบางๆ พิงอยู่ตรงนั้น แล้วก็พูดขึ้นว่า “ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นคู่สร้างคู่สมหรอก ก็แค่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กก็เท่านั้น! แต่ว่า ที่ฉันชอบเขา ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว……”
“ห่ะ? แอบรักเหรอ?”
เธอพยักหน้า คำพูดแบบเดียวกันนี้ ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน เธอคงจะไม่มีทางพูดออกมาแน่
ราวกับว่าเมื่อตอนที่คำว่า‘แอบรัก’สองคำนี้พูดออกจากปากนั้น เธอก็จะต้องรู้สึกว่าไม่มีที่ให้อยู่แล้วก็หาที่รูแห่งมุดเข้าไป แต่ว่าตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างงั้นแล้ว
จากเวลาที่เนิ่นนานขึ้น ค่อยๆ โตเป็นผู้ใหญ่ คนก็โตขึ้น ก็แน่นอนว่าคงจะไม่สนใจเรื่องพวกนั้นแล้ว ชอบก็คือชอบ เคยรักก็คือเคยรัก ไม่มีอะไรน่าปิดบัง
“ตอนที่ฉันเก้าขวบก็ชอบเขาแล้ว และไม่กล้าบอกใคร ได้แต่แอบซ่อนไว้ในใจอย่างเงียบๆ และเฝ้าสังเกตทุกการกระทำของเขา มีรายละเอียดเล็กๆ มากมายฉันก็จำได้ทั้งนั้น แค่สามารถได้พูดคุยกับเขาแค่ไม่กี่คำ ก็รู้สึกว่ามีความสุขมากๆ แล้ว……”
เด็กสาวที่เริ่มมีความรัก ครั้งแรกที่รักใครสักคน ความดีใจแบบนั้น มันไม่มีทางปกปิดได้หรอก
เหมือนกับว่าวันหนึ่ง ถ้าสามารถได้เจออีกฝ่ายสักครั้งหนึ่ง ก็จะสามารถดีใจได้เนิ่นนานเลย
“ฉันสามารถเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นได้ เมื่อก่อนฉันก็เคยชอบเจียงจี้เซิงแบบนั้น!” อานซินเออร์พูดขึ้นที่อีกข้างหนึ่ง
ซูย้าวจ้องมองเธอ “ใช่แล้ว ฉันชอบเขามาก แต่ว่าไม่เคยคิดว่าเขาจะชอบฉัน หรือว่าจะมามีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับฉัน ในเมื่อตอนนั้นฉันยังเป็นคนใบ้คนหนึ่งอยู่ แล้วก็เป็นลูกนอกสมรสด้วย”
อานซินเออร์ตกใจขึ้นมา “คุณก็เป็นลูกนอกสมรสด้วยเหรอ? ไม่ใช่มั้ง! ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ?”
“ตระกูลซูอยู่ที่เมืองAไม่ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่โตอะไร และที่สำคัญ คุณเองก็ไม่เคยไปสืบค้นเรื่องพวกนี้ด้วย!” ซูย้าวอธิบาย
อานซินเออร์คิดไปครู่หนึ่ง “มันก็ใช่นะ! แต่ว่าก็คิดไม่ถึง พวกเรากลับมีชะตาชีวิตที่เกือบจะคล้ายๆ กันเลย……”
“ใช่ สถานะของฉัน ไม่เหมาะสมกับเขาเลยสักนิด แล้วจะไปกล้าคาดหวังว่าจะแต่งงานกับเขาได้ยังไงกัน? แต่ว่าก็ช่างบังเอิญ ในตอนที่ฉันอายุยี่สิบต้นๆ นั้น อยู่ๆ ย่าของเขาก็ป่วยหนักแล้วตายจากไป ในพินัยกรรมสั่งเสียไว้ว่าเขาจำเป็นจะต้องเอาฉันเป็นภรรยา ไม่งั้นจะไม่ได้สืบทอดมรดกของตระกูลลี่”
อานซินเออร์รีบพูดขึ้นทันทีว่า “แล้วนี่ก็คือเหตุผลที่พวกคุณแต่งงานกันตั้งแรกละซิ?”
“ใช่ ใครๆ ต่างก็คิดว่าเพราะเรื่องพินัยกรรม ฉันถึงได้แต่งงานกับเขา แต่ความจริงแล้ว การแต่งงานกับเขา ฉันไม่เสียใจเลยสักนิด หรือแม้แต่ยังรู้สึกมีความสุขด้วยซ้ำ”
คิดถึงทุกอย่างในตอนนั้นตอนที่ตัวเองแต่งงานกับลี่เฉินซี ก็เหมือนราวกับฝันไปตื่นหนึ่ง
ตอนนั้นหลังจากที่คุณย่าตระกูลลี่เสียชีวิตไป แล้วพินัยกรรมโดนเปิดเผยออกมา ก็ทำให้เกิดข่าวคราวออกมาไม่น้อย ใครๆ ต่างก็คิดว่าลี่เฉินซีเพื่อที่จะทำตามคำสั่งเสียของย่า เพื่อที่จะเป็นลูกหลานกตัญญู ถึงได้จำใจลดศักดิ์ศรีลงมาแต่งงานยัยใบ้คนหนึ่ง
ผู้คนรอบข้างก็คิดเช่นนั้น ซูย้าวอยู่ภายใต้การข่มขู่ทั้งคู่ของแม่เลี้ยงและพินัยกรรม ถึงได้แต่งงานกับลี่เฉินซี และสร้างครอบครัวด้วยกัน
แต่ว่าความจริงแล้ว เธอรู้ว่าลี่เฉินซีโดนบังคับให้แต่งงานกับตัวเอง แต่ว่าที่เธอแต่งงานกับเขานั้น ล้วนคือความสมัครใจทั้งนั้น
“ฉันรู้ว่าสถานะของฉันในตอนนั้นไม่คู่ควรกับเขาสักนิด การต้องแต่งงานกับฉัน สำหรับเขาแล้ว ก็เหมือนอย่างกับว่าเป็นรอยด่างพร้อยจุดหนึ่งของชีวิต……”
และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ว่าทำไมตอนหลังซูย้าวถึงได้ยืนหยัดที่จะหย่า
พอเห็นเขาและหานฉ่ายหลิงยืนอยู่ด้วยกันแล้ว ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก เป็นอย่างกับคู่รักที่ยากจะหาได้อย่างกับกิ่งทองใบหยก หนุ่มก็หล่อสาวก็สวย เธอก็ยิ่งไม่มีที่ให้ซุกแล้ว และทางเดียวที่จะสามารถรักษาศักดิ์ศรีเสี้ยวสุดท้ายไว้ได้ ก็คือเป็นฝ่ายพูดออกมาว่าจะหย่าเอง
“ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? คุณยินดีที่จะแต่งงานกับเขานะ หรือว่าเขาไม่รู้เหรอ?” อานซินเออร์ถามขึ้น
ซูย้าวค่อยๆ ยิ้มขึ้น จากนั้นก็ส่ายหัวเล็กน้อย “ฉันรักเขา นี่เป็นเรื่องของฉัน แล้วจะให้เขารู้ได้ยังไงล่ะ?”
และอีกอย่าง ให้เขารู้เรื่องแล้ว จะยังไงล่ะ?
คาดหวังว่าเขาจะเป็นเหมือนกับตัวเองที่จะมาชอบตัวเองเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกมั้ง! ความรักก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนที่ชอบคนคนหนึ่งนั้นไม่มีเหตุผล และก็ไม่มีทางบังคับให้อีกฝ่ายมาชอบตัวเองได้
เสียสละไปแล้ว จะต้องได้รับสิ่งตอบแทนกลับมาเหรอ
ถ้าเกิดแค่จะเพื่อสิ่งตอบแทนแล้วละก็ งั้นการเสียสละไปจะมีประโยชน์อะไร?
ที่จริง ในช่วงการแต่งงานนั้น ซูย้าวก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า เธอที่เป็นผู้หญิงที่มีความดื้อรั้นและมีความเป็นตัวของตัวเองซะขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นยัยใบ้ที่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอะไร แต่ถ้าหากว่าไม่ได้รักผู้ชายคนนี้ เธอจะสามารถยืนหยัดคลอดลูกออกมาให้เขาได้เหรอ?
เขาจะไม่มีทางรู้ตลอดไปแน่ว่า ในตอนที่เธอรู้ว่าจะได้แต่งงานกับลี่เฉินซี และได้กลายเป็นภรรยาที่ออกหน้าออกตาของเขานั้น ในใจของเธอดีใจอยู่นานมาก
นั่นมันเป็นความฝันตั้งแต่เล็กจนโตของเธอเลยนะ
ในที่สุดก็เป็นจริงสักที
ตอนแรกนึกว่าจะสามารถอยู่ด้วยกันจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย จนแก่จนเฒ่า
แต่กลับไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะกลายเป็นอย่างเช่นตอนนี้ไปได้
ห้าปีมานี้ ในตอนที่เธอไม่ได้ตั้งใจแล้วเห็นคนแก่ที่เดินจูงมือกันอยู่ข้างถนน ก็อดที่จะคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า ในตอนที่พวกเขายังหนุ่มสาวนั้นเคยรักกันมาก่อนใช่ไหม? หรือเพราะว่าเหมาะสมก็เลยฝืนใช้ชีวิตถูๆ ไถๆ ไปงั้นเหรอ?
ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร แต่พวกเขาก็ยังสามารถประคับประคองกันมาจนแก่เฒ่าได้ แต่เธอและเขา ทำไมถึงไม่สามารถล่ะ?
ถ้าเกิดว่าตอนนั้นตัวเองไม่ได้ดื้อรั้นที่จะหย่าละก็ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา จะสามารถดีขึ้นมาหน่อยได้ไหม?
โชคยังดี ที่ข้างกายของเธอยังมีลูกสาวคนหนึ่งอยู่
จ้องมองดูลูกสาวโตขึ้นทุกๆ วัน บนตัวเหมือนกับว่าหลอมรวมเงาของเขาเอาไว้ยังไงอย่างงั้น สามารถคลอดลูกเพื่อคนที่รักที่สุดมาได้ ชาตินี้ ก็ถือได้ว่าคุ้มแล้ว
“งั้นตอนนี้ล่ะ? ระหว่างคุณกับเขา……ยังจะสามารถกลับมาคืนดีกันได้ไหม?” อานซินเออร์จ้องมองปฏิกิริยาอันน้อยนิดบนใบหน้าของเธอ แล้วถามขึ้นเสียงเบา
ซูย้าวคิดไปครู่หนึ่ง “น่าจะไม่ได้แล้วมั้ง เขามีคู่หมั้นแล้ว และคาดว่าคงจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้!”
“อ๋า ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้! พอเป็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่า ลี่เฉินซีเป็นเหมือนกับผู้ชายชั่วคนหนึ่ง มีผู้หญิงที่ดีอย่างคุณนี้แอบรับเขาอยู่เงียบๆ เขายังโง่ไม่รู้เรื่องอีก ช่างน่าเสียดายจริงๆ……”
ความคิดเห็นของคนที่มองอยู่ข้างๆ กลับมักจะกระทบโดนใจของคนที่ประสบเหตุอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ซูย้าวเพียงแต่แค่คลี่ปากออกยิ้มอย่างขมขื่น “เสียดายอะไรกันล่ะ? ฉันเคยแต่งงานกับเขา มีฐานะเป็นภรรยาเก่าของเขา มันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้อยู่แล้ว และฉันก็เคยคลอดลูกให้เขา ความสัมพันธ์ระหว่างนี้มันไม่มีทางสลายไปได้ตลอดกาล แค่มีสิ่งเหล่านี้ก็พอแล้ว!”
มีชายหญิงที่ลุ่มหลงอยู่กับความรู้สึกตั้งมากมายแค่ไหน ขอแค่ให้ได้รักคนคนหนึ่งอยู่อย่างโง่ๆ ระหว่างนั้นขอแค่มีความทรงจำอันน้อยนิด ไม่เคยได้มีอดีต และก็ไม่เคยได้มีลูกด้วย?
เมื่อเทียบกันแล้ว ซูย้าวรู้สึกว่ามีความสุขมากแล้ว สวรรค์ดูแลเธอมากพอแล้ว! แค่นี้ก็พอแล้ว อนาคตต่อไปจากนี้ เธอหวังแค่ว่าเขาจะสบายดี มีความสุข ตลอดไป
……
เสียงดังก้องอยู่ในหู
ที่อีกแห่งหนึ่ง ลี่เฉินซีกำลังใส่หูฟังอยู่และฟังการสนทนาของข้างในนั้น อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกอยากจะเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะให้ดังๆ ขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขากลับอดกลั้นไว้แล้ว และก้มหน้าลงมา ในดวงตามีหมอกฝืนหนึ่งค่อยๆ ตกผลึกขึ้นมา
แบบนี้ก็พอแล้วเหรอ?
อยู่ๆ เขาถึงรู้ว่ายัยผู้หญิงโง่คนนี้ ถึงกับรักตัวเองมาเนิ่นนานขนาดนั้น ทำไมตัวเองถึงได้โง่ขนาดนี้ ถึงได้เพิ่งรู้เรื่อง แถมยังผ่านวิธีแบบนี้ด้วย……
เขาค่อยๆ หลับตาลง แล้วก็เอาเสียงที่กำลังสนทนาอยู่ข้างในออกห่างจากหู แล้วพิงโซฟาไว้อย่างรู้สึกหมดเรี่ยวแรงอยู่บ้าง
ซูย้าว คุณรักผม ทำไมถึงไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?
ในที่สุดเขาก็รู้ใจของเธอแล้ว แต่น่าเสียดาย เธอกลับคิดว่าจะปล่อยมือแล้ว นี่มันตลกแค่ไหน? ทั้งๆ ที่เขาก็จิตใจหวั่นไหวเพราะเธอแล้ว