เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 42
บทที่ 42 สุดท้ายแล้วเป็นเพราะใคร
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นที่ด้านนอกหน้าต่าง และผู้คนที่อยู่ในห้องก็ตกตะลึง ต่างหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า กำลังตกมาอย่างรุนแรง
มีแค่เพียงลี่เฉินซีเท่านั้น ที่ยังคงนิ่งเฉย ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่งเงียบๆ เหมือนรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ ที่มีทักษะการกลืนกินก้อนเมฆและหมอกลงอย่างช้าๆ
ผ่านไปสักพัก ฝนด้านนอกกก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก แต่มันกลับตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เหมือนน้ำตกที่ตกต่อเนื่องกัน
มีคนรับโทรศัพท์ แล้วก็พูดขึ้นว่า“ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะ น้องสาวของฉันติดอยู่ที่ชานเมือง ฉันต้องไปรับเธอ!”
“อ่า ถิงถิงทำไมถึงไปชานเมืองล่ะ?”ลู่ส้าวหลิงถามอีก
คนๆ นั้นก็พูดว่า“วันนี้ไม่ใช่พวกกลุ่มผู้หญิง จัดงานเลี้ยงร่วมกันเหรอ?”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ลี่เฉินซี และพูดลอยๆ ออกไป“ได้ยินว่าวันนี้คุณผู้หญิงลี่ก็ไปด้วย ไม่รู้ว่าด้านนอกฝนตกหนักขนาดนี้ จะยังติดอยู่ที่ชานเมืองอยู่ไหม……”
เมื่อลู่ส้าวหลิงได้ยิน ก็หันไปมองลี่เฉินซี เขาก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร แต่บางทีเขาอาจจะรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อยกับชื่อ‘คุณผู้หญิงลี่’และไม่ได้นึกถึงซูย้าวที่อยู่ทางนั้น
ยังคงที่จะคีบบุหรี่อยู่ และยังเหลือบมองฝนที่ตกหนักด้านนอกหน้าต่าง อย่างไม่แยแส
ลู่ส้าวหลิงถอนหายใจ แล้วพูดกับคนๆ นั้นว่า“ถ้าอย่างนั้น นายก็ไปชานเมืองพอดี งั้นก็ฝากรับซูย้าวกลับมาด้วยแล้วกัน!”
“น้องสาวของฉันอยู่ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงลี่อยู่ที่ไหน แล้วจะรับยังไง?”
ลู่ส้าวหลิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา“งั้นฉันจะโทรหาซูย้าว……”
แต่ก่อนที่จะพูดจบ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าซูย้าวเป็นคนใบ้ แทบจะไม่สามารถคุยโทรศัพท์กับคนทั่วไปได้เลย
นอกเสียจากโม่หว่านหว่าน
แล้วเขาก็เปลี่ยนคำพูดในทันที“ฉันจะส่งวีแชท ส่งวีแชท……”
แต่หลังจากที่ส่งวีแชทไปแล้ว รอไปประมาณเกือบสิบนาที คนๆ นั้นก็ถึงกับหมดความอดทน แล้วลุกขึ้นยืน พร้อมกับพูดว่า“ไม่ได้แล้ว น้องสาวของฉันกำลังรออยู่!ฉันต้องไปแล้ว……”
ลู่ส้าวหลิงก็รีบรั้งไว้ หลังจากนั้นก็ส่งข้อความเสียงไปให้ซูย้าวอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะส่งข้อความไปเท่าไหร่ ข้อความก็เงียบหายไป ไม่มีตอบกลับมาเลย
ยู่ฉือเห้ารู้สึกงงงวยเล็กน้อย และคนๆ นั้นก็รอไม่ได้แล้วจริงๆ มีสายโทรเข้ามาต่อเนื่องกัน ทำได้เพียงแค่ต้องรีบออกไปก่อน
ลู่ส้าวหลิงและยู่ฉือเห้าก็ไม่สนใจที่จะเล่นไพ่อีกต่อไป และสายตาของพวกเขาก็ค่อยๆ เลื่อนไปที่ลี่เฉินซี
อย่างไม่ชัดเจน ก็รู้สึกได้ถึงดวงตาที่แผดเผาสองถึงสามดวงตา พุ่งตรงมาที่ตัวเองลึกซึ้งลุ่มลึก ไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัด
เมื่อตอนที่ลู่ส้าวหลิงเรียกชื่อของซูย้าวในครั้งแรก เขาก็ได้ยินมันแล้ว
ในตอนนั้นเอง ลี่เฉินซีก็รู้สึกหงุดหงิด จนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเขา และเริ่มเปิดริมฝีปากของเขาอย่างเย็นชา ตั้งแต่ตอนบ่ายจนถึงตอนนี้ก็ได้พูดประโยคแรกออกมา——
“ทำไมเหรอ?”
“ยังจะทำไมเหรอ?สะใภ้อาจจะติดอยู่ที่ชานเมือง ฝนตกหนักขนาดนี้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะทำยังไง?โทรไปถามสิ!”คำพูดของลู่ส้าวหลิงนั้นรวดเร็วมาก และไม่สนใจว่าลี่เฉินซีจะอยู่ในโหมดอารมณ์ไหน หรือว่าคำพูดเหล่านั้นจะไปกระแทกหัวหรือใบหน้าของเขาก็ตาม
แน่นอนว่า ทันทีที่เสียงนั้นลดลง ใบหน้าอันหล่อเหลาของลี่เฉินซี ก็จมดิ่งลงอีกมากขึ้นกว่าเดิม
ยู่ฉือเห้าก็พูดว่า“ส้าวหลิงก็ไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่น ฝนก็ตกหนักขนาดนี้ ซูย้าวก็พูดไม่ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มันจะไม่ดีแน่ๆ!”
“ใช่แล้ว อากาศก็ไม่ดีเอามากๆ!ถ้าฝนตกข้ามวันข้ามคืน ต้องกลับมาไม่ได้อย่างแน่นอน!”
การสนทนาในระหว่างคนไม่กี่คน คำพูดของแต่ละคนยังคงดังอยู่ในหูของลี่เฉินซี แต่ก็ยังคงมีใบหน้าที่เรียบนิ่ง ไม่มีคลื่นยักษ์แม้แต่น้อย ราวกับว่าคนที่พวกเขาพูดถึงนั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย
มันเป็นธรรมดาของความเฉยเมยและระยะห่าง ที่ไม่สามารถแยกแยะออกจากกันได้
เมื่อลู่ส้าวหลิงเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกยู่ฉือเห้ารั้งเอาไว้ ทั้งสองคนขยิบตาให้กัน จากนั้นคนอื่นๆ ก็เงียบกันไปสักพัก ห้องใหญ่ๆ ก็เงียบลงไปมาก
ฝนที่ด้านนอกหน้าต่าง ก็ตกลงมาเรื่อยๆ ฝนที่ตกอย่างดุเดือด ไม่มีแม้การชะลอตัว เสียงลมคำรามพัดต้นไม้ใหญ่
หลังจากนั้นไม่นาน เกมไพ่ก็ผ่านไปหนึ่งกระดานเช่นกัน เขาก็หันหน้าไปมองที่ลี่เฉินซีเล็กน้อย
เห็นเขายังมีท่าทีที่นิ่งเฉย ดับควันบุหรี่ หันไปมองพายุฝนด้านนอกหน้าต่าง และยังไม่ขยับไปไหน
ลู่ส้าวหลิงก็ขยับริมฝีปาก ลังเลที่จะพูด อยากที่จะพูดกระตุ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
ท้ายที่สุด หลังจากเป็นพี่น้องกันมาหลายปี ก็ดูออก ว่าการแต่งงานของซูย้าวและลี่เฉินซี ไม่ได้เป็นเพียงการแต่งงานทางธุรกิจและความตั้งใจของคนรุ่นเก่า
ทั้งหมดเหมือนกับดอกไม้มีใจ ปล่อยตัวร่วงจากต้น ลงมาหาสายน้ำไหล แต่สายน้ำกลับไม่มีใจจะรักดอกไม้ร่วง
ช่างน่าเสียดาย คนใบ้ตัวน้อยๆ!
ลู่ส้าวหลิงส่ายหัวและถอนหายใจ มีแสงฟ้าแลบวาบไปทั่ว ทำให้ภายในห้องมืดสลัว จากนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังครึกโครม
ในครั้งนี้ ยู่ฉือเห้าอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว เขาขมวดคิ้ว และมองไปที่ลี่เฉินซี“ก็โทรไปถามหน่อยเถอะ!ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะทำยังไง?”
แต่ทันทีที่พูดประโยคจบ โทรศัพท์มือถือของลี่เฉินซีก็ดังขึ้น
เสียงเรียกดังขึ้นทันทีทันใด รบกวนความคิดของทุกคนทั้งห้อง
ลี่เฉินซีหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา มองไปที่หมายเลขของผู้ที่โทรเข้ามา คิ้วหนาเหมือนภูเขาของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นก็รับสาย
“ฉ่ายหลิง มีอะไรเหรอ?”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ และน่าเบื่อ แต่เผยให้เห็นถึงการดึงดูดของแม่เหล็ก ที่ไม่สามารถบรรยายได้
ลู่ส้าวหลิงและยู่ฉือเห้าประสานสายตากัน และเข้าใจทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆ ไปโดยปริยาย
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรบ้าง ลี่เฉินซีที่วางสายโทรศัพท์ไปสักครู่ หลังจากนั้นก็โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะกาแฟที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็หยิบซองบุหรี่ที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา
เมื่อพบว่าด้านในว่างเปล่า แม้แต่บุหรี่หนึ่งมวนก็ไม่มี เขาจึงโยนซองบุหรี่ทิ้งลงถังขยะ
ไม่รู้ว่าภายในห้องเงียบเกินไป หรือเป็นเพราะเขาโยนของแรงเกินไป สรุปก็คือ ซองบุหรี่ที่ทิ้งลงในถังขยะก็เกิดเสียงดัง‘โครม’
ทุกๆ คนที่อยู่รายรอบ จ้องมองไปที่เขา โดยเฉพาะลู่ส้าวหลิงและยู่ฉือเห้า
ลี่เฉินซียกเปลือกตาขึ้นอย่างหงุดหงิด ก้นบึ้งของหัวใจไม่สามารถอธิบายได้ ดวงตาลึกของเขามองต่ำลง ครึ้มฟ้าครึ้มฝน แล้วก็พูดลอยๆ ออกมาว่า“มีอะไร?”
เสียงของเขาไม่ได้สูงมาก แต่น้ำเสียงนั้นคมชัด เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง และการกดขี่ข่มเหง ทำให้ทุกคนรอบข้างต้องหันไปมองทางอื่นอย่างพร้อมเพรียงกัน
ลี่เฉินซีนั่งต่ออีกสองถึงสามวินาที แล้วก็ลุกขึ้นยืน หัวใจที่หงุดหงิดของเขา รู้สึกเหมือนถูกซ่อนด้วยบางสิ่งบางอย่าง แล้วเขาก็ถือเสื้อนอกออกมา หยิบบุหรี่อีกซองจากโต๊ะข้างๆ แล้วเอาบุหรี่ขึ้นมาที่ริมฝีปากของเขา
ในขณะเดียวกันก็จุดไฟ แล้วก้าวขายาวๆ ตรงออกไป เดินออกไปด้วยท่วงท่าที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
หลังจากที่ทุกคนได้ยินเสียง‘ปัง’ของประตูที่ปิด พวกเขาก็มีปฏิกิริยาตอบรับ ลู่ส้าวหลิงถอนหายใจและพูดออกมาในทันที“เดิมพันเลยว่า ต้องเป็นสายจากฉ่ายหลิง ให้คุณชายลี่ไปรับซูย้าว นายเชื่อไหม?”
ยู่ฉือเห้าเหลือบมองเขา พร้อมกับเลิกคิ้ว แล้วยิ้มเยาะ“ยังจะต้องพูดอีกเหรอ!”
จากความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับลี่เฉินซี ผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ ที่สามารถสั่งให้เขาทำอะไรก็ได้ น่าจะมีเพียงแค่หานฉ่ายหลิง
แต่เป็นพวกเขาที่เดาผิด
ลี่เฉินซีรู้สึกแปลกๆ กับตัวเอง ใครเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีในวันนี้ และทำให้เขาต้องขับรถไปชานเมืองในเวลานี้?
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นเพราะหานฉ่ายหลิง
ตั้งแต่ขึ้นรถมา ลี่เฉินซีก็โทรหาเบอร์โทรศัพท์ของซูย้าว แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ เสียงโทรออกที่ดังขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม
ใบหน้าที่เย็นชาของลี่เฉินซี คิ้วหนาที่เหมือนกับภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขมวดแน่นขึ้น รถถูกเคลื่อนตัวไปยังชานเมือง คันเร่งถูกเหยียบลง และความเร็วนั้นก็เร็วมาก