เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 43
บทที่ 43 ผมอยู่กับคุณได้
ทางฝั่งชานเมือง ซูย้าวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา นั่งบนโซฟาในล็อบบี้ของห้องโถง เรียกรถมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบกว่าคัน ราคาที่เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีใครกดยอมรับคำสั่ง
ฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างกะทันหัน ที่นี่ก็เป็นชานเมือง ถ้ากลับเข้าไปในเมือง จำเป็นต้องข้ามสะพานข้ามทะเล
สะพานก็มีสภาพทรุดโทรมมานานแล้ว ถ้าหากฝนตกหนัก มักจะมีสิ่งของต่างๆ มากีดขวางการจราจรที่ผ่านไปผ่านมา ดังนั้นจึงไม่มีใครยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อเงินเพียงเล็กน้อยนี้หรอก
นอกจากนี้ ยังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด เกือบ 2-3 กิโลเมตร ถ้าหากเดินไป ก็อาจจะกลับเข้าไปในตัวเมืองได้
ซูย้าวมองดูสภาพอากาศด้านนอกที่มืดมน และพายุฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก เธอก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาหาเธอ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า“คุณผู้หญิงลี่ ข้างนอกฝนตกหนักมาก ถ้าคุณต้องการที่จะค้างคืนที่นี่ พวกเราจะเตรียมห้องไว้ให้คุณครับ”
ค้างคืนที่นี่……
คำว่าลี่เจิ้งสองคำ ฉายเข้ามาในความคิดของซูย้าว เธอยังมีลูกอยู่ที่บ้าน และเจิ้งเอ๋อยังไม่หย่านม เด็กคนนั้นไม่กินนมผงใดๆ เลย นอกจากนมแม่
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ได้ เธอก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว และพิมพ์ประโยคด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอว่า“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต้องการกลับ”
พนักงานเสิร์ฟรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ในสถานการณ์เช่นนี้ และตัวตนของซูย้าว ทางสโมสรควรจะจัดเตรียมรถเพื่อส่งเธอกลับ แต่ฝนด้านนอกที่ตกหนักเกินไป และก็กลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกินขึ้น
เมื่อซูย้าวคิดได้ว่ายังมีลูกชายรอเธออยู่ที่บ้าน ก็แทบจะรอต่อไม่ไหว เธอหยิบร่มจากสโมสร แล้วเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด จะต้องกลับไปในเมืองให้ได้!
ลมด้านนอกแรงมาก จนทำให้ร่มสั่นไปมาและม้วนตัว ทันใดนั้น ฝนที่เทกระหน่ำใส่เธอ ก็ทำให้ร่างของเธอเปียกโชก
ถนนในเขตชานเมืองขรุขระเล็กน้อย เมื่อฝนตก จะทำให้สายตาเบลอ เท้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำ รองเท้าส้นสูงเดินแทบจะไม่ได้เลย ซูย้าวจึงถือรองเท้าไว้ในมือ และเดินบนพื้นด้วยเท้าเปล่า
บนถนนที่มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน เป็นถนนลูกรัง ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ถนนเต็มไปด้วยโคลนและเป็นหลุมเป็นบ่อ ทำให้เดินลำบาก เธอเหยียบก้อนหินและสิ่งต่างๆ ด้วยเท้าเปล่า สิ่งต่างๆ บาดฝ่าเท้าของเธอ จนเธอต้องขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด
ในที่สุด หลังจากเดินผ่านส่วนนี้ของถนนมาได้ เธอก็ก้มลงมองไปดูที่เท้าของเธอ บาดแผลหลายแห่งมีความลึกแตกต่างกัน ส่วนที่ลึกที่สุดมีเลือดไหลผสมกับสายฝน มันทั้งเจ็บและปวด
หลังจากเดินมาได้สักพัก เท้าของเธอก็รู้สึกเจ็บมาก จนต้องหยุดเดิน ฝนที่ตกหนักกว่าเดิม กับร่มที่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์ แถมยังถูกลมพัดแรง ซูย้าวจะจับอะไรไว้ ก็จับไว้แทบจะไม่ทัน
บาดแผลที่เท้าของเธอนั้นเจ็บปวดเกินไป ซูย้าวแทบจะทนไม่ได้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และพยายามโทรหารถอีกครั้ง แต่หลังจากหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เธอก็เห็นสายที่ไม่ได้รับอยู่หลายสาย แต่ยังไม่ทันได้รู้ว่าใครโทรเข้ามา โทรศัพท์มือถือที่แบตเตอรี่เหลือน้อย ก็ปิดเองโดยอัตโนมัติ
เธอตกใจ จนโทรศัพท์ก็หล่นลงพื้น
และมันก็บังเอิญ ตกลงไปในแอ่งน้ำที่ไม่เล็กไม่ใหญ่มากที่อยู่ข้างๆ ซูย้าวต้องนั่งยองๆ แล้วเอื้อมมือไปคลำสิ่งปฏิกูลนั้น
ทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนที่จะได้ลองเปิดโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง เสียงเบรกอันรุนแรง ก็ดังเข้ามาถึงในหูของเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ท่ามกลางพายุที่รุนแรง การมองเห็นของเธอพร่ามัว ผมยาวของเธอเปียกไปด้วยฝน ใบหน้าซีดเล็กน้อย เหมือนกวางน้อยที่หลงทาง มีบาดแผลและความเหน็ดเหนื่อย ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร
ประตูรถถูกผลักออก และร่างสูงก็ลงจากรถ พร้อมถือร่มสีดำคันใหญ่ในมือ
เงาของแสงไฟ ทำให้ซูย้าวเห็นได้ไม่ชัดเจน และไม่สามารถแยกออกได้
ชายร่างสูงโปร่ง จนกว่าเขาจะเดินเข้าใกล้เธอ เธอถึงจะเห็นได้อย่างชัดเจน มือใหญ่ของชายคนนั้นที่มีข้อต่อที่สวยงาม จับไปที่แขนบางๆ ของเธอ และใช้แรงดึงเธอขึ้นจากพื้นโดยตรง
ร่มสีดำขนาดใหญ่พาดอยู่เหนือศีรษะของเธอ เพื่อบังฝนที่กำลังกระหน่ำลงมา
ซูย้าวมองไปที่เพ้ยส้าวหลี่ที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความประหลาดใจ และได้ยินเขาพูดว่า“ขึ้นรถก่อน!”
ในเวลาเดียวกับที่คำพูดหยุดลง ไม่รอให้ซูย้าวได้มีปฏิกิริยา เขาก็คว้าแขนของเธอไว้ก่อน แล้วยัดเธอเข้าไปในรถ
เพ้ยส้าวหลี่เก็บร่ม เมื่อขึ้นรถได้อีกครั้ง ก็ยื่นผ้าขนหนูที่สะอาดให้เธอ แล้วสตาร์ทรถพร้อมกับพูดว่า“ฝนตกหนักขนาดนี้ คุณยังกล้าที่จะเดินบนถนนคนเดียว ไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
อาจจะไม่กลัวก็ได้เหรอ?
แต่ซูย้าวคิดถึงลูกของเธอ ไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด เธอก็ต้องรีบกลับไปในเมืองให้เร็วที่สุด
รถขับไปได้ระยะทางหนึ่ง สะพานข้ามทะเลอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก คาดว่าถนนน่าจะถูกปิด และห้ามยานพาหนะผ่าน เพราะพายุฝนนี้
รถจอดที่หน้าประตูโรงแรมโฟร์ซีซั่น เพ้ยส้าวหลี่ลงจากรถก่อน เพื่อมาดูแลเธอให้ลงจากรถ และพาเข้าโรงแรม
เมื่อสั่งอาหารเล็กน้อย และก็สั่งซุปขิงเพิ่ม ในเวลาเดียวกัน พนักงานเสิร์ฟก็นำผ้าขนหนูแห้งมาให้ และซูย้าวก็เช็ดผมที่เปียกของเธอ
“ในตอนนี้ อาจจะไม่สามารถกลับไปในเมืองได้แล้ว ทางข้างหน้าก็น่าจะปิดแล้วด้วยเหมือนกัน สั่งอาหารกินที่นี่ไปก่อน หลังจากนั้นผมจะมองหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ และจัดให้คุณพักหนึ่งคืน!”เขาพูด
ซูย้าวผงะไปชั่วครู่ ไม่สามารถกลับไปได้แล้ว?!
ถ้าเจิ้งเอ๋อต้องการกินนมตอนกลางคืนจะทำยังไง?
เมื่อเห็นความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเธอ เพ้ยส้าวหลี่จึงพูดอีกครั้งว่า“แค่คืนนี้คืนเดียว พรุ่งนี้ถ้าถนนเปิด ผมจะพาคุณกลับทันที โอเคไหม?”
เสียงของเขานั้นอ่อนโยน ดวงตาที่ลึกซึ้งล็อคไปที่แก้มของเธอ ดวงตาที่ส่องแสงราวกับทางช้างเผือก ในม่านตาที่อ่อนไหว สะท้อนให้เห็นเธอตัวน้อยๆ สองคน
ซูย้าวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เธอต้องการที่จะกลับไปในตัวเมือง ไม่อย่างนั้น ก็พักค้างคืนอยู่ที่สโมสรก่อนหน้านี้ไปแล้ว
ความยุ่งเหยิงในดวงตาของเธอ ตกอยู่ในดวงตาของเพ้ยส้าวหลี่ ในวินาทีต่อมา เขาก็จับมือเธอไว้ หลังจากที่ผ่านฝนตกอันเปียกชื้น ซูย้าวก็สั่นด้วยความหนาว และมือเล็กๆ ของเธอก็เย็นมากเช่นกัน
เขาจับไว้แน่น การกระทำที่กะทันหัน ทำให้ซูย้าวตกใจ ต้องการที่จะดึงกลับมา แต่ก็ถูกเพ้ยส้าวหลี่จับเอาไว้แน่น และไม่สามารถขยับได้
“ผมอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณ ไม่ต้องกังวล จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่คืนเดียว ลูกไม่น่าจะเป็นอะไร!”
ทันใดนั้นก็เดาได้ว่า เธอกำลังคิดอะไรอีกครั้ง เพ้ยส้าวหลี่มองไปที่เธอ มุมปากของเธอปรากฏรอยยิ้มจางๆ เผยให้เห็นความสบายใจขึ้น
ซูย้าวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แม่ว่าจะไม่เต็มใจ แต่จะทำอะไรได้?
เรื่องก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
นอกจากการยอมรับมัน เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเดินข้ามสะพานข้ามทะเลเพียงลำพัง และกลับไปยังในเมือง
เมื่อกำลังจะพยักหน้า อย่างประนีประนอม จู่ๆ เสียงเยาะเย้ยก็ดังมาจากด้านหลัง
เสียงนั้นไม่ได้ดังหรือเบา แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ซูย้าวและเพ้ยส้าวหลี่ได้ยิน เมื่อทั้งสองคนมองกลับไป พวกเขาก็เห็นลี่เฉินซีปรากฏตัวที่ทางเข้าของโรงแรม
ร่างที่เต็มไปด้วยฝุ่นโคลน ใบหน้าที่สวมอยู่ในชุดสูทนั้นเย็นชา และเต็มไปด้วยความเศร้าหมองที่ไม่เปิดเผย สายตาที่แหลมคม มองไปรอบๆ พวกเขาทั้งสองคน
ในขณะที่เขาเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้าๆ สายตาที่เย็นชาของเขามองข้ามซูย้าวไป และหันไปมองเพ้ยส้าวหลี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็มองเขาที่กำลังจับมือของเธออยู่ แล้วเขาก็หลี่ตาลงมอง
“ประธานเพ้ยทำไมถึงได้มีเวลาว่าง?แล้วมาที่ชานเมืองได้ล่ะ……”
น้ำเสียงของลี่เฉินซีนั้นเย็นชา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคำพูดที่สวยงาม แต่รู้สึกถึงว่ามันมีความผิดปกติ มีความน่ากลัวแอบแฝงอยู่
ซูย้าวต้องการที่จะเอามือออก แล้วค่อยๆ ขยับออกอย่างช้าๆ แต่ความแข็งแรงของเพ้ยส้าวหลี่นั้นมีมากกว่า เขายังคงจับมือของเธอไว้ และไม่ยอมปล่อยมือออก
หลังจากนั้น เพ้ยส้าวหลี่ก็เลิกคิ้วขึ้น เพื่อพบกับการจ้องมองของลี่เฉินซี รอยยิ้มที่เย็นชามากขึ้น ปรากฏขึ้นอีกครั้ง“ก็พักผ่อนเรื่องวุ่นวายสักหน่อย!แต่เห็นซูย้าวที่อยู่ข้างทางท่ามกลางสายฝนคนเดียว ก็อดไม่ได้จริงๆ”
หลังจากนั้น ก็หยุดพูดไปช่วงหนึ่ง เพ้ยส้าวหลี่ก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า“มันน่าแปลก กับสิ่งที่ประธานลี่ทำกับภรรยา มันเป็นแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?ถ้าอย่างนั้นการที่จะเป็นผู้หญิงของคุณ ก็น่าสงสารเกินไปแล้ว!”