เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 437
แค่บอกว่า ‘คุณเป็นคนป่วย’ สั้นๆ ถึงกับยังทำหน้าตาใสซื่ออีกด้วย มองใบหน้าหล่อเหลาของฝ่ายชาย ดูไม่มีพิษไม่มีภัยโดยสิ้นเชิง ซูย้าวจึงพูดไม่ออกเล็กน้อย
อย่างฉับพลัน ไม่รอให้เธอตอบโต้ จู่ๆ แขนยาวๆ ของลี่เฉินซีก็โอบเข้ามา อุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์สีเคลือบที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้ว “ผอมไปแล้วนะ!”
“……”
ต่อมา มือใหญ่ๆ ก็แกะกระดุมสองเม็ดสุดท้ายบนหน้าอกเสื้อของเธออย่างเป็นธรรมชาติ เห็นยกทรงสีอ่อนด้านใน มือเรียวยาวจึงปกคลุมเอาไว้ ซูย้าวตกตะลึง ผลักมือของเขาออกไป “ลี่เฉินซี คุณหยาบคายแล้วนะ!”
“ที่ไหนล่ะ ผมแค่อยากยืนยันนิดหน่อย ที่บอกกันว่าถ้าผู้หญิงผอมลง หน้าอกก็จะเล็กลงก่อนเลยไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงนิ่งเฉย เห็นๆ อยู่ว่าเป็นการกระทำที่หยาบคาย แต่สีหน้าของเขากับใสซื่อบริสุทธิ์ ทำให้เธอไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว
“ผมแค่หวังดี คุณสุขภาพไม่แข็งแรง ทั้งยังเป็นคนป่วยอีก ช่วยเหลือคุณก็เท่านั้นเอง!” เขาพูด
ซูย้าวยิ้มเยาะ “ฉันขอบคุณสำหรับความหวังดีของคุณ แต่ไม่เป็นไร ฉันทำคนเดียวได้!”
“ได้ยินคุณพูดอย่างนี้ เหมือนผมคิดจะเอาเปรียบคุณอย่างนั้นแหละ!” เขาท่าทางไม่สบายใจ สีหน้ากลับไม่ค่อยเบิกบานเล็กน้อย
ซูย้าวไม่รู้จะทำยังไงดี ชะงักงัน ใบหน้าที่อึดอัดแสดงท่าทีพูดไม่ออก “แล้วคุณไม่ได้เอาเปรียบหรือไง?”
“ทำไมต้องเอาเปรียบด้วยล่ะ? ตรงไหนของร่างกายคุณที่ผมยังไม่เคยเห็นบ้าง? นอนด้วยกันไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้ว จะมีอะไรอีก?” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดขึ้นอีก “มาเถอะนะ ผมจะช่วยคุณถอดเสื้อผ้า แล้วก็อาบน้ำดีกว่า!”
“……”
เขากลับพูดเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับเป็นเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่ง แต่สำหรับซูย้าวแล้ว ต่อให้คนคนนี้คือเขา แต่จู่ๆ เป็นอย่างนี้ก็ผิดปกตินะ!
“ช่างเถอะ ฉันขอบคุณมากสำหรับความหวังดีของคุณ แต่ฉันทำเองได้จริงๆ รบกวนคุณ ออกไปก่อนเถอะ!” ซูย้าวฝืนทำเป็นอารมณ์ดีอย่างจำใจ แล้วถือโอกาสลงมาจากเคาน์เตอร์สีเคลือบ ทำมือ ‘เชิญ’ ให้ออกไป
ลี่เฉินซีก็ไม่อืดอาดยืดยาด พยักหน้าอย่างสบายใจ “ก็ได้ แต่ คุณแน่ใจนะว่าทำได้?”
“……”
ซูย้าวหลับตาลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ อดกลั้นหัวใจที่สั่นไหวเอาไว้ พูดอย่างชัดเจน “ได้!”
“อ้อๆ งั้นผมออกไปแล้วนะ คุณค่อยๆ อาบ!”
ลี่เฉินซีหมุนตัวออกไปด้านนอกด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย ตอนที่ออกไป ก็ปิดประตูห้องน้ำไปด้วย
แล้ว ร่างสูงก็เอียงตัวพิงอยู่บนกำแพง หลับตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ระหว่างพวกเขายังขาดอีกนิดเดียว ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป……
ในใจที่อาการกำเริบเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายเขาจึงหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ ลืมตาที่เฉียบแหลมดุร้ายขึ้น แต่กลับยากที่จะควบคุมบางตำแหน่งของร่างกาย ความร้อนผ่าวคลุ้มคลั่งที่ยากจะทนได้
ร่างกายที่โดดเดี่ยวมาห้าปีแล้ว ยังคงหมดหนทางที่จะควบคุมความหวั่นไหวที่มีต่อเธอ แต่ความปรารถนาทางกายภาพเขาสามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ ครั้งนี้ เขาจะไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ต้องค่อยเป็นค่อยไป ใช่ ค่อยเป็นค่อยไป……
ซูย้าวอาบน้ำเสร็จแล้ว ทั้งสองคนลงไปข้างล่างด้วยกัน อานซินเออร์นั่งรอพวกเขาอยู่ที่ห้องอาหารอยู่ก่อนแล้ว ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาด้วยกัน ก็โบกมือทักทายอย่างร่าเริง
แล้วถือโอกาสตอนที่ลี่เฉินซีไปเข้าห้องน้ำ รีบพูดขึ้น “ยังจะบอกว่าพวกเธอไม่ได้เป็นอะไรกันอีกนะ ดูสิ ตัวติดกันเป็นเงาเลย ไม่ใช่คนรักกัน ใครจะเชื่อ?”
“……”
ซูย้าวสีหน้าเฉยเมย กำลังอยากจะอธิบาย แต่อานซินเออร์กลับยกมือเรียกบริกรที่เดินผ่านมาพอดี “รบกวนถามหน่อยค่ะ เมื่อกี้แฟนของผู้หญิงคนนี้สั่งอะไรเหรอคะ?”
บริกรมองซูย้าว ยิ้มเล็กน้อยพลางหยิบแท็บเล็ตออกมาดู แล้วรายงานเมนูอาหารแต่ละอย่าง
“ไม่ทราบว่าจะยกเลิก หรือเพิ่มเติมอะไรไหมครับ?” บริกรถาม
อานซินเออร์ยิ้มให้ซูย้าวอย่างทะเล้น แค่พูดขึ้น “เพิ่มน้ำมะนาวอีกสองแก้วค่ะ!”
บริกรพยักหน้า แล้วถอยออกไป
อานซินเออร์ปิดปากแอบยิ้ม “ดูสิ! แม้แต่บริกรที่ไม่รู้จักพวกเธอยังมองออกเลย ว่าพวกเธอเป็นคู่กัน!”
“เฮอะๆ ……” ซูย้าวหัวเราะเยาะออกมา
แต่อานซินเออร์กลับพูดขึ้น “โอ๊ย เธออย่ามาแกล้งไม่รู้หน่อยเลย คุณลี่คิดยังไงกับเธอ ใครๆ ก็มองออกทั้งนั้น เธอต้องรักษาเอาไว้ให้ดี เขาเป็นอดีตสามีของเธอไม่ใช่เหรอ? แล้วยังเป็นพ่อของเด็กๆ อีก พวกเธอคืนดีกัน ก็ดีมากๆ ไม่ใช่เหรอ?”
“ก็บอกไปแล้ว ว่าเขามีคู่หมั้น!” ซูย้าวดื่มน้ำแล้วพูดย้ำอีกครั้ง
แต่อานซินเออร์กลับเบ้ปาก “น้อยๆ หน่อย ถ้าเขารักคู่หมั้นคนนั้นจริงๆ คงไม่มาฟิลิปปินส์ แล้วก็คงไม่ไปช่วยเธอ แล้วก็ยิ่งไม่มากับเธอที่นี่หรอก!”
“……”
ซูย้าวชะงักเล็กน้อย หูก็ฟังอีกฝ่ายพูด “เธอเป็นคนฉลาดขนาดนี้ มองไม่ออกเหรอ? ตอนที่ผู้ชายรักผู้หญิงสักคน ถึงจะอยากอยู่กับเธอตลอดเวลา เป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ คอยคุ้มครองอยู่ข้างกายเธอทุกที่ทุกเวลาไง!”
“อีกอย่างนะ อย่าเอาแต่พูดถึงคู่หมั้นอะไรนั่น ด้วยฐานะของคุณลี่ บางครั้งก็ต้องเล่นไปตามสถานการณ์ เพื่อบางสิ่งบางอย่าง ต้องใส่หน้ากากเล็กน้อย เรื่องอย่างนี้เห็นได้ถมเถไป! เธอรู้จักเขามาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือไง? เธอยังไม่เข้าใจเขาอีกเหรอ?”
ประโยคเหล่านั้นของอานซินเออร์ พูดซะจนซูย้าวเงียบกริบไปเลย
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากโต้แย้ง เพียงแต่คำพูดของอานซินเออร์แทงเข้ามาที่จุดสำคัญ ทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงที่จะอธิบาย……
ไม่ผิดเลย
เธอรู้จักลี่เฉินซีตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะชอบเขามากๆ ดังนั้นจึงรู้จักเขาเป็นอย่างดี ท่ามกลางความคุ้นเคยกันอย่างช้าๆ ก็รู้จักนิสัยของเขา ลี่เฉินซีคนนี้ นอกจากทำงานแล้ว แทบจะไม่มีงานอดิเรกใดๆ อีกเลย
เหมือนอย่างตอนนี้ ที่ยอมทิ้งงาน เพื่อคนคนหนึ่ง ก็คงจะเป็น……
ชอบ?
รัก?
ความคิดนี้เพิ่งเกิดขึ้นมาในใจ แต่ก็โดนเธอสกัดกั้นเอาไว้อย่างรวดเร็วแล้ว เป็นไปไม่ได้ ลี่เฉินซีจะรักตนเองได้ยังไง? คนอย่างเขา ต่อให้จะเล่นสนุกไปตามสถานการณ์กับหานฉ่ายหลิง เพียงแค่ขายผ้าเอาหน้ารอด งั้น ที่ทำกับเธอเช่นนี้ก็คงเพราะเป็นอดีตภรรยา และลูกๆ เป็นเหตุเท่านั้น เขาไม่รักใครง่ายๆ หรอก……
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเธอที่แอบชอบเขามาโดยตลอด เก็บไว้ในใจ ซ่อนไว้ในที่ที่ลึกที่สุดอย่างระมัดระวัง ไม่อยากให้ใครรู้ แม้เวลาจะผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เธอก็ยังคงโดดเดี่ยว
ทำตนเองให้ดีที่สุด รอคอยคนคนนั้นที่รักที่สุด
บางทีประโยคนี้อาจจะใช้พรรณนาถึงซูย้าว แม้จะเหมาะสมที่สุด เธอไม่แน่ใจว่าในใจกำลังรอคอยใครอยู่หรือเปล่า เพียงแต่ไม่มีใครชอบความโดดเดี่ยว แล้วก็ไม่มีใครปฏิเสธความรักที่น่าเบื่อหน่ายได้อย่างสิ้นเชิง นอกจาก ไม่ได้เจอกับคนคนนั้นที่รักจริงๆ
เพียงแต่ เธอไม่อาจใช้สาเหตุนี้ คาดเดาไปเรื่อยเปื่อย หรือเข้าข้างตัวเอง อันที่จริง เธอเคยเสียใจ จึงไม่อยากโดนทำร้ายอีก
ตอนที่ลี่เฉินซีกลับมา อานซินเออร์มองเขา ยิ้มสดใส แต่เขากลับไม่เข้าใจ เพียงแค่นั่งลงไป กินข้าวกับทั้งสองคนอย่างสงบ
ระหว่างมื้ออาหาร เขาดูแลเธออย่างเป็นสุภาพบุรุษ คีบอาหารให้ด้วยความใส่ใจ แกะกุ้งให้ แม้แต่ผักชีที่เธอไม่ชอบกิน ก็ยังจำได้ ให้บริกรเปลี่ยนอาหารที่ไม่ใส่ผักชีมากี่อย่างทันที
อานซินเออร์ที่อยู่ข้างๆ แอบขยิบตาให้ ความใส่ใจเล็กน้อย ทำให้ซูย้าวตกใจ อาหารมื้อนี้จึงกินด้วยความอึดอัด
ไม่ง่ายเลยที่มื้อนี้จะจบลง จึงรีบขึ้นไปข้างบนด้วยความลนลาน แยกตนเองเข้าไปอยู่ในห้องเล็กๆ โดยเร็วที่สุด ปกป้องหัวใจที่เต้นตึกตัก กับใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอที่กำลังสติหลุดลอย จู่ๆ มีเสียงดังขึ้น จึงเพียงพอที่จะทำให้ตกอกตกใจ
เดินไปเปิดประตู เห็นลี่เฉินซีเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายแล้ว ในมือถือกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ท่าทางเหมือนกำลังจะออกเดินทาง ทำให้ซูย้าวไม่เข้าใจ “นี่คุณ……”
“ไม่ไปภูเขาไฟเซอร์โร เนโกรแล้วเหรอ? ถ้าไปตอนนี้ พรุ่งนี้เช้าก็ถึงแล้ว!” เขาพูด
ฟังแล้ว ซูย้าวจึงพยักหน้า “อื้ม ฉันไปเก็บของก่อนนะ เดี๋ยวออกมา!”
ลี่เฉินซียืนรอเธออยู่ด้านนอกอย่างสงบ ซูย้าวเอาของติดตัวไปไม่เยอะ จึงเก็บของได้สะดวก
ตอนที่ทั้งสองคนลงมา อานซินเออร์ก็นั่งรอพวกเขาอยู่ในรถแล้ว ผู้หญิงคนนี้เร็วกว่าเสมอเลย ราวกับรู้ตารางการเดินทางในแต่ละครั้งอยู่แล้ว
ลี่เฉินซีเป็นคนขับรถ ผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ด้านหลัง ขับรถจากที่นี่ไปถึงเซอร์โร เนโกรใช้เวลาสิบกว่าชั่วโมง ระหว่างทางต้องว่างจนเบื่ออยู่แล้ว อานซินเออร์จึงเล่นเกมในมือถือไม่หยุด ใช้วิธีนี้ฆ่าเวลา
ซูย้าวเอียงหัวพิงหน้าต่าง มองวิวด้านนอก ใจลอยเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้โม่หว่านหว่านโทรมา ถามถึงสถานการณ์ของคุณ……” จู่ๆ ลี่เฉินซีก็พูดขึ้น
ซูย้าวชะงักงัน มองเขาถามขึ้น “โม่หว่านหว่านโทรหาคุณ?”
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยัยคนนี้เรียนรู้ที่จะไม่ถามเธอ แต่กลับถามลี่เฉินซีก่อน……
มองออกถึงความสงสัยของเธอ เขาจึงอมยิ้มบางๆ “เธอให้ผมดูแลคุณให้ดี เป็นห่วงว่าคุณจะเกิดเรื่องอีกก็เท่านั้น!”
“อ้อๆ ……” ซูย้าวพยักหน้าเบาๆ อย่างทำตัวไม่ถูก