เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 456
“คุณเพิ่งจะนึกได้ว่าตอนนี้ต้องตรวจสอบ สายไปหน่อยหรือไม่” เขาที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น
คำพูดนี้แทบจะไม่ต่างกับโม่หว่านหว่านเลย
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้ม “สายหรือคะ จะตรวจสอบตอนไหนก็ไม่สายหรอกค่ะ!”
ที่สายที่สุด เกรงว่าจะเป็นตอนที่เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นแล้ว หรือไม่ก็โศกนาฏกรรมถูกสร้างขึ้นแล้วต่างหากถึงจะเรียกว่าสายไปแล้วจริงๆ!
ลี่เฉินซีรู้ว่าตัวเองพูดไม่ชนะเธอ ไม่ว่าจะเป็นความมีเหตุผลน่าไว้วางใจ หรือว่าการเถียงข้างๆคูๆ เธอมักจะฉลาดหลักแหลมเสียจนทำให้เขาหมดหนทางที่จะโจมตีกลับ และไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยโต้เถียงกับเธอต่อไปเช่นกัน
เพียงแค่เป็นห่วงอยู่ข้างๆ ลี่เฉินซีถามต่อว่า “ทำไมจู่ๆตอนนี้คุณถึงได้นึกถึงเรื่องตรวจสอบขึ้นมากัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
ซูย้าวก็อ่านเอกสารไปพอสมควรแล้ว ที่อยู่ของทั้งสองครอบครัวเธอก็จดเรียบร้อยแล้วจึงเก็บเอกสารขึ้นมา มองไปทางเขา “ทำไมคุณถึงมีเวลาว่างคะ ไม่ยุ่งหรือ”
“ยุ่งสิ!” เขายิ้ม “แต่ว่าในเมื่อเห็นคุณแล้ว เช่นนั้น เรื่องของคุณจึงสำคัญมากกว่าเรื่องของผมเป็นธรรมดา! พูดเรื่องของคุณก่อนเถอะ!”
เธอมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มที่แย้มรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วก็ไม่มีอะไรจะพูดออกมาชั่วขณะ ผีสางเทวดาตนใดดลใจให้ถูกเขาหลอกจนเอ่ยเรื่องที่ได้พบกับแม่ที่รับเลี้ยงเตียวเตียวคนก่อนออกมา
หลังจากลี่เฉินซีฟังจบแล้วก็เอ่ยว่า “เรื่องพวกนี้ง่ายมาก ในเมื่อทางด้านสถานสงเคราะห์จัดการตามขั้นตอนการรับเลี้ยงบุตรให้คุณเรียบร้อยแล้ว ก็หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นทอดทิ้งสิทธิ์รับเลี้ยงไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าเด็กจะออกจากบ้านด้วยตัวเองหรือว่าถูกคนลักพาตัว ในฐานะผู้ปกครองเธอล้วนต้องแบกรับความรับผิดชอบนี้”
นั่นก็หมายความว่า สามีภรรยาคู่นั้นทำผิดสัญญาก่อน เป็นฝ่ายละทิ้งสิทธิ์ในการเป็นผู้ปกครอง ตอนนี้สิทธิ์ผู้ปกครองของเด็กถูกส่งมอบให้กับซูย้าวแล้ว ตามกฎหมายเธอก็คือแม่บุญธรรมของเตียวเตียว
สมเหตุสมผลและถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับเรื่องพวกนี้ เธอก็ทราบดี
เพียงแต่มักจะรู้สึกแปลกๆว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
“ฉันรู้ค่ะ เธอไม่มีหนทางใดที่จะมาแย่งเด็กกับฉันได้อีก ฉันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงปัญหานี้ เพียงแต่อยากจะหาเธอให้พบ อธิบายกับเธออย่างชัดเจนเท่านั้นเอง”
แต่การมาในวันนี้ เธอกลับได้รู้เกี่ยวกับเรื่องไฟไหม้ รวมไปถึงบิดามารดาที่รับเลี้ยงเตียวเตียวก่อนหน้านี้หลายคนว่าในครอบครัวเกิดเรื่องอุบัติเหตุไม่คาดฝันใหญ่บ้างเล็กบ้าง จึงง่ายที่จะทำให้คนจับมาเชื่อมโยงกัน
บางที เธออาจจะสงสัยมากไปเอง
แต่ถึงอย่างไรการเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง โดยเฉพาะเตียวเตียวที่เพิ่งจะอายุห้าขวบ หลังจากนี้ชีวิตยังอีกยาว เธอในฐานะแม่บุญธรรมของเด็ก หลังจากนี้ต้องอยู่ร่วมกันอีกหลายสิบปี จนถึงขั้นยาวนานกว่านั้น เธอมีสิทธิ์และมีหน้าที่ที่จะต้องรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับเด็กทั้งหมด
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การคาดเดาอย่างส่งเดชของตัวเอง ก่อนที่จะได้รับหลักฐานก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ
“ตอนนี้ฉันจะไปเยี่ยมพ่อแม่บุญธรรมคนก่อนของเตียวเตียวสักหน่อย คุณลี่ คุณ…ไม่ไปทำงานหรือคะ” เธอเอ่ยไล่แบบอ้อมค้อม
ไม่ใช่ว่าลี่เฉินซีฟังไม่ออก เพียงแต่เห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอแล้ว อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเตียวเตียว เขาก็มีความหุนหันพลันแล่นที่อยากจะรับรู้และเกี่ยวข้องด้วยอย่างน่าประหลาดใจ จึงตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติประโยคหนึ่งว่า “ตอนนี้ไม่ยุ่งชั่วคราว ผมสามารถไปกับคุณได้ไหม”
“คุณจะไปกับฉันหรือคะ” เธอตะลึงค้าง เมื่อคิดให้ละเอียดแล้วก็ลังเลอยู่บ้าง
ลี่เฉินซีกลับเอ่ยว่า “ทำไมหรือ ไม่ได้หรือ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ค่ะ เพียงแต่ว่าที่นี่เป็นเมืองAคุณอยู่กับฉัน ไม่กลัวว่า…จะถูกคุณหานพบเข้าหรือรู้เข้าหรือคะ หากมีข่าวไม่ดีไม่งามหลุดออกไป ฉันไม่รับผิดชอบนะคะ!” เธอสตาร์ทรถไป เอ่ยพูดไป
ลี่เฉินซียิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นเจิดจ้าและอบอุ่น “ผมกลัวว่าจะไม่มีข่าวอะไรมากกว่านะ! ถ้าหากว่าสามารถมีข่าวออกมาได้นั่นไม่ใช่ว่าดียิ่งกว่าหรอกหรือ”
ซูย้าวมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา เป็นคนที่ไม่รังเกียจที่จะดูเรื่องสนุกคนหนึ่งเลยจริงๆ แต่ว่าตามใจเขาเถอะ! ถึงอย่างไรก็แค่ไปอธิบายให้ชัดเจนกับพ่อแม่ที่รับเลี้ยงเท่านั้นเอง น่าจะไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นถึงจะถูก
เมื่อมาถึงที่อยู่ชุมชนตามที่ส่วนกลางให้มา ก็หาเจอได้อย่างรวดเร็ว
ซูย้าวกับลี่เฉินซีเดินขึ้นไปข้างบน เพราะว่าเป็นช่วงบ่ายจึงคาดว่าที่บ้านน่าจะมีคนอยู่นะ!
เมื่อลองเคาะประตู
ก็มีคนออกมาเปิดประตูอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
นั่นก็คือผู้หญิงที่ซูย้าวได้พบที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาลในวันก่อนคนนั้น
ตอนที่ผู้หญิงเห็นซูย้าวก็มีท่าทางตะลึงอย่างเห็นได้ชัดและเอ่ยต่อว่า “ฉันจำคุณได้ คุณคือคุณผู้หญิงที่แย่งลูกชายของฉันไป ทำไมหรือ คิดจะคืนเด็กให้ฉันแล้วหรือคะ”
ซูย้าวยิ้มให้อย่างไม่ใส่ใจ อธิบายเรื่องที่ตัวเองรับเลี้ยงเตียวเตียวและจัดการขั้นตอนต่างๆเสร็จเรียบร้อยไปนานแล้วออกมาอย่างชัดเจน
ผู้หญิงก็ฟังจนเข้าใจพอสมควรแล้ว พยักหน้าตาม “อ่อ แบบนี้นี่เอง! คุณรับเลี้ยงเด็กคนนั้นแล้วใช่ไหมคะ”
“ถูกต้องค่ะ ฉันรับเลี้ยงเตียวเตียวแล้ว ฉันมาที่นี่เพื่ออธิบายให้คุณเข้าใจอย่างชัดเจนค่ะ” ซูย้าวเอ่ย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ฉันจะขอพูดตามตรงก็แล้วกันค่ะ! ฉันไม่ต้องการเด็กคนนั้นนานแล้ว วันก่อนที่ได้พบกันก็คิดว่าจะพากลับมาแล้วส่งกลับไปที่สถานสงเคราะห์!” ผู้หญิงเปิดเผยความคิดของตัวเองออกมา
ซูย้าวตะลึงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ได้ยินเธอเอ่ยว่า “ยังมีอีกนะคะ ขอบอกความจริงกับคุณเลยว่า คุณอาจจะถูกเด็กคนนั้นทำให้หลงใหลไปแล้ว เหอะ ตอนแรกฉันกับสามีของฉันก็เป็นแบบนี้ เพราะว่าไม่มีลูกจึงได้ไปเยี่ยมดูที่สถานสงเคราะห์และถูกเด็กผู้ชายคนนั้นหลอกเอาเสียได้!”
“หลอกหรือคะ” ซูย้าวเอ่ยคำที่เสียดแทงหูออกมาด้วยความตกตะลึง “คุณหมายความว่าอะไรคะ”
“ฉันจะหมายความว่าอะไรได้คะ ฉันเพียงแค่ไม่อยากให้คุณถูกหลอกเท่านั้นเอง! คุณจะคิดว่าฉันยุ่งเรื่องชาวบ้านก็ได้ค่ะ ถึงอย่างไรสิ่งที่ฉันควรพูดก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว หลังจากนี้คุณจะได้ไม่มาหาฉัน…”
ผู้หญิงสูดลมหายใจลึก เหลือบมองไปทางลี่เฉินซี พิจารณามองเครื่องแต่งกายที่เขาสวมก็แค่นเสียงเย็น “คุณคนนี้คือสามีของคุณหรือ”
“เอ่อ…”
ซูย้าวไม่ทันจะได้อธิบาย ผู้หญิงก็เอ่ยต่อว่า “สามารถมองออกว่าพวกคุณน่าจะร่ำรวย แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา ถือว่าเป็นความโชคดีของเด็กคนนี้ที่สามารถพบกับคนร่ำรวยอย่างพวกคุณได้!”
รู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้มีความทรงจำที่ไม่ดีต่อเตียวเตียว ในสมองของซูย้าวก็นึกถึงหลังจากที่เธอได้พบกับเตียวเตียว ทั่วทั้งร่างกายของเด็กเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและรอยฟกช้ำ ผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ได้ดีต่อเด็กเช่นกัน
“อย่าโทษว่าฉันไม่เตือนคุณ เด็กคนนั้นก็คือปีศาจร้าย! ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็สามารถทำออกมาได้! คุณคิดว่าทำไมบ้านของฉันถึงได้ไฟไหม้กะทันหันกัน? ทำไมฉันกับสามีถึงได้รับบาดเจ็บ? ล้วนเป็นเพราะถูกเด็กคนนั้นทำร้ายทั้งนั้น!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ อารมณ์ของผู้หญิงก็รุนแรงผิดปกติ เธอเอ่ยอีกว่า “คุณรู้ไหม จนถึงตอนนี้สามีของฉันยังไม่ฟื้นตัวเลย! ไม่สามารถไปทำงานได้แล้ว! ล้วนเป็นเพราะเด็กคนนั้นทำร้าย เขาก็คือ…”
ผู้หญิงยังอยากจะพูดต่อ แต่มีเสียงของชายหนุ่มลอยออกมาจากด้านในห้อง
“คุณกำลังพูดอยู่กับใครน่ะ”
ซูย้าวเหลือบตามองกวาดเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่ามีชายท่าทางสุภาพเรียบร้อย สวมแว่นตากรอบสีดำคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นไฟฟ้าเคลื่อนตัวออกมาจากในห้องนอน
ชายหนุ่มเห็นซูย้าวกับลี่เฉินซีที่ยืนอยู่นอกประตูแล้วก็รีบผงกศีรษะให้อย่างเกรงใจ
ผู้หญิงอดกลั้นโทสะในใจ เอ่ยออกไปลวกๆว่า “ไม่มีอะไรค่ะ! เรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างไรฉันก็พูดในสิ่งที่ควรพูดไปหมดแล้ว เรื่องราวหลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของพวกคุณแล้ว จำเอาไว้ด้วยนะคะว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันอีก!”
เอ่ยจบแล้ว ผู้หญิงก็คิดจะปิดประตูห้อง แต่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังกลับเอ่ยขึ้นมากะทันหันว่า “ในเมื่อผู้อื่นมาแล้ว ก็เชิญเข้ามานั่งเถอะ!”
หลังจากนั้น ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็เคลื่อนตัวมาที่หน้าห้องรับแขก เอ่ยกับซูย้าวและลี่เฉินซีว่า “เป็นพ่อแม่ที่รับเลี้ยงเตียวเตียวคนใหม่สินะครับ? อย่างนั้นก็เชิญเข้ามาคุยกันเถอะ ผมจะเทกาเฟให้พวกคุณ…”
ซูย้าวตะลึงไปเล็กน้อย เพราะเธอสังเกตเห็นว่าขณะที่ชายหนุ่มเอ่ย สายตากลับจ้องมองไปที่ร่างของลี่เฉินซี
ใบหน้าที่มองดูแล้วไม่มีอะไรให้ตะขิดตะขวงใจ กลับ…แอบซ่อนปลายดาบอันแหลมคมเอาไว้ ชั่วพริบตา เธอก็คล้ายกับว่าจะรู้สึกถึงอะไรได้
ลี่เฉินซีกำลังจะปฏิเสธ แต่กลับถูกซูย้าวตัดบท ทั้งยังจูงมือเขาก้าวเข้าไปด้านในยิ้มๆ
“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนแล้วค่ะ เรื่องเกี่ยวกับเตียวเตียว ฉันยังมีปัญหาอีกเล็กน้อย คงต้องรบกวนทั้งสองท่านแล้ว!”
เธอเปลี่ยนรองเท้าเข้ามาด้วยความเกรงใจ ลี่เฉินซีมองเธอด้วยสีหน้ามึนงง แต่ก็ตามไปนั่งบนโซฟาโดยไม่พูดอะไร
ชายหนุ่มมีท่าทางเกรงอกเกรงใจมาก ระดับความกระตือรือร้นนั้นมีมากกว่าภรรยาของเขา และเป็นฝ่ายรินชาและกาแฟด้วยตัวเอง ทั้งยังส่งถึงมือลี่เฉินซีด้วยท่าทางมีความสุข
ซูย้าวเพียงแค่นั่งมองเงียบๆอยู่ด้านข้าง พูดคุยกันไม่กี่ประโยค สุดท้ายเธอก็มองไปทางชายหนุ่มและเอ่ยถามออกมาว่า “คุณผู้ชายคะ เหตุการณ์ไฟไหม้ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ขาของคุณ…ได้รับบาดเจ็บในตอนนั้นถูกต้องไหมคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า ลูบหน้าขาของตัวเองตามสัญชาตญาณ “ใช่แล้วครับ ได้รับบาดเจ็บในตอนนั้น…”
“นอกจากขา ยังมีตรงไหนที่ได้รับบาดเจ็บอีกไหมคะ” ซูย้าวถามอย่างเฉียบคม คล้ายกับว่าบอกเป็นนัยถึงบางอย่าง
ผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างกลับฟังอะไรบางอย่างออก สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที “คุณอยากจะถามอะไรหรือคะ”
ซูย้าวมองไปที่สามีภรรยาคู่นี้ การคาดการณ์อย่างหนึ่งในใจถูกพิสูจน์ได้ในเสี้ยวพริบตา