เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 495
ซูย้าวเผชิญหน้ากับชายตรงหน้า พยักหน้าอย่างยินยอม “ฉันรู้”
ผลสุดท้าย เธอจะกลายเป็นผู้กระทำผิดในคดีนี้ และถูกตัดสินจำคุกในคดีฉ้อโกงและฟอกเงินต่างๆ
มองเธอสงบเงียบแบบนั้น ตำรวจก็จำใจ พร้อมหายใจเข้าลึกๆ “โดยเฉพาะคดีที่ยังไม่ได้สรุปผลการสอบสวน เราค่อยมาคุยกันทีหลังเถอะ”
เมื่อตำรวจออกไป เธอก็จมดิ่งอยู่กับความคิด
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคิดไว้ หานฉ่ายหลิงตั้งใจสวมทุกอย่างไว้บนหัวเธอ และรู้ว่าเพราะชาร์ลี เธอจะไม่สามารถอธิบายหรือแก้ต่างอะไรได้ แม้แต่คำพูดชี้แจงเพียงหนึ่งคำ ก็ไม่สามารถพูดได้
ความรู้สึกที่ปล่อยให้คนอื่นกดขี่ใส่ร้าย ช่างยอมรับได้ยากเหลือเกิน แต่เพื่อลูก เธอไม่มีทางเลือกอื่น
วันต่อมา เนื่องจากหลักฐานการสอบสวนทั้งหมดชี้ตัวไปที่ซูย้าวคนเดียว แล้วเธอก็ไม่อธิบายข้อเท็จจริง สุดท้ายแล้วคดีก็ใกล้สิ้นสุดลงและเธอก็ถูกส่งตัวไปสถานที่คุมตัวผู้ต้องสงสัย
และในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น โอวหยางเช่อและหลินหวั่นหญิงก็ถูกปล่อยตัวเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
เมื่อก้าวออกจากสถานีตำรวจ โอวหยางเช่อก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย พร้อมบีบมือของหลินหวั่นหญิงอย่างไม่ลังเล “เห็นชัดว่าโครงการพวกนั้นเธอกับฉันเป็นคนจัดการ ทำไมถึงกลายเป็นความรับผิดชอบของซูย้าวไปได้?”
“แล้วยังจะชื่อที่เขียนบนเอกสารพวกนั้นอีก มันถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของซูย้าวตอนไหนกัน?”
ตั้งแต่ตอนที่ตำรวจให้โอวหยางเช่อดูเอกสาร เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมา ตอนนั้นเขาก็พูดออกไปตรงๆ แต่การสืบสวนก็ยึดตามหลักฐาน คำพูดพิสูจน์ไม่ได้ หรือจะมีคนปลอมแปลงลายเซ็นซูย้าว ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมซูย้าวไม่อธิบายความจริง แถมยังรับสารภาพทุกอย่าง ทำไมปล่อยตำรวจตรวจสอบแบบนั้น?”
เขาคว้าข้อมือเล็กของหลินหวั่นหญิงมาพร้อมบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับจับคางเธอด้วยมืออีกข้างหนึ่งอย่างไร้ความปรานี “พูดสิ ตกลงเธอปิดบังอะไรฉันไว้กันแน่?”
ความโกรธของหลินหวั่นหญิงปะทุขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจ เธอยกมือขึ้นเพื่อสะบัดออกจากพันธนาการของเขา “อะไรคือการบอกว่าฉันปิดบังอะไรคุณ? นี่คุณหมายความว่ายังไง?”
“การสืบสวนคดีออกมาเป็นแบบนี้แล้ว หลักฐานคือความจริง ฉันกับคุณหลุดพ้นจากข้อสงสัย ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?” เธอยักไหล่ พร้อมปัดผมทัดหู แล้วเดินไปยังรถที่จอดอยู่ข้างถนน
โอวหยางเช่อก้าวยาวตามเธอไป พร้อมคว้าแขนเธอไว้แน่นอีกครั้ง แล้วดึงเธอเข้ามาใกล้ “เป็นแผนของเธอ เธอหลอกให้ซูย้าวเซ็น!”
เขาเพียงแค่เดา แต่ความกังวานและรุนแรงของคำพูดนั้น ไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย
จะมีก็เพียงแค่ความเด็ดขาดและเยือกเย็นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงขนาดที่ว่าเชื่อหมดใจว่า ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคือตัวการสำคัญที่ทำเรื่องนี้
ใบหน้าเย็นชาแบบนี้ กับเขาเมื่อก่อนที่อ่อนโยนนั้นช่างตรงข้ามกันเหลือเกิน
หลินหวั่นหญิงจ้องมองไปที่เขา ปากแข็งทื่อ “คุณเจ็บปวดแล้วใช่ไหม?”
เธอหยุดไปพักหนึ่ง แล้วพูดต่อ “มองซูย้าวถูกจับเข้าคุก สุดท้ายก็อาจจะต้องถูกตัดสินลงโทษ คุณใจไม่แข็งพอหรอ? โอวหยาง คุณมีสติหน่อยได้หรือเปล่า!”
หลินหวั่นหญิงหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ ไม่ปล่อยให้อารมณ์ของเขาส่งผลต่อเธอ แล้วพูด “ใจของซูย้าว ไม่ได้อยู่ที่คุณเลยตั้งแต่ต้น เธอทิ้งหลินโม่ป่ายไปโดยไม่แต่งงาน แล้วคิดว่าเธอจะเลือกคุณเหรอ? เลิกโง่ได้แล้ว เธอมีลูกกับลี่เฉินซีสองคนแล้ว แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนอาจจะเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่เธอก็ไม่มีวันอยู่กับคุณอย่างแน่นอน!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมเธอถึงไม่สามารถเอาความรักไปให้คนอื่นได้ล่ะ?”
หลินหวั่นหญิงไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าความสามารถของเธอไม่น้อยไปกว่าซูย้าวเลย แม้แต่รูปร่างหน้าตา เธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ตัวตนแบบนี้ของเธอ ทำไมไม่สามารถทำให้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอเปลี่ยนใจได้เลยนะ?
เธอถอนหายใจ ใช้หลังมือแตะไปที่แขนของเขา พร้อมพูดด้วยเสียงที่อ่อนนุ่มลง “ทุกอย่างตอนนี้ สำหรับพวกเราแล้วมันเป็นประโยชน์ ตลาดในประเทศของจู้สือกรุ๊ปแน่นอนว่าจะไม่ไหวแล้ว พวกเราออกนอกประเทศได้ กลับไปที่สำนักงานใหญ่ใช้ความสามารถของคุณกับฉัน Jockต้องมีพื้นที่พัฒนาที่ดีกว่านี้ให้เราอย่างแน่นอน…”
ไม่ยอมให้เธอพูดจบ โอวหยางเช่อก็ตัดบทตรงๆ สะพัดมือออกจากเธออย่างเย็นชา “ดังนั้น ในที่สุดแล้วมันก็เป็นแผนการของเธอ ถูกไหม?”
หลินหวั่นหญิงไม่ตอบ และไม่พูดอะไร
เธอรู้สึกหมดแรง ปกติแล้วชายคนนี้เป็นคนฉลาด ทำไมแค่เจอเรื่องของซูย้าวเข้าไป กลับกลายเป็นคนหัวรั้นเช่นนี้
“หลินหวั่นหญิง เธอเลิกพูดคำพวกนั้นเถอะ ถ้าเธอจะไปก็ไปคนเดียว ฉันไปไม่ได้และไม่สามารถปล่อยให้ซูย้าวรับโทษคนเดียวได้ และฉันจะสืบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด!”
เขาลากเสียงยาวเล็กน้อย และมองเข้าไปที่สายตาของเธอ ลึกลงไป “แต่อย่างไรก็ตาม เห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมงานของเรา ทางที่ดีเธอไปยอมรับโทษตอนนี้ซะดีกว่า ชำระทุกสิ่งที่เธอทำไว้ ถ้าไม่เช่นนั้น รอจนให้ฉันหาหลักฐานเจอ ผลลัพธ์อาจจะไม่ดีแบบนี้แล้ว!”
พูดจบ โอวหยางเช่อก็ไป ทิ้งไว้เพียงแค่แผ่นหลังที่ค่อยๆ เดินไกลออกไปเรื่อยๆ ไว้ให้เธอ
หลินหวั่นหญิงยืนอยู่ที่เดิม ค่อยๆ กำมือด้วยท่าทางโกรธแค้น กัดฟันแน่น ซูย้าวคนนี้ เป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะทั้งหมด ถึงจุดนี้แล้วยังคงมีผู้ชายที่ทำทุกอย่างทิ้งทุกอย่างเพื่อเธออยู่อีกเหรอ เธอคนนี้มีอะไรดีกันแน่นะ!?
ทางฝั่งของสถานที่คุมตัวผู้ต้องสงสัย
ในวันที่ซูย้าวถูกส่งตัวมาที่นี่ คนแรกที่มาเยี่ยมเธอก็คือทนายความที่ได้รับมอบหมายจากกรุ๊ปหลิน ทนายความดีกรีเหรียญทองที่โดดเด่นไม่แพ้ใครในด้านธุรกิจ เมื่อเข้าใจรายละเอียดการตกเป็นผู้ต้องหาคดีของซูย้าวแล้วก็พูดคุยกับเธอสักพัก กำชับเธออีกรอบ แล้วก็กลับไป
ขณะที่ทนายกำลังจะกลับ ก็ได้สรุปประโยคสำคัญหนึ่งประโยค “ประธานหลินเป็นห่วงเรื่องของคุณมาก เขาฝากผมให้มาบอกคุณ ไม่ว่าจะยังไง เขาก็เชื่อคุณ และจะต้องหาทางทำให้คุณหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาให้ได้”
หลินโม่ป่าย
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังห่วงใยเธอ ไม่ว่าเธอจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาจะเป็นคนแรกที่ช่วยเหลือและเชื่อใจ
ความคิดของซูย้าวเริ่มจมลึก เธอคิดวนไปมาระหว่างทางเดินกลับพร้อมตำรวจหญิง แต่ยังไม่ทันจะถึงห้อง เธอก็ได้รับประกาศจากห้องรับรอง แล้วกลับไปห้องรับรองอีกครั้ง เมื่อประตูค่อยๆ เปิดออกก็เจอกับชายร่างสูงยาว เพียงแค่เธอเห็นเขา ซูย้าวก็ตกตะลึง
ร่างสูงใส่สูทพร้อมเท้าหนัง ท่าทางสุขุมและดูผ่านประสบการณ์มามาก สายตาสุขุมนั้นมองมาทางเธอ สงบนิ่งราวกับท้องทะเลที่ไม่สะทกสะท้านต่อคลื่นลูกใหญ่
ตำรวจหญิงถอดกุญแจมือออกให้เธอ เนื่องจากว่าคดียังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งยังไม่ถูกตัดสินให้จำคุก ดังนั้นการเจอกันที่ห้องรับรองครั้งนี้ จะไม่เครียดเท่าในสถานที่คุมขัง ตำรวจหญิงเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
ทิ้งให้ทั้งสองคน อยู่ในห้องที่เงียบสงัด
ซูย้าวยืนอยู่ที่เดิม สายตามองไปที่ชายตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้ว แล้วจึงเอ่ยปากพูด “ประธานลี่ คุณมาได้ยังไง?”
ประธานลี่….
เรียกแบบนี้อีกแล้วนะ ลี่เฉินซีขมวดคิ้วเบาๆ หันไปทางเธอพร้อมยื่นมือออกไป “มานี่”
เธอยังคงไม่ขยับ เกี่ยวริมฝีปากล่างเบาๆ แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ก้าวมาทางเธอใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลมหายใจประสานกันระหว่างร่างสูงและร่างเล็กของนั้น รอบตัวเขาราวกับล้อมไปด้วยเงาเย็นยะเยือกที่มองไม่เห็น
“ก็รู้ว่าเป็นกับดัก ยังจะโดดเข้าไปติด นี่คือการกระทำของคนฉลาดอย่างคุณซูเหรอ?” เขาพูดเสียงต่ำ ประโยคพวกนั้นผ่านออกมาจากริมฝีปากที่มีเสน่ห์อย่างล้นเหลือเบาๆ
ซูย้าวขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
ลี่เฉินซีเข้ามาใกล้หน้าเธอ มือเรียวยาวงดงามราวกับหยกข้างหนึ่งนั้นยกขึ้นมาจับหน้าด้วยแรงที่ไม่หนักไม่เบา แต่ก็พอจะต้านแรงการดิ้นหนีของเธอได้ เขาเชยหน้าเธอขึ้นมาให้เผชิญหน้ากับตัวเขา “หรือจะให้พูดว่า รับบาปแทนคนอื่น หาเหาใส่หัว ใช้เวลาสองสามปีหลังจากนี้อยู่ในคุก ทำให้ตัวเองมีรอยด่างพร้อย มันคือความตั้งใจของเธองั้นเหรอ?”
น้ำเสียงเยือกเย็นนั้น ปิดบังความหมายและความยุ่งเหยิงไว้ แต่ทว่าแต่ละคำที่ผ่านเข้าหู แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
สีหน้าอดกลั้นของซูย้าว แสดงออกถึงความไม่สบายใจ ไม่เข้าใจและวุ่นวาย “ตกลงคุณคิดจะพูดอะไรกันแน่?”
เขาไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่มองไปที่เธอ ไม่นานหน้าหล่อเหลานั้นก็พุ่งเข้ามา ซูย้าวได้แต่ตกตะลึงงง ปากแดงนั้นถูกเขาคุมไว้ ทั้งพลุ่งพล่านและแข็งแกร่ง อ่อนโยนเกินจะบรรยายราวกับทุกจูบในเมื่อก่อน
เธอดิ้นรนและขัดขืน ผลักร่างของเราออก เนิ่นนานจึงจะหลุดพ้น เธอหายใจหอบ หลบตาชายตรงหน้า พร้อมได้ยินเขาพูด “ตอนที่เธอทำแบบนี้ เคยคิดถึงฉันกับลูกบ้างหรือเปล่า?”