เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 510
ในทางเดินที่ยาวและกว้าง ร่างสูงของลี่เฉินซีสว่างไสวภายใต้โคมไฟติดผนังสลัวรอบๆ ร่างสูงถูกปกคลุมด้วยแสงบางๆ ใบหน้าที่โค้งมนและหล่อเหลานั้นลึกคมยิ่งขึ้น แม้ในดวงตาสีซีด ยังจมลึกอยู่
เขามองมาที่เธอโดยไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร
ซูย้าวเดินมาสองก้าว ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้อีกครั้ง แล้วเธอก็พูดว่า “เตียวเตียวเด็กคนนี้ ชีวิตขมขื่นมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก และก็เข้มแข็งอยู่เสมอ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาอาจจะคิดว่าฉันไม่ต้องการเขาแล้ว ดังนั้น……”
เธอลากเสียง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ชายคนนั้นเอื้อมมือไปลูบแขนเธอ และพูดอย่างเบาๆ ว่า “ผมรู้ เขาอยู่ในห้อง คุณไปเถอะ!”
ซูย้าวพยักหน้า และชำเลืองมองเขาอย่างลึกซึ้ง ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย “คุณไปอยู่กับซีซีเถอะค่ะ สองสามวันนี้ คุณหาเวลามาอยู่กับลูกสาวสักหน่อยนะคะ ลูกเพิ่งรับรู้ ต้องใช้เวลายอมรับคุณสักหน่อย น้ำขึ้นให้รีบตัก”
ลี่เฉินซีพยักหน้า เขารู้เรื่องนี้ดี
หลังจากเห็นชายคนนั้นเข้าไปในห้องของลูกสาว เธอก็โล่งใจเล็กน้อยและหันไปที่ประตูข้างๆ
ด้วยคำพูดเหล่านั้นเมื่อครู่นี้ ซูย้าวอยากเตือนให้เขาอยู่กับลูกสาวให้มากขึ้นหน่อย แต่ในทางกลับกัน เธอก็จงใจหลีกเลี่ยงเขาและหนีเขา
เพราะต่อจากนี้ไป สิ่งที่เธอต้องการจะพูดกับเตียวเตียวนั้น ไม่สามารถให้เขาได้ยินได้อย่างเด็ดขาด
รับรู้แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เตียวเตียวใส่หูฟังและยังคงหมกมุ่นอยู่กับโลกของเกม และไม่ได้สนใจอย่างอื่น
ซูย้าวเคาะประตู แต่ไม่ได้รับคำตอบจากข้างใน เธอจึงผลักประตูและเดินเข้าไป
ขณะที่เธอปิดประตู เธอก็ล็อกประตูโดยทันที
เตียวเตียวไม่คาดคิดว่าจะได้พบเธอ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย แต่หลังจากได้สติ เขาก็โยนแท็บเล็ตในมือลงโดยไม่รู้ตัว ถอดหูฟังออก แล้วรีบวิ่งเข้ามา และพุ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของซูย้าว
“คุณน้า!” เสียงของเด็กน้อยใสและเต็มไปด้วยความคาดหวัง และสามารถบอกความคิดและความรู้สึกทั้งหมดของหลายวันมานี้ได้
ซูย้าวเอนตัวลงกอดเด็กน้อยแน่น “น้าคิดถึงเตียวเตียวที่สุดเลย คิดถึงน้าไหม?”
เตียวเตียวมองเธอ สูดหายใจ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที
ซูย้าวรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เธอใช้มือแนบไปที่แก้มอ่อนนุ่มของเด็กน้อย และพูดเบาๆ ว่า “อย่าร้องไห้ น้าก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“คุณน้า ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาลำบากรึเปล่าครับ?” เตียวเตียวเงยหน้าขึ้นและมองเธอ มีความกังวลและสงสารที่ไม่อาจปิดบังได้
ซูย้าวรู้สึกเจ็บปวดใจ เม้มริมฝีปากและมองดูเด็กน้อย “น้าจะลำบากอะไรกัน? น้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แล้วเตียวเตียวล่ะ สองสามวันที่อยู่ที่นี่กับซีซี คุ้นเคยรึเปล่า?”
เตียวเตียวเม้มปากเล็กๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าคุ้นเคยรึเปล่าเหมือนกันครับ เพียงแค่ซีซีมักจะอารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอ เธอคิดถึงคุณน้า”
ซูย้าวพยักหน้า “น้ารู้ เตียวเตียวเป็นเด็กที่เชื่อฟังและมีเหตุผลมากที่สุดมาโดยตลอด สองสามวันนี้ช่วยน้าดูแลน้องสาว ลำบากเราเลย!”
เด็กส่ายหัวทันที “ไม่ลำบากครับ ผมชอบซีซี ดูแลเธอเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วครับ”
ซูย้าวพูดคุยกับเด็กน้อยครู่หนึ่ง มองดูอารมณ์ของเขาค่อยๆ สงบลง เธอจึงค่อยๆ ตัดตรงประเด็น ยกมือขึ้นลูบผมสั้นสีดำของเขา และพูดเบาๆ ว่า “เตียวเตียว น้าอยากบอกอะไรเราอย่างหนึ่ง”
เตียวเตียวเงยศีรษะเล็กๆ ขึ้นในอ้อมแขนของเธอ “อะไรครับ?”
เมื่อคำพูดกำลังจะออกจากริมฝีปาก ซูย้าวก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรอยู่พักหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่ไร้เดียงสาของเด็กน้อย คำพูดนับพัน ซ้ำซ้อนพัวพัน และลังเลที่จะหาจุดเริ่มต้น
เธอครุ่นคิด เมื่อพิจารณาแล้วว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ช่วงสองสามวันที่เราอยู่ที่นี่ ได้ทำอะไรบางรึเปล่า?”
“คือ……” เตียวเตียวพูดไม่ออก
เด็กก็ยังเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ชอบที่จะเห็นและปกปิด อำพรางตัวเองเก่ง แต่เด็กไม่กี่ขวบไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้
จากการจ้องมองที่หลบเลี่ยงของเตียวเตียว ซูย้าวได้รับคำตอบแล้ว เธอหายใจเข้าลึกๆ “เตียวเตียว……”
โดยไม่รอให้เธอพูดอะไร เด็กน้อยก็พูดตรงๆ ว่า “คุณน้า ผมไม่ได้ตั้งใจ คนพวกนั้นรังแกคุณ และดูถูกคุณบนอินเทอร์เน็ต ผมทนไม่ไหวจริงๆ ทั้งๆ ที่คุณน้าไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ทำไมคนเหล่านั้นถึงได้มาพูดอย่างนั้นกับคุณน้ากัน?”
“พวกเขาล้วนโง่เขลา โง่เขลายิ่งกว่าสิ่งใดๆ หลักฐานง่ายๆ ก็ดูไม่ออก ผมแค่ช่วยพวกเขาหาหลักฐานเพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงเท่านั้น!”
เตียวเตียวอธิบายทุกอย่างเพิ่มเติม
ใช่แล้ว ข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวภายในของจู้สือกรุ๊ปที่ปะทุเมื่อไม่กี่วันก่อน และแฮกเกอร์ระบบหลักของจู้สือกรุ๊ป คือเตียวเตียว
ซูย้าวขมวดคิ้วและถอนหายใจ อุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน และลูบแขนเล็กๆ ของเขา “น้ารู้ว่าเราหวังดี และไม่ได้เจตนาไม่ดี ดังนั้นน้าจะไม่โทษเรา”
เตียวเตียวไม่อยากเชื่อเลย “จริงเหรอครับ? น้าไม่โทษผมเหรอ? ไม่โกรธผม? และจะไม่ไล่ผมออกไปใช่ไหมครับ?”
ไล่ออกไป……
เมื่อซูย้าวสัมผัสสามคำนี้ ดวงตาของเธอก็มืดลง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนี้ ใจของเธอก็รู้สึกเศร้าโศกอีกครั้งในทันที
เธอส่ายหัว “น้าจะไม่โทษเราอยู่แล้ว และจะไล่เราด้วย ลืมไปแล้วเหรอ? เราเป็นลูกของน้าแล้วนะ จากนี้ไปน้าอยู่ที่ไหน บ้านของเราก็จะอยู่ที่นั่น!”
เตียวเตียวซาบซึ้งมาก และพยักหน้าอย่างจริงจัง “ครับ!”
“แต่เตียวเตียว น้ายังต้องพูดอะไรบางอย่างกับเราอีก” ซูย้าวครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าเธอจะไม่อยากเผชิญหน้าก็ตาม แต่เธอก็ต้องยอมรับบางสิ่งเช่นกัน
ถ้าเธอไม่พูดสิ่งเหล่านี้กับเขาด้วยตัวเอง เขาจะไม่มีวันมีจิตสำนึกนี้ แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่ถ้าเขาเติบโตในอนาคต จิตสำนึกนี้จะก่อตัวขึ้น กลัวว่าเขาอยากจะอยากเปลี่ยน แต่ก็สายเกินไปแล้ว
เตียวเตียวนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเธออย่างจริงจัง มองเธอด้วยดวงตาสีดำกลมโต
ซูย้าวมองดูชายร่างเล็กที่นั่งข้างหน้า ราวกับเป็นผู้ใหญ่ และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “อย่างแรกเลย เรายังเป็นเด็ก อายุแค่ 5 ขวบ แม้ว่าเราจะฉลาดมากและมีไอคิวสูง ที่เหนือกว่าคนอื่นมาก แต่มีบางเรื่อง เราก็ไม่ควรทำ”
“สิ่งที่เราต้องทำ คือการเป็นเด็กธรรมดาอย่างซีซี และสนุกกับวัยเด็กอย่างมีความสุข”
เตียวเตียวเอียงศีรษะเล็กน้อย ดูเหมือนไม่เข้าใจ และขยับริมฝีปากของเขา “แต่คนพวกนั้นรังแกคุณน้า! ผม……”
ซูย้าวลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ โดยไม่ได้เพิ่มแรงใดๆ “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะเปลี่ยนและหยุดมันได้ เตียวเตียว เรายังเด็กอยู่ รอให้โตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเติบโตถึงจะเข้าใจถึงความน่ากลัวของโลกใบนี้ สังคมของผู้ใหญ่ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ถ้าเรายังทำแบบนี้ มันจะก่อให้เกิดปัญหาหรืออันตรายได้ ใช่ไหม?”
“คือ……”
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยพูดไม่ออก ซูย้าวก็ใจอ่อนอีกครั้ง “ที่น้าพูดแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิเรานะ น้าแค่หวังว่าเตียวเตียวจะเติบโตขึ้นอย่างไร้กังวลและปลอดภัย ส่วนเรื่องอื่น ปล่อยให้น้า และคุณลุง ที่เป็นผู้ใหญ่ทำดีกว่า ตกลงไหม?”
เตียวเตียวยังคงไม่เข้าใจ แต่เขาเข้าใจถึงความกังวลและความห่วงใยของซูย้าว จึงพยักหน้า “ครับ ผมรู้แล้ว ผมจะไม่ทำมันอีก!”
ในที่สุดซูย้าวก็วางใจ “อืม เตียวเตียวเป็นเด็กดีที่สุดเลย ช่วงนี้น้าอาจจะยุ่งนิดหน่อย ดังนั้นเรากับซีซีจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน โอเคไหม?”
“หืม?” เห็นได้ชัดว่าเตียวเตียวผิดหวังไม่น้อย
เธอยิ้มและบีบใบหน้าที่อ่อนโยนของเด็กน้อย “อย่าเพิ่งเสียใจไป แค่ไม่กี่วันเท่านั้น พอน้าจัดการทุกอย่างเสร็จ จะมารับพวกเราทันที และเตียวเตียวฉลาดขนาดนี้ คงรู้ว่าความสัมพันธ์ของซีซีและลุงลี่ใช่ไหม?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เตียวเตียวก็ถอนหายใจอย่างไม่อดทน ลุงลี่เป็นพ่อของซีซี”
ซูย้าวยิ้ม เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถปิดบังจากเด็กน้อยที่ฉลาดคนนี้ได้ “ใช่ น้าอยากให้พ่อลูกอย่างพวกเขาได้ใช้เวลาด้วยกันสักพัก ส่วนซีซี ก็ชอบเตียวเตียวมาก ดังนั้นช่วยอยู่กับเธอด้วยได้ไหม?”
เมื่อเตียวเตียวเผชิญหน้ากับซูย้าว ก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ เขาทำได้เพียงพยักหน้า “ครับ ผมสัญญา แต่คุณน้าต้องสัญญาว่าจะไม่ทิ้งผมและซีซี ต้องมารับพวกเรากลับไปนะครับ!”
ซูย้าวเกี่ยวก้อยกับเด็ดน้อย สัญญาว่าจะไม่ทำผิดสัญญาแน่นอน