เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 52
บทที่ 52 ลงโทษเธอที
เมื่อเห็นแขกลงมาจากบันได ซูย้าวก็ลุกขึ้นด้วยความมีมรรยาทและเดินไปส่งประธานจางตามทุกคนในบ้าน
ประธานจางกวาดสายตาไปยังทุกคนในบ้านแล้วสุดท้ายเขาก็จับจ้องไปที่ตัวของซูย้าว นัยน์ตาและความคิดของเขาเต็มไปด้วยความคิดไม่ซื่อต่อเธอ
“ผมไม่เคยเห็นคนๆนี้เลย เธอคือ……”
ซูหยวนรีบพูด “เธอชื่อซูย้าว น้องสาวหนูเองค่ะ”
“อ๋อ คนนี้เองเหรอที่ชื่อซูย้าว!” จู่ๆประธานจางก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเคยได้ยินเหมือนกันว่าบริษัทซูซื่อยังมีลูกสาวอีกคนที่มีรูปร่างงดงามดั่งนางฟ้าในเทพนิยาย วันนี้ก็ได้เห็นตัวจริงเธอสักที ช่างสวยสมคำร่ำลือจริงๆ
ประธานจางหยุดเดินแล้วจ้องมองซูย้าวไว้จนแทบลืมกระพริบตา
ถ้าเซียวควนไม่ได้สะกิดเพื่อเตือนสติเขา เขาก็ยังคงยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น
“ประธานจาง?”
เมื่อได้ยินเสียงของเซียวควน ประธานจางจึงรีบดึงสติกลับมาแล้วเดินไปข้างหน้าต่อด้วยรอยยิ้ม แต่ภาพและความคิดของเขายังคงอยู่ที่สาวสวยคนนี้ ได้ยินมาว่าเธอเป็นคนใบ้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ!
ซูหยวนก็ได้สังเกตเห็นฉากนี้และดวงตาที่งดงามของเธอก็ได้ฉายแววความเจ้าเล่ห์ออกมา
หลังจากที่ประธานจางออกไป ซูย้าวก็ได้ออกจากบ้านตระกูลซูเหมือนกัน ในหัวสมองของเธอยังคงคิดถึงข้อเสนอของซัวฉ่ายลี่อยู่ตลอด ถ้าเซ็นสัญญาสละมรดกแล้ว เธอก็จะได้แม่คืนมา จะไม่มีใครใช้แม่ของเธอเป็นเครื่องมือเพื่อคุกคามเธออีก และเธอก็จะได้หลุดพ้นจากการควบคุมของบริษัทซูซื่อได้สักที ซึ่งมันเป็นข้อเสนอที่ดีมากสำหรับเธอในตอนนี้
แต่ว่า ถ้ายอมทิ้งมรดกแล้ว นั่นก็หมายความว่าชื่อของบริษัทซูซื่อจะถูกเปลี่ยนเป็นเซียวกรุ๊ปทันที และถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็จะไม่มีวันหาหลักฐานการตายของพ่อได้อีก
เธอสับสนและไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร
นอกจากนี้ยังมีโครงการ CCM อีกเรื่อง ที่แม้เธอจะไม่สนใจธุรกิจนี้แล้ว แต่เธอรู้ดีว่าโครงการนี้มันมีความสำคัญต่อบริษัทซูซื่อมากแค่ไหน ดังนั้นจึงทำให้เซียวควนและฉ่ายลี่ให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก
แต่สำหรับโครงการแบบนี้ ทุกคนในวงการธุรกิจต่างก็รู้ดีว่าต้องเป็นของบริษัทลี่ซื่ออย่างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะไม่มีบริษัทไหนจะสามารถเทียบเท่าและเป็นคู่แข่งกับเขาได้ สำหรับบริษัทซูซื่อแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ซูย้าวกลับไปบ้านตระกูลลี่คนเดียว และหลังจากที่เธอออกไป ซูหยวนก็ได้ออกจากบ้านอย่างรีบร้อนเหมือนกัน แม้ว่าซัวฉ่ายลี่จะยังมีข้อสงสัยอยู่แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
ณ บริษัท โฆษณา Hongda ซูหยวนได้ขับรถมาถึงนี่ที่ เมื่อประธานจางได้ยินว่าซูหยวนมา เขาก็รีบให้เลขาออกไปต้อนรับเธอ
ซูหยวนสวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน มือถือกระเป๋าใบเล็กๆรุ่นลิมิเต็ด ด้วยสไตล์ดูดีแบบบ้านๆ และหุ่นอันเพรียวบางชวนเย้ายวนของเธอ อีกทั้งเธอดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์ชวนดึงดูดสายตาผู้คนมาก
ประธานจางกำลังนั่งสูบซิการ์อยู่บนเบาะโซฟาหนัง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ซูหยวนท่ามกลางหมอกควันบุหรี่ แล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าคุณซูมีธุระสำคัญอันใดถึงได้ให้เกียรติมาเยือนถึงที่ด้วย?”
“ประธานจางให้เกียรติหนูเกินไปแล้วค่ะ” ซูหยวนค่อนข้างสุภาพ เธอมองหน้าประธานจางแล้วพูดต่อ “ที่จริงถ้านับจากทางคุณพ่อหนูหรือว่าทางลุงเซียว หนูควรเรียกท่านว่าคุณอานะคะ”
ประธานจางเป็นชายวัยห้าสิบกว่า แม้หนวดเคราเต็มหน้าแต่รูปร่างหน้าตาไม่ได้ดูแย่มากนัก ด้วยการดูแลตัวเองอย่างดี แม้เขาจะไม่ได้ดูเพอร์เฟคมาเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าดูดีสมวัย
“ก็จริงเหมือนกันนะ แต่ถ้าคุณซูพูดแบบนี้แล้วก็คงมีเรื่องมาปรึกษาผมใช่ไหม?”
ซูหยวนดึงเก้าอี้ออกมานั่งลง แล้ววางกระเป๋าใบเล็กๆของเธอไว้บนโต๊ะ จากนั้นมองหน้าประธานจางแล้วพูดต่อ “ก็ไม่เชิงว่ามีเรื่องมาปรึกษาหรอกค่ะ แค่อยากจะแวะมาเยี่ยมอาจางเท่านั้นเอง!”
มาเยี่ยมเหรอ?!
ประธานจางอดขำไม่ได้ เพราะนิยามคำว่ามิตรไมตรีหรือญาติพี่น้องในวงการนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเอื้อต่อการขอความร่วมมือและเป็นการวางรากฐานทางธุรกิจเท่านั้น
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความจริงใจต่อกัน แต่ตัวของประธานจางจะไม่มีวันเชื่อเรื่องนี้เท่านั้นเอง!
“ไหนๆคุณก็เรียกผมว่าคุณอาแล้ว ถ้างั้นอาก็ต้องเรียกคุณซูว่าหลานสาวแล้วล่ะ ว่ามาเลย! หลานมาหาอามีเรื่องอะไร? ถ้าเป็นเรื่องที่อาคนนี้สามารถช่วยได้ อาจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน!”
ประธานจางยังถือว่าพูดจาให้เกียรติต่อกัน และคำพูดของเขาฟังแล้วรู้สึกสบายหูมาก
ซูหยวนมองไปที่เขาแล้วยิ้มพูด “หนูจะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ? ก็แค่รู้สึกลำบากใจแล้วไม่มีเพื่อนคุยด้วย เลยคิดว่าแวะมาคุยกับคุณอาสักหน่อย!”
“อ้าว? แล้วใครทำให้หลานสาวไม่สบายใจล่ะ?” นัยน์ตาประธานจางเปล่งประกายและเขาดับซิการ์ในที่เขี่ยบุหรี่
สีหน้าแววตาของ ซูหยวนก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน แล้วเธอรีบพูดต่อ “ก็ไม่มีใครหรอก นอกจากน้องสาวคนนั้น”
“ซูย้าวเหรอ?” ประธานจางตั้งสมาธิทันที และสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
ซูหยวนแอบหัวเราะในใจ เพราะเมื่อกี้อยู่ที่บ้านเธอมองออกว่าประธานจางคนนี้ที่คิดไม่ซื่อต่อซูย้าว สายตาของเขาที่มองซูย้าวนั้นแทบจะกลืนกินเธอเข้าไปได้ทั้งตัว!
“น้องสาวของหนูสิ! ทำให้ที่บ้านต้องเป็นห่วงจริงๆ แต่งงานออกไปแล้วก็เหมือนน้ำที่เทออกจากขัน หนูอยากถามหน่อยว่าลูกสาวคนไหนแต่งงานออกไปแล้วจะไม่คิดถึงบ้านแม่ตัวเองล่ะ?”
ซูหยวนเริ่มอธิบายเรื่องที่ซูย้าวปฏิเสธที่จะช่วยเหลือครอบครัวเธอ และใส่ไฟอย่างเป็นเรื่องเป็นราวออกมา
ส่วนประธานจางก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีอย่างตั้งใจ
ผ่านไปสักพัก ซูหยวนได้พูดต่อ “อาจาง หนูพูดตามตรงเลยนะว่าประธานลี่ไม่ได้ดีต่อน้องสาวหนูเลย เธอเป็นเหมือนลูกกำพร้าคนหนึ่งและยังเป็นใบ้ด้วย ผู้ชายที่มีเงื่อนไขดีอย่างประธานลี่จะชอบเธอได้ยังไงล่ะ?”
ประธานจางได้แต่พยักหน้า เพราะมีเรื่องเล่าของลี่เฉินซีและซูย้าวมากมายในวงการ ซึ่งที่เขาเล่ากันนั้นมันมีแต่เรื่องแย่สุดๆ
“ดังนั้น หนูก็เป็นห่วงซูย้าวมาก ถ้าวันหนึ่งประธานลี่ไม่เอาเธอแล้ว เธอจะทำอะไรได้ล่ะ?” เมื่อซูหยวนพูดถึงจุดนี้ก็แสร้งบีบน้ำตาจระเข้ออกมาสองสามหยด
ประธานจางจึงรีบลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมโต๊ะทำงานโดยแสร้งทำเป็นลูบไหล่เธอเบาๆ แต่การเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลของเขานั้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามีเลศนัยอยู่
จากนั้นเขาเอนตัวลงอย่างกล้าหาญแล้วดึงซูหยวนขึ้นมาและกอดเธอไว้โดยแสร้งทำเป็นปลอบโยนเธอ ด้วยกลิ่นกายอันเย้ายวนและการได้สัมผัสกับเธอแบบนี้ จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งไม่เกิดอารมณ์ได้อย่างไร
“โอเคแล้ว หยุดร้องได้แล้ว! เธอไม่รู้จักโตแบบนี้ พวกเราก็ไม่ควรไปสนใจเธอ!” ประธานจางพยายามปลอบใจเธอ
ซูหยวนเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติ มือของผู้ชายคนนี้ยิ่งอยู่ยิ่ง……
“อาจาง ที่หนูมาคุยเรื่องนี้กับอา หนูก็แค่อยากรบกวนให้คุณอาช่วยจัดการกับซูย้าวหน่อย หนูก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้……”
ขณะที่เธอพูดไปก็ค่อยๆดึงมือของเขาออกไปและขยับตัวออกห่าง
นัยน์ตาประธานจางประกายแวววาว “จัดการเหรอ? เธอหมายถึง……”
“น้องสาวหนูคนนี้ถึงแม้จะพูดไม่ได้ แต่รูปร่างหน้าตาเธอก็ดีไม่แพ้ใคร อีกอย่างเธอยังเป็นสาวอยู่ ผิวพรรณก็ดี ถ้าอาจางไม่รังเกียจล่ะก็สามารถพิจารณา……”
ซูหยวนตั้งใจลากเสียงยาวและแววตาของเธอก็ได้สื่อความหมายที่เธออยากจะพูดได้อย่างชัดเจน
ประธานจางรู้สึกตกใจและปล่อยซูหยวนออกไป นัยน์ตาของเขายังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย จากนั้นเขาได้พูดต่อ “แต่ว่า เธอเป็นภรรยาของประธานลี่ไม่ใช่เหรอ? นี่มัน……”
“ก็เพราะหนูคำนึงถึงเรื่องนี้จึงได้มาหารือกับอาจางไงคะ! คุณอาก็รู้ว่าทรัพย์สินของประธานลี่นั้นมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ถ้าวันหนึ่งเขาทิ้งซูย้าวไป เธอจะน่าสงสารแค่ไหน! หากว่ามีอาจางคอย‘ดูแล’เธอ ชีวิตที่เหลือของน้องสาวหนูก็คงไม่ต้องมีความกังวลอะไรอีก คุณอาคิดเหมือนกันไหมคะ?”
ในที่สุดประธานจางก็เข้าใจความหมายของเธอ ไม่เพียงแค่นั้น ตั้งแต่ที่เขาได้พบกับซูย้าว ใบหน้าที่สดใสและรูปร่างที่งดงามของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา……
“ถ้าเธอต้องการให้ทำแบบนี้จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอกนะ แต่บางสิ่งบางอย่างเราควรพิจารณาให้รอบคอบก่อน ว่าไหม?”
ซูหยวนยิ้มพูด “แน่นอนสิคะ! มีหนูอยู่ทั้งคน! อาจางไม่ต้องห่วงเลยค่ะ!”
เมื่อพูดจบ เธอก็แสดงรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าเท่าที่จะทำได้ แต่ในรอยยิ้มนั้นก็แอบแฝงความเจ้าเล่ห์ของเธออยู่เช่นกัน
คราวนี้แหละ เธอจะใช้ไอ้แก่หน้าหื่นคนนี้มาจัดการกับซูย้าว!