เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 523
ภายในห้องนอนที่อบอุ่น เงียบสงบ
ภายในห้องเด็กที่อยู่ข้างๆ เงียบสนิท
เด็กทั้งสองคนพิงประตู ซีซีแอบยื่นหน้าออกไปมองด้านนอกประตูผ่านรอยแยกที่บานประตู เมื่อเห็นว่ารอบด้านไม่มีคน จะเปิดประตูแล้วเดินออกไป
เตียวเตียวมือไว เขาคว้าแขนเล็กๆ ของเธอไว้ “เธอจะไปไหนน่ะ?”
ซีซีสะบัดและพยายามผลักเขาออก “จะไปหาแม่”
“อย่าไปเลย เมื่อกี้คุณลุงก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณน้าพักอยู่ เหนื่อยมาก พวกเราเข้าไปก็มีแต่จะทำให้เสียงดังให้คุณน้าตื่น…”
ซีซีชิงเดินไปโดยที่ไม่รอให้เตียวเตียวพูดจบแล้วจึงพูดขึ้น “เมื่อก่อนเวลาแม่นอนก็ชอบให้ฉันอยู่ข้างๆ ฉันไม่รบกวนแม่หรอก จะอยู่เงียบๆ เป็นเพื่อนแม่!”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ ตอนนี้เตียวเตียวก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อแล้ว
ซีซีไม่สนใจเขาแล้วเดินออกจากห้องไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องนอนหลัก
เพราะประตูห้องไม่ได้ล็อก เด็กน้อยเขย่งขาแล้วบิดลูกบิดประตู ด้านหลังมีเตียวเตียวเดินตามมาช้าๆ
ห้องขนาดใหญ่มากและเงียบสนิท
เงียบเสียจนแทบจะได้ยินเสียงเข็มตกกระทบพื้น เด็กทั้งสองคนเดินเข้าไปทีละก้าวและพยายามให้ช้าที่สุดและเดินให้เบาที่สุดเข้าไปที่ข้างเตียงทีละนิดๆ พวกเขานอนคว่ำหน้าและหันไปมองหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
ซีซีเอื้อมมือออกไปและจับมือซูย้าว “แม่…”
เตียวเตียวจับมืออีกข้างของซูย้าวและมองดูคิ้วที่ขมวดของเธอ แม้ว่าเธอจะหลับไป เธอก็ยังคงดูไม่มั่นคง และเปลือกตาที่ปิดของเธอก็เต้นแรง “คุณน้าดูเหมือนจะเหนื่อยมากจริงๆ”
“เป็นความผิดเขา! เขาดูแลแม่ฉันไม่ดี!” ไม่รู้ว่าซีซีคิดอะไรอยู่แล้วจู่ ๆ ก็โกรธขึ้นมา แก้มเล็กๆ ทั้งสองข้างปูดขึ้นราวกับปลาปักเป้าที่พองขึ้นและแก้มเล็กๆ สีชมพูของเธอก็น่ารักมาก
เตียวเตียวมองเธอแล้วถอนหายใจ “เธอหมายถึงคุณลุงเหรอ? เขาเป็นพ่อเธอไม่ใช่เหรอ เธอยังไม่ยอมรับเขาอีกเหรอ?”
“ทำไมต้องยอมรับ? เขาไม่ต้องการแม่กับฉันมาตั้งหลายปี แม่เลี้ยงฉันมาคนเดียว ลำบากมาตั้งมากมาย เขาคิดจะมาก็มา แล้วฉันจะต้องทำเป็นยิ้มดีใจแล้วเรียกเขาว่าพ่อน่ะเหรอ?”
ซีซีเอือมระอา อายุยังน้อยแต่กลับพูดจาเป็นหลักการจนทำให้เตียวเตียวพูดไม่ออก
“ขอร้องล่ะ แม้แต่ในละครทีวีก็ไม่ได้เป็นแบบนี้รึเปล่า? ฉันไม่ได้โง่นะ แค่เขาซื้อของเล่นให้นิดๆ หน่อยๆ ดีกับฉันแค่ไม่กี่วัน ฉันก็ต้องรับเขาเป็นพ่อแล้วเหรอ?” ซีซียิ่งพูดยิ่งมีอารมณ์ ราวกับว่าได้ระบายความไม่พอใจในใจของเธอมาหลายปีแล้ว
เตียวเตียวฟังแล้วพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าเล็กๆ สีขาวนั้นตกตะลึงและอึกอัก “เอ่อ ที่เธอพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง…”
ซีซีเลิกคิ้ว “ถ้าหากเขาเป็นพ่อเธอ เธอจะยอมรับเขาไหมล่ะ?”
“ฉัน?” เตียวเตียวรู้สึกเหลือเชื่อแล้วยกนิ้วขึ้นชี้จมูกตัวเองด้วยความประหลาดใจ “พ่อฉัน?”
ซีซีก้มหน้าทำหน้าจริงจังราวกับกำลังรอคำตอบของเตียวเตียว
แต่เตียวเตียวคิดอยู่นานแล้วก็ไม่พูดอะไร จนทำให้ซีซีไม่พอใจและหันไปมองเขาแล้วเบ้ปาก จากนั้นก็ไม่สนใจเขา
เตียวเตียวรู้สึกน้ำตาตกในไปหมดแล้ว
ประสบการณ์ของเขานั้นต่างจากซีซี ตั้งแต่เล็กก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร ตัวเขาเหมือนกับลูกฟุตบอลที่ถูกคนเตะไปเตะมา ทุกคนต่างพูดว่าเขาเป็นตัวถ่วง ภาระ น่ารำคาญ เนรคุณ
ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะมีคุณน้าที่ยอมรับในตัวเขา และมอบความรักของแม่ที่โลกนี้ไม่เคยคิดและต้องการอย่างมากให้กับเขา ความปรารถนาเดียวของเตียวเตียวคืออยู่กับซูย้าวทุกวันและไม่ยอมให้ใครรังแกเธอ
แต่เรื่องที่ซีซีสมมติขึ้นเมื่อครู่นั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
ลี่เฉินซีไม่ได้ชอบเขา แม้จะยอมรับได้ยากอยู่สักหน่อย
เตียวเตียวไม่ใช่เด็กโง่ แน่นอนว่าเขาดูออก ในทางกลับกันทุกครั้งที่เขาเห็นลี่เฉินซีโอ๋ซีซี ในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน
และเคยจินตนาการว่าถ้าหากเป็นพ่อของตนเองจะดีแค่ไหน เขาก็อยากมีแม่อย่างซูย้าวและพ่อแม่ลี่เฉินซี ที่สามารถให้เขาเรียกพ่อแม่ได้อย่างเต็มปาก แต่ว่า…
เด็กน้อยสะบัดหัวไปมา คิดไม่ได้และจะคาดหวังไม่ได้
แค่ทั้งหมดในตอนนี้ก็เป็นพระคุณมากแล้ว เขาจะละโมบไปกว่านี้ไม่ได้!
เด็กทั้งสองคนอยู่ขนาบข้างซ้ายขวา นอนอยู่บนเตียงใหญ่ ด้วยความคิดที่เดิมอยากจะอยู่เป็นเพื่อนซูย้าว แต่ไม่ทันรู้ตัว ซีซีก็ง่วงนอนและก้มลงหนุนแขนของซูย้าวแล้วหลับตาลง
เตียวเตียวที่ยังไม่ค่อยง่วงแต่ด้วยความเงียบในห้อง และเขาก็ไม่อยากจะออกไปจึงได้แต่ปล่อยใจแล้วผล็อยหลับไป
ไม่ทันได้รู้ตัวระหว่างที่เด็กทั้งสองกำลังหลับสนิทอยู่นั้น ซูย้าวกลับตื่นขึ้น
เธอตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับว่าเธอฝันร้ายแต่เธอไม่มีสติและความคิดใดๆ เลย เมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอถูกขัดขวางโดยความเจ็บปวดในร่างกายของเธอ
ความเจ็บนั้นเหมือนกับการที่ถูกลอกหนังออกจากเนื้อสดๆ แล้วเหลือไว้เพียงเนื้อและเลือดสด อีกทั้งยังเหมือนถูกคนใช้มีดที่แหลมคมตัดเข้ากระดูกช้าๆ
เจ็บ จนเกินขอบเขตที่เธอจะรับได้แล้ว!
ยิ่งกว่านั้นการหายใจรุนแรงและรวดเร็วทำให้คอรู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่และอึดอัดเกินไป เห็นชัดๆ ว่าเป็นเพียงหายใจง่ายๆ แต่ต้องออกแรงเหมือนผู้ป่วยที่กำลังจะตาย นิ้วที่เจ็บปวดของเธอจับผ้าห่มบางๆ ไว้ ร่างกายที่เจ็บปวดยังคงสั่นสะท้าน
เด็กทั้งสองคนตื่นขึ้นเพราะท่าทางของที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซีซีกลอกตาไปมายังคงไม่มีปฏิกิริยา ส่วนเตียวเตียวที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น “คุณน้าๆ? คุณน้าเป็นอะไร?”
“หิวน้ำเหรอครับ? ไม่ต้องรีบ ผมเทน้ำให้…”
เตียวเตียวเป็นเด็กมีไหวพริบและห่วงใย เขากำลังจะลุกจากเตียงเพื่อหาน้ำ แต่ก็ต้องตกใจกับเสียงของซูย้าวอย่างกะทันหัน
“ไม่ต้อง!” เธอหายใจไม่สม่ำเสมอและพูดด้วยน้ำเสียงที่สูงและแหบห้าวเหมือนร้องโหยหวน “ออกไป!”
เธอใช้สติที่เหลืออยู่และคิดแต่เพียงว่าต้องแยกจากเด็กสองคนนี้โดยเร็ว จะให้พวกเขาเห็นเธอในสภาพเหมือนตอนนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด!
ซูย้าวพูดและเลิกผ้าห่มออกจากตัวไปด้วย เธอเจ็บปวดไปทั้งตัว ในตอนนี้ไม่ว่าจะมีสิ่งของอะไรมาโดนตัวเธอแม้แต่เพียงน้อยนิดมันก็เจ็บปวดเหมือนลูกธนูทะลุหัวใจและทุกข์ทรมาน!
เตียวเตียวไม่เข้าใจจึงได้แต่อึ้งอยู่ตรงนั้น “คะ…คุณน้า?”
ซูย้าวหายใจหอบ หน้าซีดด้วยเหงื่อเย็น ใช้มือข้างหนึ่งหนุนขอบเตียงอย่างอ่อนล้า “อะ…ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้…”
พอดีกับที่มีคนเปิดประตูห้องนอนเข้ามาจากด้านนอก ลี่เฉินซีที่เพิ่งเดินเข้ามาและเห็นภาพนี้เข้า ดวงตาสีดำสนิทของเขาจมลง และเขาก็รีบวางแก้วน้ำไว้ในมือและรีบเดินเข้าไป
เขาก้มลงแล้วอุ้มเตียวเตียวไว้และหันไปอีกด้านเพื่ออุ้มซีซี “เด็กดี ให้แม่ได้พักก่อนนะ พวกเราออกไปข้างนอกกัน!”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนอย่างที่สุด แต่ด้วยสถานการณ์ที่คับขันจึงไม่ได้อาจจะอ่อนโยนได้เท่าใดนัก
เตียวเตียวดิ้นเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขาตลอดเวลา ดิ้นรนเหมือนสิงโตตัวน้อย “ปล่อยผม ผมจะเอาคุณน้า คุณน้าเป็นอะไรกันแน่? คุณน้าไม่สบายเหรอ?”
เด็กคนนี้นั้นมีความใกล้ชิดกับซูย้าวที่สุดตั้งแต่เป็นอิสระ และทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอได้รับบาดเจ็บหรือถูกรังแกแม้แต่เพียงเล็กน้อย
การที่เขามีปฏิกิริยาแบบนี้ในตอนนี้กลับทำให้ลี่เฉินซีรู้สึกคาดไม่ถึงอยู่เล็กน้อย
แต่ที่คาดไม่ถึงกว่านั้นกลับเป็นลูกสาว
ซีซีที่ดูตกใจเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา ที่จู่ ๆ ก็มีผู้ชายเข้ามาอุ้มเธอ แต่เมื่อเห็นลี่เฉินซีก้าวเท้าเดินอย่างเร็วและเห็นซูย้าวที่อยู่ไกลออกไปทุกที ทันใดนั้นก็เกิดปฏิกิริยา ความวิตกกังวลเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง มือและเท้าดิ้นรนอย่างหนักต่อสู้อย่างสิ้นหวัง “แม่! หนูจะหาแม่!”
“ปล่อยหนู หนูจะอยู่เป็นเพื่อนแม่!”
“เด็กดี ตอนนี้แม่ต้องพักผ่อนนะ ซีซีเด็กดี…”
ลี่เฉินซีพูดอย่างเป็นธรรมชาติไปครึ่งทางและหยุดลง แล้วรีบก้าวเท้าเดินออกไปด้านนอกและหยุดอย่างกะทันหัน
เขาก้มหน้าลงในทันใดแล้วมองเด็กทั้งสองที่ยังคงดิ้นรนและบิดแขนอยู่ ดวงตาลึก ๆ ของเขาจับจ้องไปที่ลูกสาวของเขาและริมฝีปากบาง ๆ ของเขาก็ขยับเล็กน้อย “ซีซี ลูกพูดได้แล้ว?”
“หนูไม่ใช่คนใบ้ หนูพูดได้ตั้งนานแล้ว คุณปล่อยหนูนะ! หนูจะไปหาแม่!” ซีซีไม่สนใจความตกใจที่ปรากฏบนหน้าของชายหนุ่มและได้แต่บิดตัวดิ้นไปมา เมื่อเธอรู้สึกว่าสู้ไม่ได้จึงอ้าปากและกัดไปที่แขนของชายหนุ่ม