เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 526
หมอและพยาบาลกลับออกไปจากห้องคนไข้อีกครั้ง และเหลือเพียงพวกเขาสามคนอีกครั้ง ลี่เฉินซีไม่รีบร้อนจะพูดอะไรได้แต่เดินตามหมอออกไปด้านนอก
เมื่อไปถึงห้องทำงานของหมอ หมอเจ้าของไข้พูดขึ้น “อาการป่วยของลี่เจิ้งฟื้นตัวได้เร็วมาก ตอนนี้ผลตรวจร่างกายเป็นปกติดีทุกอย่าง เพียงแต่เด็กนอนหมดสติอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ดังนั้นกล้ามเนื้อขาจึงมีการหดตัวเล็กน้อย จะต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างเหมาะสมระยะหนึ่งก็สามารถกลับมาเดินได้”
ลี่เฉินซีพยักหน้า “ก็หมายความว่า ตอนนี้เขานอกจากเรื่องที่เดินไม่ได้แล้ว นอกนั้นก็ปกติทุกอย่างใช่ไหมครับ?”
หมอเจ้าของไข้พูด “ครับ เกือบจะเป็นอย่างนั้น ถ้าหากเด็กยินยอมก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ช่วงก่อนหน้านี้สลบไปนานจึงต้องได้รับการดูแลและบำรุงอย่างใกล้ชิด”
หมอได้แนะนำอีกสองสามอย่าง และลี่เฉินซีก็ขอตัวกับหมอและออกจากสำนักงาน
ในระหว่างที่กลับมานั้น อีกด้านหนึ่งของบานประตูก็ได้ยินเสียงของลี่เจิ้งคุยกับเจี่ยงเวินอี๋
“คุณย่า ผู้หญิงคนนั้นทิ้งพ่อไปก่อน ตอนนี้กลับมาอีก พ่อผมเป็นคนโง่ ยังจะเอาเธออีก ถ้าเป็นผม ไม่เอาด้วยหรอก!” เจิ้งเอ๋อเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและยกมือขึ้นกอดอกด้วยความโกรธ
เจี่ยงเวินอี๋ป้อนแอปเปิลให้เขาและพูดไปด้วย “เรื่องนี้น่ะ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่นะ พ่อหลายเขาจัดการได้ ไม่ว่าซูย้าวจะเป็นยังไง เธอก็เป็นแม่ของหลาน ถ้าไม่มีเธอ แล้วย่าจะมีหลานรักของย่าคนนี้ได้ยังไงกันล่ะ?”
ลี่เจิ้งยิ้มให้หญิงชราเล็กน้อยและยื่นมือออกมากอดคอของเจี่ยงเวินอี๋ “คุณย่ารักผมที่สุด!”
เจี่ยงเวินอี๋รักหลานจริงๆ หลานปีมานี้แทบจะเป็นดั่งชีวิตเดียวกับเธอ หญิงชรายิ้มแล้วตบมือของเด็กน้อย “เด็กดี ย่าต้องรักเจ้าอยู่แล้ว ขอเพียงหลานสบายดี อย่าป่วยอีก ย่าจะฟังหลานทุกอย่าง!”
ลี่เจิ้งมีความคิด “งั้นคุณย่าก็ค้านอย่าให้พวกเขาแต่งงานกันอีก! ไล่ผู้หญิงคนนั้นไปเลย! ไหนจะยังมียัยเด็กนั่นที่เธอคลอดมาอีก ไล่ออกไปเลย!”
เจี่ยงเวินอี๋ตกตะลึง “เจิ้งเอ๋อ นั่นเป็นแม่แท้ๆ ของหลานนะ หลานแน่ใจว่าต้องการแบบนี้?”
ลี่เจิ้งพยักหน้า “เอาแบบนี้แหละ ย่ารู้ไหม ผมให้โอกาสเธอแล้ว แต่เธอทำให้ผมผิดหวังมาก!”
เจี่ยงเวินอี๋ยิ่งสงสัย “หมายความว่ายังไง?”
“คุณย่า ก่อนหน้านี้ ผมฟื้นขึ้นมาแล้วเพียงแต่ให้คุณน้าพยาบาลปิดพวกคุณย่าไว้ ผมตั้งใจรอจนพ่อกับเธอมา ก็ดีแล้ว ผมคิดว่าแบบนี้เธอจะรีบกลับไปคืนดีกับพ่อ จากนั้นก็จะยอมบอกผมว่าทำไมตอนนั้นถึงทิ้งผมไป แต่เธอไม่พูดอะไรเลย ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ก็ไม่สนใจผมด้วย!”
ลี่เจิ้งยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ เขาแกล้งป่วยมันง่ายรึไง? มันยากมากนะ! ไม่ใช่เพราะช่วยพ่อหาผู้หญิงคนนั้นรึไง?
ยิ่งกว่านั้นเมื่อคิดถึงว่าผู้หญิงคนนั้นยังเป็นแม่ของตนเองด้วยแล้ว ลี่เจิ้งจึงอยากให้ง่ายขึ้นหน่อย ขอเพียงเธอแต่งงานกับพ่ออีกครั้งเพื่อตนเอง แล้วให้เธออธิบายว่าทำไมจึงทิ้งไป แค่นั้น เขาก็จะยกโทษให้และเรียกเธอว่าแม่
แต่ว่า ตั้งแต่นั้น ซูย้าวกลับไม่มาหาเขาอีกเลย!
นี่มันหมายความว่ายังไง?
คิดว่าเขานอนเป็นผักแล้วเป็นปัญหาเหรอ? หรือคิดว่าเขาเป็นภาระ? ถ้าหากเป็นแบบนั้นแล้วยัยเด็กที่อยู่ข้างเธอล่ะเป็นอะไร? !
เจี่ยงเวินอี๋พูดไม่ออกแต่ก็โกรธไม่ลง ได้แต่ยื่นมือออกไปบีบแก้มของเขา “หลานนะหลาน หลานฟื้นแล้วทำไมไม่รีบบอกย่า? รู้ไหมว่าย่าร้อนใจแค่ไหน? ย่าสวดมนต์ทุกวันของให้สวรรค์มีตา ให้หลานดีขึ้นไวๆ! หลานคนนี้นี่นะ…”
ลี่เจิ้งนิ่งไป
เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ หากไม่ทำอะไรบ้าง แล้วอาศัยเพียงทักษะของพ่อเขานั้น คิดจะจีบผู้หญิง คงจะยาก!
แต่ตอนนี้ดูแล้ว คงไม่ต้องช่วยเขาแล้ว เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควร!
ย่าหลานยังคงคุยกัน ส่วนลี่เฉินซีกลับทนฟังต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
เขารีบผลักประตูเข้าไปในทันทีจนลี่เจิ้งตกใจ สายตาที่สอดส่องมองไปที่ชายคนนั้น
ลี่เฉินซีก้าวเท้าไวดั่งลมตรงไปที่ข้างเตียง สายตาเย็นชามองไปที่แม่ของเขา “แม่ แม่เองก็เหนื่อยแล้ว กลับไปพักก่อนเถอะ!”
น้ำเสียงนี้เหมือนเป็นคำสั่งที่จะไล่แขกออกไป เจี่ยงเวินอี๋หันไปมองหน้าลูกชายแล้วรู้สึกว่ามันไม่ปกตินะ?
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร ลี่เจิ้งก็พูดขึ้น “คุณย่าไม่ไป คุณย่าจะรอจนกว่าผมจะออกจากโรงพยาบาล!”
ลี่เฉินซีประหลาดใจ “ออกจากโรงพยาบาล?”
เจี่ยงเวินอี๋จึงพูดขึ้น “ใช่ เจิ้งเอ๋ออยู่โรงพยาบาลมานานแล้วนะ หลานยังเล็ก ตอนนี้ผลตรวจก็ปกติดีทุกอย่าง กลับไปค่อยๆ ดูแลที่บ้านก็ได้”
ลี่เฉินซีไม่มีปฏิกิริยาอะไรและไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้รับปาก เพียงแต่พูดเรื่องเดิมต่อไป “งั้นแม่เหนื่อยมาครึ่งวันแล้ว ออกไปเดินเล่นก่อนสิครับ!”
เจี่ยงเวินอี๋รู้สึกเหมือนกันว่าเหนื่อยอยู่บ้าง ออกไปเดินเล่นหน่อยคงจะดี พอจะยืนขึ้น ลี่เจิ้งกลับคว้ามือของหญิงชราไว้ “คุณย่าอย่าไป ถ้าไปพ่อต้องโมโหใส่ผมแน่ ๆ!”
เจิ้งเอ๋อโตมากับลี่เฉินซี มีหรือที่เด็กคนนี้จะไม่รู้ว่าเขามีนิสัยอย่างไร?
ทุกครั้งที่เขาทำเรื่องแย่ๆ หรือก่อปัญหา ลี่เฉินซีก็จะเป็นประมาณนี้ ทำสีหน้าเย็นชาและหม่นหมอง มองมาที่เขาเงียบๆ ให้ทุกคนออกไป แล้วจากนั้นก็แสดงความโกรธต่อเด็กน้อย
เจี่ยงเวินอี๋คิดอย่างละเอียดแล้วรู้สึกว่าก็ถูกจึงได้รีบเข้าไปปกป้องหลาน “เฉินซี หลานยังเด็ก ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ ลูกอย่าทำให้เขากลัวสิ!”
ลี่เฉินซีพยักหน้าอีกครั้ง “แม่ ผมรู้แล้วน่ะ”
เจี่ยงเวินอี๋ออกจากห้องคนไข้ไปอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาที่มืดมนของลี่เฉินซีเคร่งขรึมลงอย่างสมบูรณ์ เขาเดินไปมาช้าๆ อยู่หน้าเตียง สายตาที่เย็นชา การอยู่เฉยๆ ดูเหมือนดาบที่ย้อมด้วยน้ำแข็งแล้วพุ่งตรงไปที่เด็กคนนั้น “แกล้งป่วย ลูกบอกว่าแม่ไม่ดี ให้คุณย่าไล่แม่กับน้องไป”
ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กคนนี้โตแล้วจริงๆ ปีกกล้าขาแข็งแล้วอย่างนั้นหรือ?
ไล่แม่กับน้องสาวแท้ๆ ไป ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ใช่!
ลี่เจิ้งแสร้งทำเป็นไม่เกรงกลัวและนั่งนิ่งสงบอยู่ตรงนั้น “เธอไม่ดีกับพ่อและไม่ดีกับผม ตอนนั้นเธอทิ้งเราพ่อลูกไป ตอนนั้นผมอายุเท่าไหร่เอง พ่อลืมแล้วเหรอ?”
“ผมเป็นไข้กลางดึก พ่อเป็นคนพาผมไปหาหมอ เป็นคุณย่าที่อยู่ข้างๆ ผม ผมอยากไปปีนเขา ก็เป็นพ่อพาไป ผมอยาก…”
ไม่ทันที่เขาจะพูดจบลี่เฉินซีก็ขัดจังหวะ ความโกรธที่ขึ้นๆ ลงๆ นั้นยากจะระงับ และเสียงที่ต่ำลงก็มีพลังมากขึ้น “นั่นเป็นเรื่องระหว่างพ่อกับแม่ของลูก! ไม่ใช่เรื่องที่ลูกจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!”
“ยิ่งกว่านั้น สาเหตุที่แท้จริงที่แม่จากไปในตอนนั้น ก็เป็นเพราะพ่อ!” ลี่เฉินซีพูดแล้วหยุดไป ถึงแม้ว่าเรื่องเหล่านี้เขาจะไม่อยากพูดกับลูก แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
หากเป็นแบบนี้ต่อไป เด็กคนนี้จะยิ่งห่างเหินจากซูย้าวไปทุกที และจะยิ่งมีแต่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดใจ!
“พ่อไม่ดีเอง พ่อเป็นคนเลว พ่อเป็นคนบีบให้แม่ต้องไป! ลูกจะกล่าวโทษ จะโกรธเกลียด ก็ควรจะต้องเป็นพ่อ ไม่เกี่ยวกับแม่เขา!”
น้อยครั้งที่ลี่เฉินซีจะโมโหใส่ลูก ตั้งแต่เล็กลี่เจิ้งไม่มีแม่อยู่ข้างกาย เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่เลี้ยงลูกมา จึงไม่อาจจะดูแลได้อย่างทั่วถึง จึงมักจะรู้สึกติดค้างเด็กคนนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนก็ทนไม่แสดงความโกรธ
แต่ครั้งนี้เขาอดทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ยังมีซีซี นั่นคือลูกของพ่อกับแม่ของลูก และเป็นน้องสาวแท้ๆ ของลูก ไม่ว่ายังไงลูกก็ต้องยอมรับ เป็นเด็กเป็นเล็ก ริเข้ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ อีกทั้งยังแกล้งป่วย ลูกไปเรียนมาจากไหน?”
ลี่เฉินซีที่แสดงอารมณ์โกรธขึ้นมาอย่างฉับพลันเหมือนกับสิงโตดุร้ายที่แสดงความโกรธและดุดันด้วยเสียงคำรามดั่งเปลวไฟที่พุ่งทะยานทำให้ลี่เจิ้งเกิดความกลัว
เด็กน้อยนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างหวาดกลัว จ้องตาเขม็ง แต่ครู่หนึ่งน้ำตาก็ไหล “พ่อ…”
ลี่เฉินซีสูดหายใจและรู้ว่าเมื่อครู่ว่าเมื่อครู่ตัวเองนั้นได้หลุดแสดงท่าทีออกไป เมื่อคิดดีๆ เด็กอาจจะไม่ได้ผิดอะไร ใครบ้างไม่อยากจะมีแม่อยู่ข้างๆ ตั้งแต่เด็กและมีครอบครัวที่อบอุ่น?
เมื่อเขาคิดแบบนี้ เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในใจ เขาก้าวไปข้างหน้าและนั่งข้างๆ เด็ก ยกมือขึ้นเพื่อดึงลี่เจิ้งเข้าไว้ในอ้อมแขนของเขา “เจิ้งเอ๋อ ไม่ใช่ว่าพ่ออยากจะโกรธลูก แต่ลูกไม่ควรจะต้องโกรธอะไรแม่เลย ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของพ่อเอง เป็นพ่อที่ตอนนั้นไม่ได้ห้ามแม่ไว้ ไม่ต้องโทษแม่ ได้ไหม?”