เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 539
ในห้องของเด็กน้อยที่อบอุ่น ถึงแม้กระจัดกระจายเต็มพื้น และรกไปหมด แต่ดูเหมือนซีซีไม่สนใจ ยังคงจูงเตียวเตียวไปให้เขาดูสิ่งของในมือของตัวเอง
ลี่เฉินซียืนอยู่ข้างๆอย่างรู้สึกอึกอักเล็กน้อย ก้มลงเอนตัวเข้าไปดูด้วย“ที่รัก หนูกำลังให้เตียวเตียวดูอะไรหรือ”
ซีซียังคงเพิกเฉยต่อเขา เหมือนเห็นเขาเป็นอากาศ
เจ้าหนูน้อยหันหลังให้เขาอย่างเปิดเผย แล้วจูงเตียวเตียว กระซิบข้างหูเขาสองสามคำอย่างมีลับลมคมใน
ลี่เฉินซีมองดูลูกสาวคนนี้อย่างหมดปัญญา ขมวดคิ้วขึ้น“ซีซีจ๋า……..”
แต่เมื่อเขาเพิ่งจะเปิดปากพูด ก็ถูกซีซีตอบกลับใส่หน้าเขาโดยตรงอย่างรังเกียจว่า“อย่ารบกวนหนู คุณไม่มีงานของตัวเองจะต้องทำหรือ ไปทำงานของคุณเถอะ ”
ลี่เฉินซี“……”
เขามองดูเจ้าหนูน้อยอย่างจนปัญญา จำได้ว่าเมื่อก่อนไม่ได้เข้าถึงยากเช่นนี้นี่ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้
ขณะที่ลี่เฉินซีจนหมดปัญญาอยู่นั้น ลี่เจิ้งที่อยู่ข้างๆบังคับรถวีลแชร์เข้าไปในห้องนอน เอียงคอมองดูคนในห้อง ในที่สุดสายตาก็ตกไปอยู่บนชายหนุ่ม“จะช่วยผมอาบน้ำไม่ใช่หรือ”
เขาหันมาเหลือบมองลูกชายคนโตแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเรียบๆว่า“หนูรอก่อน”
จากนั้น เขาก็ก้มตัวลงอีกครั้ง ถึงขนาดที่นั่งยองๆอยู่ข้างกายลูกสาว จับมือน้อยๆของเธอขึ้นมา แบออก จึงเห็นว่าข้างในเป็นไดโนเสาร์เล็กๆตัวหนึ่ง
จะบอกว่าเป็นไดโนเสาร์หรือ ก็ไม่เชิง มันเป็นสิ่งของที่มีรูปร่างแปลกประหลาด เล็กมาก เล็กจนมือเด็กน้อยมือเดียว ก็ห่อหุ้มไว้ได้หมด
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว“นี่เอามาจากไหนหรือ ”
ซีซีจะไม่ตอบเขาอย่างแน่นอน ในทางตรงกันข้าม เตียวเตียวที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นว่า“ คืออยู่ในถุงขนมก่อนหน้านั้นที่พี่ชายหยอดในตู้หยอดเหรียญมา ซีซีชอบมาก”
เขาพึ่งจะถึงบางอ้อ แล้วเอื้อมมือออกไปอุ้มลูกสาวสุดที่รักขึ้นมา“ซีซีไม่ได้ชอบของสิ่งนี้ แต่ชอบพี่ชายใช่ไหม เพราะพี่ชายซื้อ ดังนั้นถึงหวงแหน พ่อพูดถูกใช่ไหม”
ซีซีชะงักไปเล็กน้อย ไม่พูดอะไร
แต่บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย ได้แสดงอาการออกมาทางใบหน้านานแล้ว
แม้แต่ลี่เจิ้งที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน จึงมองดูน้องสาวด้วยท่าทางอึ้งไปเล็กน้อย
ซีซีไม่พูดอยู่แล้วว่านี่เป็นขนมชิ้นแรกที่ลี่เจิ้งซื้อให้เธอ ถึงแม้จะเป็นเพราะว่าเธอกวนจะเข้าไปดูแม่ที่ห้องผู้ป่วยให้ได้ จนเขารำคาญ จึงซื้อขนมให้เธอก็ตาม……..
ลี่เฉินซีอุ้มลูกสาวนั่งบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ ชายตามองดูของเล่นกระจัดกระจายเต็มห้อง แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ “ที่รัก หนูไม่ชอบของเล่นพวกนี้ที่พ่อซื้อให้ใช่ไหม ไม่ชอบไม่เป็นไร พรุ่งนี้พ่อจะพาหนูไปห้างสรรพสินค้า แล้วแต่หนูจะเลือกดีไหม ”
ซีซีส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ “ไม่เอา หนูจะเอาที่แม่ซื้อให้…….”
สายตาลี่เฉินซีเคร่งขรึม ของเล่นที่ซูย้าวซื้อ เขาจำได้ว่ามีไม่กี่อย่าง หลังจากที่พวกเขาย้ายออกมาจากโรงแรม ส่งคืนห้องแล้ว กระเป๋าพวกนั้นก็ถูกแพ็กเก็บหมด และถูกเก็บไปไว้ในห้องเก็บของแล้ว
เขาครุ่นคิด “ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่ฉันจะให้แม่บ้านไปหาออกมาจากในห้องเก็บของให้หนู ดีไหม”
ซีซีถึงพยักหน้า ใบหน้าเล็กที่เย็นชาก่อนหน้านั้น ก็มีรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ลี่เฉินซีกัดริมฝีปากแล้วยิ้ม พูดไปพูดมายังคงเป็นเด็กน้อยอยู่ อยากจะเกลี้ยกล่อมเธอ มันไม่ง่ายเลย
เขาโอบลูกสาวไว้ มือใหญ่ลูบไปที่แก้มน้อยที่นุ่มนวลของลูก “ซีซีไม่ชอบพ่อหรือ ”
ซีซีซุกหัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่ตอบอะไร
เขาดูออกว่าเด็กมีความในใจ ไม่เพียงแต่ตอนนี้ ตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาแล้ว เธอจึงจงใจปฏิเสธที่จะเข้าใกล้เขา
ไม่รู้ว่าภาพรวมแล้วปัญหาเกิดตรงไหน คงต้องพูดกับลูกสาวให้เข้าใจในเร็ววันจะดีกว่า
ลี่เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเตรียมพร้อมที่สาธยายออกมา ทันใดนั้นซีซีเงยหน้าขึ้นมา ในดวงตากลมโตมีความขุ่นเคืองเล็กน้อย “ไม่ใช่ไม่ชอบคุณ แต่ว่าคุณทำให้แม่หนูป่วย หนูอยากได้แม่”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มถูกเจ้าหนูน้อยทำให้สำลักจนพูดไม่ออก
เขาส่ายหัวไปมา“ไม่ใช่ พ่อไม่ได้ทำให้แม่ป่วย แม่หรือ เธอเป็น……..”
ลี่เฉินซีครุ่นคิดซ้ำอีกครั้ง ราวกับไม่รู้ว่าจะอธิบายปัญหานี้กับลูกสาวอย่างไรดี
เดิมทีจะใช้คำพูดสองคำขอไปที แต่ลี่เจิ้งกับเตียวเตียวที่อยู่ข้างๆ ต่างมองมาทางเขา สายตาน้อยๆนั้นราวกับลำแสงเลเซอร์ ที่จะเจาะทะลุตัวเขา
โดยเฉพาะลี่เจิ้ง มองมาทางเขาตาไม่กะพริบ ราวกับขอเพียงลี่เฉินซีพยักหน้าเล็กน้อย ก็จะแปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายพุ่งเข้ามากินเขาทันทีเช่นนั้น
เขากัดริมฝีปากอย่างหมดปัญญา แล้วพูดว่า“ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง แม่ของพวกหนู เธอไม่สบายเพราะพวกหนู ”
“พวกหนูหรือ”ลี่เจิ้งน้ำเสียงแปลกใจ คำพูดแบบนี้ เหมือนจะหลอกเด็กยังไม่ได้เลย
เตียวเตียวก็อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เด็กคนนี้รู้จักดีสีหน้าคนตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว รู้ว่าฐานะตัวเองไม่เหมาะสม จึงไม่พูดอะไร
ซีซีไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ ดิ้นและขัดขืนอยู่ในอ้อมกอดของเขา มือไม้อยู่ไม่เป็นสุขเลย“ไม่ใช่เพราะพวกหนู หนูไม่เคยทำให้แม่ไม่พอใจ แม่จะไม่ป่วยเพราะหนู ”
ลี่เฉินซีพูดไม่ออก ทำไมตอนนี้สื่อสารกับเด็กยากขนาดนี้
ก่อนหน้านั้นเป็นลี่เจิ้ง ตอนนี้ก็เพิ่มซีซีเข้ามาอีกคน
เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด บอกความจริงเลยจะดีกว่า “ไม่ใช่เพราะพวกหนู แต่เป็นเพราะพี่ชายอีกคนของหนู ”
พี่ชาย?
ซีซีกะพริบตา วินาทีต่อมา สายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองจ้องไปที่ลี่เจิ้ง
ลี่เจิ้งยังไม่ทันคิดก็รู้สึกเย็นวาบในใจขึ้นมา ส่ายหน้า เพื่อแสดงว่าไม่ใช่เขา
ซีซีมองไปทางเตียวเตียวอีกครั้ง ไอ้หนูคนนี้ก็ส่ายหัวซ้ำๆ เพื่อแสดงว่าเขาจะไม่เป็นแพะรับบาป
ไม่มีใครยอมรับ ซีซีจึงมองไปทางลี่เฉินซีอีกครั้ง“คุณไม่ได้โกหกหนูใช่ไหม”
เขาจนปัญญาจริงๆ ครุ่นคิดไปมาอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า“พ่อไม่ได้โกหกหนู และจะไม่ตลอดไป”
“คือพี่ชายอีกคนของหนู ไม่ใช่ลี่เจิ้ง และก็ไม่ใช่เตียวเตียว ยังมีอีกคน เป็นพี่ชายน้อยที่ตอนนั้นเกิดวันเดียวกับซีซี”
คำอธิบายนี้ ทำให้ซีซีตกไปอยู่ในภวังค์ทันที ส่วนลูกอีกสองคนก็มีสีหน้าอึ้งไป
เกี่ยวกับเรื่องของลูกอีกคน เดิมทีลี่เฉินซีไม่อยากจะพูดกับลูกๆ ไม่ว่าอย่างไร มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่
แต่จากสองสามวันที่ผ่านมาหวางอี้ได้ส่งคนไปสอบถามและค้นหา ผลลัพธ์น้อยมาก ไม่ต้องพูดถึงซูย้าวใช้เวลาหลายปีแล้วยังหาไม่เจอ แม้แต่หา ก็รู้สึกตันไปหมด
ลูกคนนั้นในปีนั้น คลอดออกมาไม่นานก็ถูกคนอุ้มไปแล้ว
ตอนนี้ยกเว้นการตรวจดีเอ็นเออย่างเดียวที่สามารถทำได้ ก็ไม่มีข้อมูลอื่นที่เป็นประโยชน์ให้ค้นหาอีกแล้ว เบาะแสทุกอย่างขาดไปแล้ว
ผลลัพธ์เช่นนี้ ค่อยๆกลายเป็นเพียงแค่……ไม่มีข่าวคราว
แต่ท้ายที่สุดล้วนเป็นลูกของเขา ที่สำคัญตามการเติบโตขึ้นในแต่ละวันของลี่เจิ้งกับซีซี เรื่องนี้ก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ไม่ช้าก็เร็วลูกๆก็จะต้องรู้
เพียงแค่จะเร็วหรือช้าก็เท่านั้นเอง
ลี่เจิ้งค่อยๆได้สติคืนมา สายตาที่สงสัยมองไปยังเขา“ผมยังมีน้องชายอีกคนหรือ”
ลี่เฉินซีพยักหน้า“ใช่ ตอนนั้นแม่ของหนูได้ลูกฝาแฝดชายหญิง นอกจากซีซี หนูยังมีน้องชายอีกคน”
ซีซีก็กล่าวด้วยความประหลาดใจ“หนูยังมีพี่ชายอีกคนหรือ ว้าว พี่ชายเยอะมากเลย……”
สำหรับข่าวนี้ เตียวเตียวไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากมายนัก เขาระมัดระวังเล็กน้อย กลัวว่าคำพูดหรือการกระทำของตัวเองจะทำให้คนอื่นไม่พอใจได้ ดังนั้นพยายามลดการมีอยู่ของตัวเองลง
หลังจากลี่เฉินซีพูดข่าวนี้ออกมาแล้ว เด็กๆก็ไม่มีความผิดปกติมากนัก ปรากฏว่าใช้เวลาไม่นานก็ยอมรับกันแล้ว
เพียงแต่ซีซียังถามไม่หยุด อยากจะพบพี่ชายอีกคนในเร็ววัน
หลังจากเกลี้ยกล่อมลูกสาวให้มีความสุขได้เล็กน้อยอย่างยากเย็นแล้ว ความตึงเครียดในใจของเขาก็ผ่อนคลายเล็กน้อย ส่งซีซีกับเตียวเตียวให้พี่เลี้ยงดูแล แล้วเขาก็เข็นลี่เจิ้งกลับห้องไป
ดูแลอาบน้ำให้ลี่เจิ้ง และมองดูลูกนอนลงแล้ว ลี่เฉินซีจึงกลับไปที่ห้องนอนตัวเองอีกครั้ง รู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย ก่อนหน้านั้น มีเพียงลี่เจิ้งคนเดียว เขาดูแลได้สะดวกมาก
แต่ตอนนี้ ในบ้านมีลูกเพิ่มมาอีกสองคน และเวลาสำคัญเช่นนี้ ยังมีลูกชายอีกคน ถูกทิ้งอยู่ข้างนอก……