เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 541
ตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาล ใบหน้าอันหล่อเหลาของเพ้ยส้าวหลี่มืดครึ้ม เย็นชาดั่งน้ำแข็งหมื่นปี แม้กระทั่งอากาศรอบข้างยังถูกชะล้างจนหนาวขึ้นหลายๆ เท่าอีกด้วย
เมื่อเขาขึ้นไปบนรถ ผู้ช่วยก็รู้สึกมีลมหนาวกระพือมาตรงหน้า หัวใจสะท้านโดยไม่รู้สึกตัว
ตลอดทางนั้น ผู้ช่วยคอยสังเกตสีหน้าของเจ้านายผ่านกระจกมองหลังตลอดเวลา แอบรู้สึกได้ว่าอาจจะเป็นเพราะการสนทนากับซูย้าวไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ผู้ช่วยลังเลช้านาน ในที่สุดก็ทนไม่ไว้ เปิดปากพูดว่า “ประธานเพ้ย ทำไมท่านไม่พูดความจริงกับคุณซู”
“ช่วงนี้ท่านเพื่อที่จะไม่ให้ทุกอย่างของจู้สือไปพัวพันกับเธอ แม้กระทั่งตัวเองยังเสี่ยงอยู่ในนี้ ไม่เพียงแค่มีคดีเข้ามาเกี่ยวข้อง ยังทำให้บริษัทมีความสูญเสียอย่างร้ายแรงด้วย เสียหายไปตั้งเยอะแยะ…”
ไม่รอให้ผู้ช่วยพูดต่อไป มีดตาอันหนาวเหน็บของเพ้ยส้าวหลี่ส่องผ่านไป ระเบิดอย่างเย็นจัด “พูดแล้วทำอะไรได้บ้าง สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่เธอยังคงไม่ตายใจกับเขาคนนั้นได้เหรอ”
เขายกมือขึ้นมาดึงเนกไทให้หลวมด้วยสีหน้าเฉยชา รู้สึกแต่โมโหโกรธเคืองเต็มอก ราวกับจุดไฟลูกหนึ่งไหม้ทั้งอกขึ้นมา
ผู้ช่วยขมวดคิ้วอย่างพูดไม่ออก คิดไปคิดมาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “อย่างนั้นก็ให้เธอดูหลักฐานเหล่านั้นก็ได้นิ! คุณซูแคร์แม่ผู้ให้กำเนิดของเธอมาก ถ้ารู้แล้วก็…”
“‘หลักฐาน’ที่ว่าเหล่านั้น ใช่หลักฐานจริงเหรอ” ประโยคหนึ่งที่กะทันหันของเพ้ยส้าวหลี่ อุดจนผู้ช่วยเงียบเหมือนคนใบ้
เขาลังเลแล้วเนิ่นนาน “อย่างนั้น…ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วจริงๆ เหรอ”
เพ้ยส้าวหลี่ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “เธอฉลาดยิ่งกว่าที่แกคิดอีก นอกจากว่าเธอจะเห็นด้วยตาของตัวเอง ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเชื่อหรอก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอปลูกเมล็ดอันสงสัยลงไปในใจแล้ว สิ่งที่เราจะทำในเวลาต่อมา ก็คือเฝ้ามองสถานการณ์อย่างสงบ บางทีคอยเติมเชื้อเพลิงให้เปลวไฟก็พอแล้ว”
สายตาอันเหน็บหนาวของเขากวาดตามองตึกอาคารนอกรถ สายตาลึกซึ้ง มืออันเรียวยาวดั่งหยกข้างหนึ่งค่อยๆ กำแน่น เส้นเลือดดำตรงหลังมือแอบเต้นอย่างรุนแรง
สงสัยเขาจะประเมินน้ำหนักของคนนั้นที่อยู่ในใจเธอต่ำไปแล้ว!
แต่ไม่เป็นไร ยังมีโอกาสอยู่ อีกอย่าง มันก็อยู่ตรงหน้าแล้วด้วย
อีกฝั่ง ในห้องผู้ป่วยนั้น ซูย้าวก็ตกอยู่ในการครุ่นคิดอย่างสับสนเช่นกัน
สำหรับสิ่งเหล่านั้นที่เพ้ยส้าวหลี่พูดเมื่อกี้ เธอไม่เชื่อเลยแม้แต่คำเดียว แต่มิอาจปฏิเสธได้ว่า เหมือนเธอจะละเลยเรื่องหนึ่งไปแล้วจริงๆ ด้วย
เกือบถูกทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าอลวน จนละเลยความจริงใจของตัวเอง และหัวใจของเขาด้วย
พอคิดดีๆ แล้ว เด็กไม่สามารถเป็นรากฐานของการรักษาชีวิตสมรสและความรักได้ มีแค่บทบาทในการช่วยเหลือเท่านั้นเอง เธอสามารถทนเพื่อลูกได้ และสามารถเลือกเสียสละเพื่อลูกได้ แต่มีเพียงความรักเรื่องเดียว ที่เธอไม่อยากผ่อนปรน
พอคิดแบบนี้แล้ว เธอก็ควรคิดพิจารณาเรื่องของระหว่างเธอกับลี่เฉินซีจริงๆ แล้ว
ทั้งบ่ายนี้ ซูย้าวถือคอมพิวเตอร์ค้นหาตรวจสอบอะไรบางอย่างอยู่ตลอด และยังโทรออกหลายสาย ติดต่อแล้วหลายคน แต่เห็นได้ชัดว่าผลที่ได้ไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เลย
ช่วงเวลาพลบค่ำ เมื่อลี่เฉินซีมาถึง เธอเพิ่งจะจัดการทุกอย่างในมือเสร็จไม่นานเอง พิงอยู่บนเก้าอี้ปรับเอนนอนหลับตาพักผ่อนอย่างเหนื่อยล้า
แสงอาทิตย์ตกดินยามพลบค่ำอันเรืองรองข้างนอกหน้าต่างส่องเข้ามา ตกลงมาที่ร่างงดงามอันอ่อนโยนของเธอเป็นแสงจางๆ หนึ่งชั้น เฉิดฉันดั่งภาพวาดม้วนหนึ่ง แสดงหน้าตาสุดสวยออกมา ขนตายาวที่หนาแน่นและละเอียดคว่ำลง กลายเป็นเส้นโค้งที่มีรูปพัดตรงหนังตา ริมฝีปากแดงสด เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งลงมา สวยงามจนทำให้คนมองอย่างไม่กะพริบตา
ผู้ชายก้าวเท้าให้เบาลง ท่าทางตอนที่มาถึงข้างๆ เธอเบามาก แต่ยังคงทำให้ซูย้าวตื่นขึ้นมาอยู่ดี
อันที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้หลับ แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยจึงหลับตาลง
ลี่เฉินซีมองเธอ ริมฝีปากบางดิ้นเล็กน้อย “รบกวนคุณแล้วใช่ไหม”
เธอส่ายหัว ปล่อยให้เขานั่งเอียงข้างตรงข้างตัว แขนยาวกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เธอพิงอยู่ตรงแผ่นอกอันแข็งแรงของเขา ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่ก็มีความรู้สึกอีกอย่างเช่นกันด้วย
ซูย้าวหลับตาลงอีกครั้ง เขาก้มตัวลงจูบดวงตาของเธอ “เหนื่อยเหรอ”
เธอพยักหน้า มือเล็กโอบตรงคอของเขาไว้ ขยับร่างเล็กน้อย เปลี่ยนเป็นอีกท่าหนึ่งที่สบายกว่า
เขามองดูผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอด ภาพร่างที่ปกติชินกับการเย็นชาแล้วขณะนี้ก็มีความอ่อนโยนอย่างหนึ่งโผล่ขึ้นมา แม้กระทั่งเส้นโค้งที่แอบโค้งขึ้นมาตรงข้างริมฝีปาก ก็แสดงออกมาอย่างเจิดจ้า สดใสเช่นกัน เหมาะเจาะพอดี
“ผมกอดคุณนอนสักครู่ไหม” เสียงของเขาต่ำทุ้ม
เธอกลับส่ายหัวเล็กน้อย ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร แค่ดิ้นไปมาในอ้อมกอดของเขาอย่างเดียว อาจจะรู้สึกว่าไม่ว่าท่าไหนก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว “แล้วนี่เป็นอะไรเหรอ”
ตอนที่เขาพูดอยู่ หางตาชำเลืองเห็นเอกสารหลายชุดและโน๊ตบุ๊คที่ยังเปิดอยู่ที่เธอวางอยู่บนโต๊ะข้างๆ เนื้อหาที่ค้นหาอยู่บนหน้าจอมองปราดเดียวก็แจ่มแจ้งทั้งหมด ตัวอักษรที่อยู่บนเอกสารก็ตกเข้ามาในรูม่านตาแล้วเช่นกัน
นัยน์ตาสีดำอันลึกซึ้งของผู้ชายมืดลงอย่างเห็นได้ชัด ยกมือสัมผัสแก้มของเธอเบาๆ “ได้ข่าวว่าวันนี้เพ้ยส้าวหลี่เคยมา?”
ซูย้าวไม่ได้ลืมตาขึ้น แค่เอาหัวซุกอยู่ในแผ่นอกของเขา น้ำเสียงต่ำทุ้ม“คุณสอดแนมฉันอีกแล้ว”
เขายิ้มออกมา “ไม่ใช่สอดแนม คือเป็นห่วงว่าคุณจะไม่ปลอดภัย จัดบอดี้การ์ดเพิ่มอีกไม่กี่คนแค่นั้นเอง”
เธอยังคงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเหมือนเดิม ยังคงเอาหัวเล็กๆ ซุกอยู่ในแผ่นอกของเขาทั้งหัว เสียงเบลอไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไหร่ “ก็เคยมาแล้ว ก็ได้คุยอะไรบางอย่างแล้วด้วย เขาบอกว่าที่คุณเลือกอยู่กับฉันก็เพราะเพื่อลูก ให้ฉันลองคิดพิจารณาปัญหาระหว่างคุณกับฉันให้ดี”
ซูย้าวกลับพูดความจริงตรงๆ อย่างคาดคิดไม่ถึง อธิบายรวมทุกอย่างแทบจะเป็นประโยคเดียว
ลี่เฉินซียกคิ้วทีอย่างน่าสนใจ ก้มหน้าดูเธอที่อยู่ในอ้อมกอด “แล้วคุณรู้สึกอย่างไรเหรอ”
“คุณควรจะเป็นคนตอบไม่ใช่เหรอ” เธอยังคงไม่ยอมเงยหัวขึ้นมาเช่นเดิม หลับตาลงขดตัวในอ้อมกอดของเขาเหมือนกับสล็อตน้อยตัวหนึ่ง
เขากลับบอกว่า “ผมอยากฟังคุณพูด”
ซูย้าวขมวดคิ้ว ลืมตาขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ แต่ไม่ได้เงยหัวขึ้น สมกับเป็นผู้ชายที่ฉลาดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดสถานที่ใด ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบันก็ตาม เมื่อเจอคำถามที่คล้ายๆ กัน มักจะโยนกลับมาให้เธอใหม่อย่างเคยชินทุกครั้ง
เธอหายใจเข้าลึกเบาๆ “ฉันก็อยากฟังคำตอบที่คุณพูดเหมือนกัน”
ความโค้งที่ช้อนขึ้นตรงมุมริมฝีปากสีอ่อนของลี่เฉินซีเพิ่มมากขึ้น ยื่นมือยกแก้มของเธอขึ้นมา บังคับเธอให้เงยหัวขึ้นมองมาที่ตนเอง “คุณคิดว่าสิ่งที่เขาพูดถูกต้อง? คุณเชื่อเขา?”
ซูย้าวหลับตาลงทีหนึ่งแน่นๆ มองไปที่เขาอย่างแน่วแน่ “คำพูดที่ประธานเพ้ยพูดออกมานั้น ฉันไม่เชื่อแม้แต่สักคำเลย แต่ มิอาจปฏิเสธได้ว่าระหว่างคุณและฉันยังคงมีปัญหาอยู่ก็จริง”
เธอขยับตัวหลบออกไปจากอ้อมกอดของเขา และลงไปจากเก้าอี้ปรับเอนนอนเลย เดินไปที่ข้างหน้าต่างอย่างเชื่องช้า “เฉินซี ฉันก็ได้คิดอย่างละเอียดแล้ว ฉันกับคุณ ไปไม่รอดอยู่ดี”
การตัดสินใจนี้ไม่ใช่ว่าเธออยู่ๆ ก็ใจร้อนขึ้นมา อยู่ๆ ก็ฟังจากคำพูดของคนอื่นจนตัดสินใจแบบคิดไปเองไปเรื่อย
ตอนนั้นเธอรักเขาจริงๆ ถึงแม้รู้ทั้งรู้ว่าการสมรสในอดีตนั้นเกิดขึ้นเพราะพินัยกรรมของนายหญิงใหญ่ลี่ รู้ทั้งรู้ว่าเขาแต่งงานกับเธอเพื่อผลประโยชน์ เธอก็ยินดีรับไว้
ตอนแรกก็คิดแค่ว่าเป็นได้แค่แบบนี้ก็พอแล้ว
เธอคอยเฝ้าอยู่ข้างเขา ไม่เคยมีความรัก แต่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน ได้พบหน้าเขาวันละหนึ่งครั้งหรือบางครั้งได้พบหน้าสักครั้งก็พอใจมากแล้ว หลังๆ มา เธอท้องแล้ว
ถึงแม้เขาจะยืนหยัดตลอดให้เธอเอาออก แต่เป็นไปได้ยังไงที่เธอจะยอมเสียไป
นั่นคือผลึกของเธอกับผู้ชายที่รักที่สุด คือชีวิตใหม่น้อยๆ หนึ่งชีวิต
ซูย้าวไม่เคยเพ้อฝันว่าลูกสามารถเป็นตัวเชื่อมโยงในการรักษาความรักการสมรส และไม่อยากฝากทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองไว้ที่ตัวลูก แต่เธอแค่อยากจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองให้หมด เพื่อแค่เหลือความคิดถึงที่ร่วมกับเขาไว้แค่นั้น
เพราะฉะนั้น จึงมีลี่เจิ้ง
ต่อมาก็ได้เกิดอะไรหลายๆ อย่างขึ้นมา เธอก็มีซีซีแล้วด้วย และยังมีลูกชายหนึ่งคนที่ยังไม่ทันได้เจอหน้ากันก็ถูกคนอุ้มหายไป
เกิดเรื่องตั้งมากมาย สภาพที่เธอมีต่อความรักและการสมรสเหน็บชามาตั้งนานแล้ว ลังเลตัดสินใจไม่ถูก หลงใหลตัดสินใจไม่ได้ด้วย
และหลายปีที่ผ่านมานี้ เธอใช้ชีวิตเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวเอง
ชีวิตแบบนี้ ถึงแม้จะไม่ค่อยสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ได้แย่มาก พอนานๆ ไปก็เคยชินแล้ว ถ้าอยู่ๆ ก็ทำการตัดสินใจบางอย่างไปเรื่อยเพราะคำพูดรวบรัดของเขา เพราะลูก ก็…
เธอกลัวแล้ว และว้าวุ่นจริงๆ แล้วด้วย
คำว่าทับซ้ำรอยเดิมของรถคว่ำ ไม่ใช่คนทุกคนล้วนสามารถเตรียมตัวไปรับมือและเผชิญหน้าได้