เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 543
“ซูย้าว แกห้ามยุ่งกับลูกฉัน!”
หานฉ่ายหลิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พูดเป็นทีละคำๆ ด้วยท่าทางดุร้าย เธอเห็นปฏิกิริยาที่สีหน้าเฉยเมยของซูย้าว รู้สึกทุกคำพูดของตัวเองไม่มีผลกระทบข่มขวัญต่อเธอใดๆ เลย จึงกระโดดขึ้นมาเลย ไม่สนการกีดขวางของกุญแจมืออันมีแสงประกายตรงข้อมือ อยากจะโฉบเข้าไปที่หน้าต่างกระจกเลย
เสียงที่ดังอย่างแรงเรียกตำรวจหญิงที่อยู่ข้างนอก รีบเข้ามาห้ามการกระทำของหานฉ่ายหลิงให้หยุดลง รู้สึกได้ว่าเธอมีอารมณ์ที่ไม่นิ่ง ตำรวจหญิงอยากจะหยุดการพบปะกัน
แต่ซูย้าวกลับเปิดปากขึ้นมาอย่างทันเวลา “ไม่เป็นไร ฉันขอคุยกับเธออีกไม่กี่ประโยค เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเลย”
ตำรวจหญิงยังคงไม่ค่อยไว้ใจสักเท่าไหร่ หันไปมองหานฉ่ายหลิงอีกครั้ง เธอก็พยักหน้าไม่หยุดให้เห็น ท่าทีจริงใจมาก ทีนี้ตำรวจหญิงจึงยืดหยุ่นให้ ออกไปจากห้องอีกครั้ง
เมื่อเหลือแค่เธอสองแล้ว สีหน้าระคายเคืองของหานฉ่ายหลิงดูแย่มาก เธอจ้องตามองซูย้าว “ตกลงแกอยากพูดอะไรกับฉัน เอาลูกฉันและพ่อฉันมาข่มขู่อย่างนั้นเหรอ ซูย้าว แกกลายเป็นคนแบบนี้แล้วเหรอ”
“กลายเป็นคนแบบไหนเหรอ” ซูย้าวออกเสียงคัดค้านอ่อนๆ “แกคิดว่าฉันเป็นคนแบบไหน”
ความจริงแล้ว หานต้าเฉิงเป็นคนเอารูปถ่ายนี้มาให้เธอเอง
นายท่านหานพาชาร์ลีไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศแล้ว ระหว่างเธอกับหานต้าเฉิงก็ได้ติดต่อกันเป็นบางครั้งอยู่ เพราะฉะนั้นจึงได้ส่งรูปถ่ายมาทางไปรษณีย์ จุดประสงค์ก็คืออยากจะส่งรูปถ่ายให้หานฉ่ายหลิง เพื่อให้เธอสบายใจ
ที่ซูย้าวถือรูปถ่ายนี้ไว้ ก็ไม่ได้มีความคิดอะไรอย่างอื่น แค่เพื่อที่หานฉ่ายหลิงจะพบกับเธอสักครั้งเท่านั้นเอง
“แก…” หานฉ่ายหลิงกลับกระอิดกระเอื้อนจนรู้สึกว่าคอแน่นขึ้นมา คำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วยังวนเวียนยากที่จะพูดออกมา
ซูย้าวมองที่เธอ พูดแทนเธอให้หมด “แกคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงใจดีแบบนั้นที่ยอมให้คนอื่นมาทำร้ายฉัน ระรานฉัน และจะไม่ใช้วิธีเดียวกันต่อสู้กับคนอื่นเด็ดขาด ใช่ไหม”
หานฉ่ายหลิงไม่ได้เปิดปากพูด แต่สีหน้าไม่เต็มใจให้คำตอบที่แน่นอนตั้งนานแล้ว
ไม่เพียงแค่หานฉ่ายหลิงคนเดียวที่คิดซูย้าวแบบนี้ คนอื่นๆ ก็มองเธอแบบนี้เหมือนกัน
ก็ถือว่ารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ทั้งคู่ไปมาหาสู่กันตั้งหลายครั้ง ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน จิตใจดีของซูย้าวรู้กันทุกคน
ซูย้าวจู่ๆ ก็มีความรู้สึกแบบไร้สาระอย่างหนึ่ง อยากจะเปิดปากหัวเราะเยาะเย้ยออกเสียง แต่สุดท้ายเธอก็อดทนไว้ “แกคิดผิดแล้ว ไม่มีคนไหนที่ใจดีจริงๆ อย่าคิดไปเองและให้คำนิยามกับความหมายจริงๆ ของคำศัพท์นี้ผิดไปแล้ว”
“คนที่ใจดีแค่ไหน ก็มีตอนที่ดึงหน้ากากออกเช่นกัน อย่าท้าทายเส้นสุดท้ายของคนหนึ่งคนตลอดไป”
ซูย้าวถอนหายใจออกอ่อนๆ “แต่ ตอนนี้พูดเรื่องเหล่านี้กับแก มันสายไปแล้ว”
แต่ละการกระทำของหานฉ่ายหลิง ทำให้ซูย้าวเหลืออดเหลือทนตั้งนานแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ก็ไม่เท่าทุกอย่างที่เธอเคยได้รับนั้น
แต่ซูย้าวก็ยังไม่ถึงขั้นที่พาลโมโหใส่ตัวเด็กไม่รู้อีโหน่อีเหน่และคนชรา เพื่อความแค้นส่วนตัวของตัวเอง
หานฉ่ายหลิงมองไปที่เธออย่างระคายเคือง “แล้วตกลงแกมาหาฉันคืออยากพูดอะไรเหรอ”
ซูย้าวเอาเอกสารสองชุดออกมาจากกระเป๋า หลังจากเปิดออกมาก็วางอยู่ตรงหน้าต่างกระจก หานฉ่ายหลิงเหลือบมองแค่แวบเดียวก็อึ้งอยู่กับที่แล้ว
นั่นคือการสืบสวนทั้งหมดที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ของคุณแม่ซูย้าวเมื่อห้าปีก่อน ละเอียดทั้งภาพจับหน้าจอของวิดีโอทุกภาพ เลขทะเบียนรถทุกเลข และข้อมูลของเจ้าของรถยนต์
และนี่ก็คือเรื่องหนึ่งที่ต้องตรวจสอบหลังจากซูย้าวกลับมาประเทศครั้งนี้
เธอสืบมานานมากแล้ว และเอกสารเหล่านี้ก็ไม่ใช่เพิ่งได้มาช่วงนี้
หานฉ่ายหลิงหลบสายตา คำพูดก็เริ่มตะกุกตะกักขึ้นมา “ของเหล่านี้คืออะไรเหรอ”
“แกน่าจะรู้ดีกว่าฉันว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร หานฉ่ายหลิง ทำไมไม่ยอมรับ” ซูย้าวจับตามองเธออย่างเยือกเย็น แววตาอันลึกซึ้งดั่งดาบคม เหมือนจะทะลวงเธอให้ถึงที่สุด “แกสามารถยอมรับวางแผนวางยาพิษทำร้ายลี่เจิ้ง ยอมรับบ้านพักคนชราจงใจวางเพลิง ยอมรับจ้างคนสร้างอุบัติเหตุรถชน ทำร้ายเจี่ยงเวินอี๋…”
“แกยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว มีแต่เรื่องนี้ ทำไมถึงไม่ยอมรับ”
นี่ก็คือจุดประสงค์หลักที่ซูย้าวมาในครั้งนี้
‘อุบัติเหตุ’ ที่คุณแม่เสียชีวิตในตอนนั้น ผู้ต้องสงสัยที่ใหญ่ที่สุดก็คือหานฉ่ายหลิง หลายปีที่ผ่านมานี้ เธอก็ได้สืบสวนลึกเข้ามาข้างในนี้อยู่ตลอด เป้าหมายหลักที่ล็อกไว้ก็เป็นหานฉ่ายหลิงเช่นกัน
ตอนแรกนึกว่าหลังจากที่เธอถูกลงโทษครั้งนี้ จะต้องบอกเรื่องนี้ในทุกอย่างที่ยอมรับโทษแน่นอน
แต่ซูย้าวกลับคาดคิดไม่ถึงเลยว่า หานฉ่ายหลิงยอมรับแล้วทุกอย่าง มีแต่เรื่องนี้เรื่องเดียว เธอแทบไม่ได้พูดถึงแม้แต่คำเดียวเลย
ดวงตารูปแอพริคอตอันวิบวับของหานฉ่ายหลิงดูมีความวุ่นวายขึ้นมา เม้มปากอย่างพะอืดพะอม มีความพูดอะไรไม่ค่อยออก มากกว่านั้นคือไม่อยากจะพูดอะไร
ซูย้าวไม่ยอมปล่อยการแสดงออกทางสีหน้าที่เล็กมากของเธอไป พูดต่อว่า “ความผิดที่แกทำมามันเยอะมากแล้ว ถึงแม้ยอมรับเรื่องนี้ ก็ถูกลงโทษอีกไม่กี่ปีเอง ในทางตรงกันข้าม ยอมรับให้หมดเพื่อแลกความสบายใจของตัวเองมันไม่ดีเหรอ”
หานฉ่ายหลิงก้มหน้าคิดทบทวนเนิ่นนาน อาจจะเพราะว่าซูย้าวยิ่งพูดยิ่งเยอะ เธอก็เริ่มรับไม่ไว้แล้ว หางตาเหลือบดูไปทางประตู ตำรวจก็ไม่เข้ามาสักที เธอเงยหัวขึ้นมาอย่างน่ารำคาญกะทันหัน “ให้ฉันยอมรับอะไรห๊า ซูย้าว ตอนนี้ถ้าฉันบอกแกว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำเรื่องพวกนี้ แกจะเชื่อไหม”
“แล้วแต่แกจะเชื่อหรือไม่เชื่อเหอะ! ตอนนี้แกสามารถส่งมอบหลักฐานเหล่านี้ขึ้นไปข้างบน บังคับโยนมาที่บนหัวฉันก็ไม่เป็นไร ไหนๆ ฉันก็ต้องจําคุกอยู่แล้ว ถูกตัดสินมากกว่ากี่ปีหรือน้อยกว่ากี่ปีก็ไม่ได้ต่างกันอะไรหรอก”
อยู่ๆ ดวงตารูปแอพริคอตกะพริบหนึ่งทีขณะที่เธอกำลังพูดอยู่ เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มุมปากอันเล่ห์เหลี่ยมโค้งขึ้นมาเรื่อยๆ “ซูย้าว ฉันไม่เคยยอมรับเลยว่าฉันเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ แกเป็นคนปรารถนาแต่ฝ่ายเดียวโยนทุกอย่างมาที่ตัวฉันเอง แต่ แกไม่เคยลองพิจารณาดูดีๆ เลยเหรอ ตกลงฆาตกรที่สร้างอุบัติเหตุรถชนทำให้คุณแม่แกเสียชีวิตคนนั้นคือใคร”
“ถ้าไม่ใช่ฉัน แล้วจะเป็นใครกันแน่”
หานฉ่ายหลิงรู้สึกยิ่งสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกคิดว่าตัวเองเป็นแบบนี้แล้ว ปล่อยให้ซูย้าวมีชีวิตที่ดีงามพร้อมบริบูรณ์ เธอทั้งคนเคืองใจจนจะตายแล้ว พอตอนนี้มาคิดดูดีๆ เหมือนยิ่งสนุกกว่าเดิมแล้ว
“ฉันเตือนแกหน่อยก็ได้ สิ่งที่ตามองเห็น ไม่ได้แปลว่าก็คือความจริง มีบางอย่างต้องดูจากภายนอกถึงสามารถเห็นแก่นแท้ได้ ส่วนฆาตกรที่ว่าคนนี้ ไม่แน่อาจจะปลอมตัวอยู่รอบตัวแกก็เป็นไปได้นะ!”
รอบตัว?
จู่ๆ ซูย้าวก็ตะลึง “แกรู้เป็นใครเหรอ”
หานฉ่ายหลิงมองเธอโดยการจงใจทำเป็นลึกลับ ยกมือขึ้นมาทำท่าให้หยุดพูดตรงข้างริมฝีปากช้าๆ กดเสียงให้ต่ำลง “ชู่ว์ แกฉลาดขนาดนั้น ก็ลองทายเองสิ หรือไม่ก็สืบเอาเองสิ! แต่ใครๆ ก็เล่ากันว่า นานๆ จะสับสนปนเปที บางครั้งความจริงที่ปรากฏขึ้นมามักไม่สมใจคนเลยนะ!”
พูดจบ เธอก็ลุกขึ้น และเวลาพบปะก็ถึงแล้วพอดีด้วย ตำรวจหญิงเข้ามาพาหานฉ่ายหลิงออกไป
เหลือแค่ซูย้าวคนเดียว นั่งนิ่งๆ อยู่ในห้องข้างๆ มองหานฉ่ายหลิงออกไป ใจดวงหนึ่งจมลงไปอย่างเหน็บหนาวเลย
ถ้าสมมติว่า แค่พูดว่าถ้าสมมติว่า หานฉ่ายหลิงไม่ใช่คนร้ายที่ทำคุณแม่เสียชีวิตจริงๆ อย่างนั้นแล้ว คนร้ายคนนี้ จะเป็นใครอีก
—-
คำพูดเหมือนยังคงอยู่ในหูอยู่
ลี่เฉินซีใส่หูฟังฟังบทสนทนาข้างในอยู่ จู่ๆ คิ้วที่ขมวดอยู่ก็บีบแน่นขึ้นมา เอาหูฟังออกช้าๆ โยนไปข้างๆ
หวางอี้ดูสีหน้าของเจ้านายผ่านกระจกมองหลังอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้เห็นพยับเมฆที่ลอยขึ้นมาบนใบหน้าหล่อของลี่เฉินซี เหมือนรู้สึกอะไรบางอย่างได้ เปิดปากพูดว่า “ประธานลี่ คุณซู…รู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม”
ดวงตาที่ปิดแน่นของผู้ชายสั่นเล็กน้อย กดความคิดที่วุ่นวาย ลงไป พอลืมตาขึ้นมาอีกทีดวงตาเย็นชาที่ดุร้ายก็กลับมาแจ่มใสอย่างสุขุมเยือกเย็นอีกครั้ง ครุ่นคิดได้สักพักแล้วจึงพูดว่า “หาคนไปแทนเรื่องนั้นให้ผ่านไป ให้เงินชดเชยเป็นสองเท่า”
หวางอี้พยักหน้า แต่ก็มีการลังเลอยู่เล็กน้อย “แต่คุณซูฉลาดขนาดนั้น กลัวแต่ว่าเธอจะไม่เชื่อ ถึงตอนนั้นถ้ายังสืบต่อไปอีก ก็คงปิดบังไม่ได้แล้ว…”
“ไปทำตามที่ผมสั่ง!” เสียงต่ำทุ้มเย็นชาของผู้ชายมืดมนสุดๆ มีความไม่ให้ปฏิเสธและสงสัย
หวางอี้ไม่กล้าพูดมากอะไรอีก ได้แต่รีบพยักหน้าและตอบตกลง