เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 567
Heave nand hell เป็นคลับเฮาส์ระดับไฮเอนด์ ที่เพิ่งจะเปิดในสองปีที่ผ่านมา และยังเป็นคลับส่วนตัวอีกด้วย
ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้าสุดหรู ภายนอกมองดูแล้วคล้ายกับโรงแรมทั่วๆ ไป แต่ภายในกลับดูโอ่อ่าและงดงาน พร้อมทั้งยังมีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราไว้อีกด้วย ในช่วงนี้เลยกลายเป็นแหล่งละลายทรัพย์ของพวกสังคมชั้นสูงไปโดยปริยาย
ลี่เฉินซีจอดรถไว้ใกล้กลับประตูหลังของคลับเฮาส์ คลิปวิดีโอเมื่อคืนวานถูกถ่ายจากที่นี่
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังหาเธอไม่เจอ ทางเดียวที่เขาทำได้ ก็คงต้องรออย่างเดียวเท่านั้น
เขาได้แต่หวังว่าลางสังหรณ์ของเขาจะถูก เธอจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งแน่ๆ
เวลาที่รอนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นก็มีสายจากหวางอี้โทรเข้ามาพอดี พร้อมกับรายงานข้อมูลที่เขาค้นเจอให้ฟัง
“ท่านประธานลี่ครับ ข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณอานหว่านชิงมีน้อยมากเลยครับ แต่มีอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นก็คือแม่ของเธอคือคุณอานโล๋ครับ”
นัยน์ตาสีเข้มของลี่เฉินซีตกตะลึงขึ้นมาทันที อานโล๋? !
นั่นไม่ใช่แม่แท้ๆ ของซูย้าวหรอกเหรอ?
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเธอไม่ได้เปลี่ยนชื่อหรือตัวตนอะไร เพียงแค่หันมาใช้แซ่ของแม่ก็เท่านั้น
พอคิดได้ดังนี้ ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว ตลอดสองปีมานี้เขาส่งคนออกไปตามหาซูย้าวมาตลอด แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเปลี่ยนไปใช้แซ่ของแม่ มิน่าล่ะเขาถึงหาเธอไม่เจอเลย
หวางอี้ยังบอกอีกว่า “นอกจากนี้ ข้อมูลของคุณอานหว่านชิงยังบอกอีกว่าเธอเติบโตมาในต่างประเทศเป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีในสาขาวิชาบัญชีของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด แล้วยังเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ นอกจากนี้ยังมีใบรับรองในระดับปริญญาโทอีกหลายใบ ส่วนข้อมูลการทำงานยังหาไม่พบครับ แต่ดูจากข้อมูลชีวประวัติแล้ว ดูเหมือนเธอจะแตกต่างจากคุณผู้หญิงโดยสิ้นเชิงเลยนะครับ”
จริงๆ แล้ว จากข้อมูลที่หวางอี้ค้นเจอ ก็ทำให้เขาประหลาดใจอยู่เช่นกัน
ถ้าดูจากข้อมูลเหล่านี้เพียงอย่างเดียว อานหว่านชิงกับซูย้าวดูเหมือนจะเป็นคนละคนกันเลย แต่พอเขาได้เห็นรูปภาพ เขาก็กลับมาลังเลอีกครั้ง
“ท่านประธานลี่ครับ ผมเจอภาพถ่ายของคุณอานอยู่หลายภาพใน ins เดี๋ยวผมส่งให้คุณดูนะครับ” หวางอี้พูดขึ้น พร้อมกับจัดระเบียบภาพเหล่านั้น แล้วส่งทั้งหมดมาให้เขาอย่างรวดเร็ว
ลี่เฉินซีวางสาย ก่อนจะเข้าไปดูรูปภาพเหล่านั้นในโทรศัพท์ ใบหน้าที่คุ้นเคยยังสวยงามเหมือนเดิม ไม่ต่างจากครั้งแรกในความทรงจำที่เขาพบเธอ แต่เธอที่อยู่ในภาพ มีรอยยิ้มที่อ่อนหวาน สวยงามราวกับดอกบัวงามสง่า มันช่างดูไม่คุ้นเคย……
สองปีที่ผ่านมานี้ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?
หรือบางทีผู้หญิงที่ชื่อ อานหว่านชิงคนนี้จะไม่ใช่ซูย้าวของเขา…
ถ้าหากยังไม่มีหลักฐานอะไรที่แน่ชัด ก็ไม่มีใครกล้าด่วนสรุป
โดยเฉพาะความรู้สึกของเขาในตอนนี้ มันเอาแต่ยึดติดอยู่กับเบาะแสนี้อย่างปล่อยไปไม่ได้
หวางอี้ยังส่งคนออกไปตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ ส่วนลี่เฉินซีก็นั่งอยู่ในรถ พร้อมกับเฝ้ารออย่างไร้จุดหมาย ต่อให้จะบอกว่ารอ แต่มันก็แค่เพื่อให้ส่วนลึกในหัวใจเขาที่กำลังสั่นไหวได้สัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างเท่านั้น จะเรียกว่าไม่ยอมแพ้ก็ได้
มันไม่ง่ายเลยที่จะรอจนได้รับข่าวคราวของเธอ ต่อให้มันจะเป็นข่าวปลอม แต่เขาก็เต็มใจที่จะรอ
และฟ้าดินก็ไม่เคยทำให้คนที่ตั้งใจต้องผิดหวัง
หลังจากที่รออยู่แบบนี้ สุดท้ายก็ได้ผลกลับมา
ตั้งแต่เช้าจนค่ำ เขายังนั่งพิงอยู่ที่เบาะรถ จนฟ้าเริ่มมืดลง พร้อมกับดูวิดีโอที่โม่หว่านหว่านส่งมาให้ เธอถ่ายตอนที่ซีซีกับลี่หมิงกำลังเล่นเกมด้วยกัน ในวันหยุดนี้เธอพาลูกๆ ของเขา ออกไปเล่นที่สนามเด็กเล่น พวกเขาพากันเล่นอย่างสนุกสนาน
ช่วงสองปีที่ผ่านมา เด็กๆ ไม่ได้มีแม่คอยอยู่ข้างๆ ด้านลี่เฉินซีเอง เขาก็ปฏิเสธที่จะรับผู้หญิงคนอื่น เข้ามาเหมือนกัน ดังนั้นโม่หว่านหว่านที่เป็นแม่ทูนหัว เธอจึงรับหน้าที่พาลูกๆ ของเขาออกไปเที่ยวเล่น แทบทุกอย่างที่ผู้เป็นแม่ต้องทำ เธอก็ทำให้เกือบทั้งหมด
เขาดูคลิปอย่างใจจดใจจ่อ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเล็กแหลมลอยผ่านหูเข้ามาโดยบังเอิญ
“โอ้ย!”
เป็นเสียงแหลมเล็กของหญิงสาว
สถานที่แบบนี้ ไม่ว่าจะเกิดเสียงอะไรขึ้น โดยเฉพาะตอนกลางคืน ก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไร
ลี่เฉินซียังคงไม่คิดอะไร เขาดูในโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ โม่หว่านหว่านส่งมาให้เขาเยอะมาก แล้วยังมีลี่เจิ้งอีก ลูกคนนี้ไม่ชอบสนามเด็กเล่นสักเท่าไร เขาเลยเอาแต่ล้อเลียนน้องชายกับน้องสาวของเขาไม่หยุด
“เถ้าแก่อู๋ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกนะคะ?” ในพื้นที่โล่งกว้าง เสียงราบเรียบของหญิงสาวคนนั้นดังขึ้นทำให้มันดูก้องกว่าปกติ
เบื้องหน้าของเธอมีผู้ชายอายุราวสี่สิบห้าสิบร่างอ้วนท้วม ถือมีดคมกริบอยู่ในมือ พร้อมกับจ้องไปยังหญิงตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา “บ้าเอ๊ย เมื่อคืนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงชั้นต่ำอย่างแก คนของฉันก็คงจะไม่โดนจับหรอก! แกรู้ไหมว่าฉันต้องเสียหายไปตั้งเท่าไร?”
“ใครบอกให้คุณทำงานค้าประเวณีแบบนี้ล่ะ? คุณรู้จักวิธีหาเงิน แล้วคุณเคยนึกถึงความรู้สึกของผู้หญิงพวกนั้นบ้างรึเปล่า ชีวิตของพวกเธอทั้งชีวิตต้องถูกคุณทำลาย!” หญิงสาวใช้เหตุผลโต้กลับ ท่าทางไม่ยอมคนของเธอเผยให้เห็นความดื้อรั้นในตัวเธอชัดเจน
เถ้าแก่อู๋กัดฟันอย่างโกรธเคือง เขาก้าวออกไปข้างหน้าหมายจะตบเธอ แต่หญิงสาวกลับหลบหลีกได้ทันพอดี ลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบวิ่งเข้ามาเพื่อจะช่วยรวบตัวเธอ แต่เธอหันหลังกลับ จากนั้นก็วิ่งหนีออกไป
และวินาทีที่เธอหันหลังกลับ ในความมืดมิด ลี่เฉินซีกวาดสายตามองไปทางต้นเสียงโดยบังเอิญ ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้สบตากัน เขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ
นั่นซูย้าว
เธอวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ชายฉกรรณ์สองสามคนที่อยู่ด้านหลังรีบวิ่งตามออกไปทันที ในตรอกที่ยาวเหยียดนี้เธอวิ่งได้เร็วมาก แต่ด้วยความที่ไม่ทันระวัง เธอสะดุดรองเท้าส้นสูง ทำให้ร่างทั้งร่างล้มลงไปกองกับพื้น
ชายสองคนที่วิ่งตามไปสบโอกาสพอดี รีบเข้าไปจับตัวเธอขึ้นมา ซูย้าวพยายามขัดขืน แต่ขาของเธอที่พึ่งประสบอุบัติเหตุมาเริ่มเจ็บจนแทบทนไม่ไหว บวกกับแขนของเธอที่ได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้า ซึ่งตอนนี้เลือดกำลังค่อยๆ ไหลซึมออกมา
ในระหว่างที่ดิ้นรน ร่างกายของเธอเจ็บจนแทบทนไม่ไหว แต่ทันใดนั้นเอง เถ้าแก่อู๋กลับพุ่งตัวเข้ามาไม่พูดไม่จายกมือตบหน้าเธอไปหนึ่งที “บ้าเอ๊ย ผู้หญิงชั้นต่ำ! แกไม่ใช่แค่ทำให้ฉันต้องเสียเงิน แต่แกมันยังเป็นสินค้าของปลอมอีกด้วย!”
ซูย้าวชะงักไปชั่วขณะ เธอหยุดดิ้นรนอย่างไม่มีเหตุผล ใบหน้าที่ถูกตบจนบวมของเธอหันไปมองทางชายคนนั้น “อะไรคือสินค้าของปลอม?”
“แกยังกล้าตอแหลอีกเหรอ? ถ้าเมื่อคืนนี้แกไม่หลอกฉันว่า บอสอานอะไรนั่นจะมาคุยเรื่องธุรกิจด้วย แกคิดว่าฉันจะมางั้นเหรอ? ถ้าฉันไม่มา แล้วก็ไม่ส่งคนพวกนั้นมาคอยอยู่กับแก ฉันก็คงไม่เสียหายขนาดนี้หรอก!”
เถ้าแก่อู๋ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่า บอสอานที่เขาคอยประจบประแจงมาตลอด ที่แท้จะเป็นผู้หญิง!
ตอนแรกเขานึกว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด แต่พอวันนี้ลองค้นดู กลับพบว่าเธอนั้นเป็นของปลอม!
สินค้าของปลอมทั้งชื่อทั้งแซ่!
เถ้าแก่อู๋เริ่มพูดมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงความโกรธของเขาก็เริ่มรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เขาเอื้อมมือออกไปอย่างไม่ลังเล พร้อมกับขยุ้มไปที่ผมยาวสลวยของซูย้าว ก่อนจะกระชากอย่างไม่ปรานี พร้อมกับยกมืออีกข้างขึ้นหมายจะตบเธอ “แกกล้าหลอกฉัน เพราะงั้นนี่คือจุดจบของแก ฉันจะไม่เสีย….”
ชายหนุ่มพ่นคำด่าออกมาไม่หยุด แต่ยังด่าไม่ทันจบ อยู่ๆ ก็ต้องหยุดชะงักลง
ร่างที่โอนเอนไปมาของซูย้าว อยู่ภายใต้การควบคุมของชายหนุ่มอีกสองคน แต่ความเจ็บปวดที่เธอคาดว่าจะเกิดขึ้นกลับหายไป เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความสงสัย ก่อนจะสังเกตเห็นท่าทางที่ตกตะลึงของเถ้าแก่อู๋
จากนั้น เธอก็รู้สึกถึงลมที่พัดมาอย่างมืดครึ้มอยู่ด้านหลัง ราวกับว่ามีซาตานกำลังผุดจากนรกก็ไม่ปาน ความเยือกเย็นที่น่าสะพรึงกลัวค่อยๆ บีบไล่เข้ามาเรื่อยๆ
ซูย้าวไม่ได้หันกลับไป แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าสรุปแล้วด้านหลังนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่ดูจากความรู้สึกของคนที่อยู่ตรงหน้า เหมือนกับว่าจะมีคนมา
เถ้าแก่อู๋หยุดชะงักไปชั่วขณะ พอมองไปยังร่างที่กำลังเดินย้อนแสงมา เขาอยากจะด่าต่ออีกสักสองสามประโยค แต่ก็ต้องหยุดไปอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายหยุดเดิน
เขาพยายามกะพริบตาถี่ๆ พร้อมกับจ้องไปยังปลายทาง จากนั้นเขาก็ต้องผงะไป “คุณ คุณคือ……ท่าน ท่านประธานลี่?”
สายตาที่เย็นชาของลี่เฉินซีกวาดมองไปทางชายวัยกลางคน ริมฝีปากบางของเขาขยับขึ้นเล็กน้อย “คุณรู้จักผมเหรอ?”
เถ้าแก่อู๋พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าที่ดุดัน มาเป็นรอยยิ้มที่กระอักกระอ่วนแทน พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่ถือว่ารู้จักกันหรอกครับ แต่เคยได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว เป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้พบคุณในวันนี้…”
เขายังคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์และการดึงความร่วมมืออยู่ การที่ได้เจอกับลี่เฉินซีแบบนี้ยังเป็นโอกาสให้เขาได้คุยเรื่องความสัมพันธ์ต่างๆ ถือเป็นโชคดีของเขา ถ้าสมมติว่าสามารถทำสัญญาสักอย่างด้วยกันได้ เท่ากับว่าเขาจะได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำ? !
แต่เมื่อยังพูดไปได้ไม่ถึงครึ่ง เถ้าแก่อู๋ก็ต้องชะงักไป เขาพึ่งสังเกตเห็นว่าในมือตัวเองยังหิ้วผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กำลังค่อยๆ ฟื้นตัว เขาจึงผลักเธอออกไปทางลูกน้องของเขาอย่างไม่แยแส
ร่างผอมบางของซูย้าวไม่สามารถต้านทานแรงของผู้ชายได้ บวกกับข้อเท้าที่ได้รับบาดเจ็บอีก เธอจึงเซไปอีกทางอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่พอถึงช่วงที่เธอกำลังเข้าไปใกล้บอดี้การ์ดสองคนที่คอยดูอยู่นั้น เธอกลับรู้สึกถึงแรงจู่โจมที่พุ่งผ่านเอวเข้ามาที่หน้าท้องของเธอ และในวินาทีต่อมา ร่างบางก็ถูกดึงให้หันกลับพร้อมกับถูกลี่เฉินซีโอบเอาไว้ในอ้อมแขน
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบโต้กลับทันที พวกเขาเอื้อมมือออกมาหมายจะคว้าตัวหญิงสาว แต่กลับถูกลี่เฉินซีถีบจนกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง