เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 573
ลี่เฉินซีค่อยๆโน้มตัวลงมาและพันธนาการเธอโดยใช้วิธีเผด็จการที่สุดในการนำตัวของซูย้าวมามาอยู่ในอ้อมกอดของตน
เธอพยายามสลัดเขาออก แต่ด้านหลังเป็นกำแพง ไม่สามารถถอยหนีไปได้ จึงต้องอยู่ในสภาพแบบนี้อย่างจนใจ เธอโผล่ศีรษะออกมาจากอ้อมกอดของเขาพลางพูดขึ้นว่า“ทำไมฉันถึงมีพี่ชายไม่ได้ล่ะคะ?”
สายตาของลี่เฉินซีเคร่งขรึมขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่สามารถมีพี่ชายได้ แต่ในความทรงจำของเขา เธอไม่มีพี่ชายจริงๆ……
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก้มลงมองเธอ“สองปีมานี้ คุณเจออะไรมาบ้างนะ?”
คงไม่ใช่แค่เปลี่ยนไปใช่แซ่ของแม่ เปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนสถานะแน่ๆ!
แม้ว่าเขาจะกำลังถามเธออยู่ แต่ว่าใบหน้าที่หล่อเหลาก็ขยับเข้ามาใกล้ บรรยากาศดูอ่อนโยน และจู่ๆก็เริ่มเร่าร้อน ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากทำให้ขยับตัวได้เพียงเล็กน้อย จนทำให้สามารถสัมผัสกลิ่นตัวของเขาได้ ……
เมื่อลมหายใจที่ร้อนระอุผสานกัน กลายเป็นไฟที่ลุกโซนขึ้น
ซูย้าวรู้สึกได้ว่าความรู้สึกจั๊กจี้ในอีกมุมหนึ่งของหัวใจตนค่อยๆปะทุขึ้น ……
ความรู้สึกแบบนี้ เธอยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน!ประสบการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ใบหน้าของเธอขาวซีด และค่อยๆกลายเป็นสีแดง
เธอกัดริมฝีปากแน่น มีเสียงกลืนน้ำลายเล็กน้อย “ฉันผ่านเรื่องราวอะไรมาเหรอคะ?คุณลี่ ฉันไม่ใช่ภรรยาเก่าของคุณที่คุณกำลังตามหาอยู่ ฉันแซ่อาน ไม่ใช่คนเดียวกันกับคุณซูที่คุณพูดถึง”
เธอพยายามปรับน้ำเสียงให้นิ่มนวลขึ้น ไม่ยอมสบสายตากับเขา สิ่งที่เธอต้องการหลบหลีกไม่ใช่สายตาของเขา แต่เป็นใจของเธอ
“หากคุณรักภรรยาเก่าของคุณจริงๆ ก็รอเธอต่อเถอะ หรือไม่ก็ไปตามหาเธอซะ!ฉันไม่ใช่เธอ อย่าเอาคนอื่นมาแทนที่เธอเลยค่ะ หากทำเช่นนี้มันไม่ยุติธรรมทั้งกับคุณ กับฉัน และกับเธอ”
แววตาของลี่เฉินซีเคร่งขรึมลง ไม่นานซูย้าวก็ใช้โอกาสนี้ในการหลบออกจากอ้อมกอดของเขา ใช้ความเร็วอย่างสูงสุดในการหลีกหนี
เงานั้นสับสนวุ่นวาย ราวกับไม่สามารถหาทิศทางได้ แม้แต่จังหวะก้าว ก็ยังคงอลหม่าน
ลี่เฉินซีมองไปที่เธออย่างไม่ละสายตา เขานิ่งเงียบไม่นาน จากนั้นก็ค่อยๆตามไป แต่ก็สายไปเสียแล้ว
ช้าไปเพียงเล็กน้อย บริเวณด้านนอกโรงพยาบาล เขามองดูซูย้าวขึ้นรถเก๋งคันสีดำ และขับผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว
ซูย้าวนั่งอยู่ภายในรถ หัวใจของเธอยังคงสับสน ใจของเธอยังคงเต้นระรัว
คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ผู้ชายคนนี้มีความสามารถในการกลั่นแกล้งคน ไม่แพ้ใครเลยจริงๆ……
ผู้ชายคนขับรถ ยังคงวัยรุ่น หน้าตาจัดว่าหล่อเหลา ผมสั้นดูสมาร์ท สายตาเหลือบมองไปยังเงาของผู้ชายที่อยู่ไม่ไกลนักผ่านกระจกหลัง จากนั้นจึงหันมามองผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างเบาะคนขับ แล้วจึงเอ่ยปากถามขึ้นอย่างเคารพว่า “คุณหนู ดูเหมือนว่าแผนการที่วางไว้จะราบรื่นดีนะครับ”
ซูย้าวถอนหายใจยาวเบาๆ พลางก้มหน้าตีหน้าตาย“ใช่แล้ว ถือว่าติดกับดักแล้ว ……”
ขณะที่เธอพูดขึ้น สายตาเคร่งขรึมเหลือบมองไปที่กระจกหลัง มองไปยังเงาที่ค่อยๆเลือนหายไป พลางถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อยทั้งๆที่ทุกอย่างก็ดำเนินตามแผนที่เธอวางไว้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมก้นบึ้งของหัวใจของเธอมีความรู้สึกบางอย่างแปลกๆ?
ผู้ชายที่นั่งอยู่บริเวณเบาะคนขับข้างๆเธอ รับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติ จึงถามขึ้นว่า “คุณหนู?คุณโอเคไหมครับ?”
ซูย้าวพูดเพียงว่า“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่เหนื่อยนิดหน่อย อาตง พาฉันไปส่งที่โรงแรมเถอะ!”
“ครับ”
อาตงกับอาเจว๋ทั้งสองคนนี้อายุไม่ห่างกันมาก เป็นบอดี้การ์ดและผู้ช่วยที่พี่ชายจัดเตรียมไว้ให้ และอยู่ข้างกายเธอมานานแล้วและสองปีมานี้ก็รับผิดชอบดูแลและปกป้องซูย้าว
เมื่อคิดถึงพี่ชาย ซูย้าวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างลังเล นิ้วมือเลื่อนไปยังบันทึกการโทร มองดูหมายเลขบนโทรศัพท์ที่อยู่ด้านบนสุดครุ่นคิดว่าจะโทรไปดีหรือไม่
แต่ว่าไม่นาน เธอก็ตัดสินใจล้มเลิกความคิด
เรื่องบางเรื่องยังไม่สามารถยืนยันได้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งให้พี่ชายทราบก่อน ไว้ค่อยว่ากันก็แล้วกัน
รถเคลื่อนผ่าน ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ช่วงกลางวันแสงแดดจ้าเซ็นทรัลสแควร์บริเวณลานน้ำพุ ผู้คนบริเวณโดยรอบขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสายงดงามราวกับภาพการ์ตูนค่อยๆเคลื่อนผ่านสายตาของซูย้าว เธอหันไปหาชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆพลางกำชับชายหนุ่มว่า“จอดรถ”
อาตงตะลึงงัน“ตอนนี้?”
ซูย้าวไม่มีการตอบสนองกลับ เพียงแต่ยืนหยัดอย่างไม่ลังเล
อาตงไม่กล้าที่จะซักถามต่อ พลางรีบจอดรถข้างทาง ส่วนเธอก็รีบผลักประตูออกแล้วลงจากรถ
อีกทางด้านหนึ่ง ลี่เฉินซีออกมาจากโรงพยาบาล เมื่อขึ้นมาบนรถก็ยังไม่ได้สตาร์ทรถในทันทีแต่กลับโทรศัพท์หาหวางอี้ เมื่อรับสายเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“สรุปข้อมูลของเธอตรวจสอบมายังไงกันแน่?”
หวางอี้ตะลึงงัน แม้ว่าจะเข้าใจว่าคำว่า‘เธอ’ในความหมายของเจ้านายนั้นหมายถึงใคร หลายปีมานี้คนที่สามารถทำให้เจ้านายรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย เห็นจะมีเพียงซูย้าวคนเดียวเท่านั้น
เขารีบหยิบเอกสารที่เคยตรวจสอบก่อนหน้านี้ขึ้นมา พลางเปิดอ่านไปมาอยู่หลายครั้ง และเหมือนว่าจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงรีบพูดขึ้นว่า“ขอโทษครับประธานลี่ ดูเหมือนว่าจะละเลยคนคนหนึ่งไป คุณอานยังมีญาติสนิทอีกหนึ่งคน เป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องกับเธอ แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงใช้แซ่ของมารดา ชื่อว่าอานเจียเย้นเป็นประธานกรรมการบริหารของDouble Aceกรุ๊ป”
สักพักหนึ่ง เขาก็พลิกเอกสารต่อ แต่กลับขมวดคิ้ว“แต่ว่า สำหรับอานเจียเย้นคนนี้แล้ว เบื้องหลังค่อนข้างซับซ้อน ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้มีไม่มากนัก มีเพียงชื่อและสถานะ แม้แต่รูปสักใบก็ไม่สามารถตรวจสอบได้”
ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้ มีคนตั้งใจที่จะปกปิด ตั้งใจที่จะไม่ให้ใครสามารถค้นหาข้อมูลได้ ราวกับกำลังปิดบังเรื่องที่เลวร้ายอยู่ ดูลึกลับจนทำให้คนรู้สึกเกิดความสงสัย
หน้าตาหล่อเหลาของลี่เฉินซีเงียบขรึมและเย็นชา“มีข้อมูลอะไรที่ตกหล่นเหรอครับ?”
หวางอี้พลิกข้อมูลไปมา แล้วจึงพูดว่า“แม่ของอานเจียเย้น เป็นพี่สาวแท้ๆของอานโล๋ที่มีชื่อว่าอานชิน เมื่อสามสิบปีที่แล้ว เสียชีวิตเพราะอาการป่วย และข้อมูลหลังจากนั้นก็หาไม่พบแล้ว”
น้ำเสียงของลี่เฉินซีเย็นชา“ยังมีคนอื่นอีกไหม?”
“ไม่มีแล้วครับ ญาติของคุณอานก็เห็นมีแต่ลูกพี่ลูกน้อง”หวางอี้พูดขึ้น
ลี่เฉินซีสูดหายใจเข้าลึก แล้ววางสายโทรศัพท์ลง
อานเจียเย้นเป็นใครกัน?
ตอนนั้นคนที่พาซูย้าวไป คือ ชอลพุซกับJock ข้อมูลของสองคนนี้ตรวจสอบไม่พบ อีกทั้งตอนนี้พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องโผล่มาอีกหนึ่งคน?
ลี่เฉินซีนั่งพิงพนักเก้าอี้ พลางยกนิ้วขึ้นมาคลึงที่บริเวณหัวคิ้ว ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะมีคนวางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่า ฝ่ายตรงข้ามซ่อนซูย้าวไว้ถึงสองปี แต่ตอนนี้กลับปล่อยให้เธอออกมา มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เขารับสายโทรศัพท์ น้ำเสียงของโม่หว่านหว่านดังขึ้นอย่างร้อนใจ“ไม่ดีแล้วเฉินซี ขอโทษด้วยนะคะ ซีซีหายตัวไปแล้ว!”
ลี่เฉินซีตะลึงงัน“คุณว่าอะไรนะครับ?”
น้ำเสียงของโม่หว่านหว่านสะอึกสะอื้น ร้อนใจอย่างที่สุด “เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง ฉันสะเพร่า หันหลังเพียงไม่นานซีซีก็หายไปแล้ว!”
หัวใจของลี่เฉินซีถูกบีบรัดแน่น เขารีบสตาร์ทรถอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ถามขึ้นว่า“ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน?”
“เซ็นทรัลสแควร์ บริเวณลานน้ำพุ……”
เขาวางสายลง แล้วรีบขับรถอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงเซ็นทรัลสแควร์ ก็เห็นโม่หว่านหว่านพาลี่หมิงออกตามหาน้องสาวอย่างรีบร้อนแต่ไกล
ลี่เฉินซีเดินเข้ามาด้านหน้า เมื่อโม่หว่านหว่านเห็นเขา ก็รีบวิ่งเข้ามา ซึ่งเดิมทีคนท้องก็เคลื่อนไหวร่างกายไม่ค่อยสะดวกอยู่แล้ว แต่ร่างกายที่อุ้ยอ้ายก็ยังคงวิ่งเยาะๆเข้ามา เมื่อเข้ามาใกล้ก็หอบฟี๊ดๆ“ซีซีหายไปจากตรงนี้!”
เมื่อพูดจบก็เริ่มโทษตัวเอง“เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง ควรที่จะระมัดระวังมากกว่านี้ เป็นความผิดของฉันเอง ฉันสะเพร่าเกินไป!”
ลี่เฉินซีไม่อยากที่จะตำหนิโม่หว่านหว่าน จึงพูดปลอบใจขึ้นสองประโยค“ไม่เป็นไร ซีซีเป็นเด็กรู้ประสามาตลอด คงไม่เดินเถลไถลไปไหน ก็คงจะอยู่ใกล้ๆนี่แหระ เดี๋ยวผมไปหาก่อนนะครับ”
ขณะที่เขาพูดลี่หมิงก็ยื่นมือออกมากุมมือของเขาไว้“พ่อครับเป็นเพราะผมไม่ดีเอง ดูแลน้องสาวไม่ดี……”
ชายหนุ่มเมื่อใจอ่อนก็ลูบที่ศีรษะของลูกชาย“ไม่ใช่ความผิดของหมิงเอ๋อ เด็กดี อยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนแม่บุญธรรมนะลูก ร่างกายของเธอเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวก อย่าให้เธอเดินไปไหนล่ะ เดี๋ยวพ่อไปตามหาซีซีก่อน”
ขณะที่เขาพูด ก็รู้สึกเป็นห่วงทั้งสองคนนี้ จึงได้กำชับอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินไปทางอื่น