เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 581
หญิงวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่และดูแข็งแรง ถูกซูย้าวผลักออกไปอย่างง่ายดาย โดยที่เธอไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย
ซูย้าวคว้าแขนของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ถึงแม้ว่าเธอจะดูเป็นผู้หญิงอ่อนแอ แต่หญิงวัยกลางคนก็รู้ดีว่า จริงๆ แล้วแรงนั้นมันมหาศาลพอที่จะบดขยี้กระดูกของหล่อนได้เลยทีเดียว!
หญิงวัยกลางคนไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้มาจากไหน เธอวิ่งเข้ามาขวางสถานการณ์เอาไว้ ขณะที่นักข่าวด้านหลัง ต่างก็พากันชูกล้องบันทึกภาพขึ้นมาถ่ายอย่างตื่นเต้น ทุกคนต่างก็ถ่ายกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่มีใครห่วงว่าใครจะเป็นจะตายเลยแม้แต่น้อย
“แกเป็นใคร? แกเข้ามายุ่งทำไม!” หญิงวัยกลางคนตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด น้ำเสียงของหล่อนโกรธเคือง อีกทั้งอย่างขุ่นเคืองมากอีกด้วย
ซูย้าวนิ่งเงียบ และจู่ๆ ก็มีรอยยิ้มเย้ยหยันและขบขันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่สดใสของเธอ เธอมองตรงไปที่อีกฝ่าย จากนั้นก็เปิดปากพูดออกมาช้าๆ ว่า “ถ้าฉันไม่หยุดคุณเอาไว้ คุณก็จะบีบคอหล่อนจนตายจริงๆ ไม่ใช่รึไง?”
และในขณะที่เธอพูด เธอก็หันไปมองใบหน้าที่แดงก่ำ พร้อมกับไอออกมาอย่างหนักของโม่หว่านหว่านด้วย
หญิงวัยกลางคนสะดุ้งตกใจ ยังไม่ทันที่หล่อนจะพูดอะไรออกมา ซูย้าวก็พูดออกไปเสียก่อนว่า “คุณดูไม่ออกเลยรึไงว่าหล่อนกำลังตั้งท้องอยู่? และหล่อนก็ใกล้จะคลอดแล้วด้วย ถ้าคุณทำร้ายหล่อน ก็หมายความว่าคุณกำลังลงมือฆ่าพวกเขาทั้งสองชีวิต พวกเราต่างก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ให้อภัยกันไม่ได้เลยรึไง? ”
“แกพูดอย่างกับว่ามันง่าย แล้วใครจะมาปกป้องสิทธิของพวกเราล่ะ? ถ้าไม่ใช่สามีของหล่อน…”
หญิงวัยกลางคนยังคงพูดออกมาอย่างโกรธแค้น ซูย้าวจึงพูดขัดออกไปอีกครั้ง และความเร็วในการพูดของเธอมันก็บดขยี้อีกฝ่ายได้อย่างหมดจดเลยทีเดียว “คุณก็รู้ว่า จริงๆ แล้วคนที่ต้องรับผิดชอบ ก็คือสามีของหล่อน ไม่ใช่หล่อน แล้วทำไมคุณถึงมาทำร้ายคุณนายลู่อีกล่ะ?”
น้ำเสียงของซูย้าวลดลงเล็กน้อย เธอกวาดสายตาจ้องมองไปที่ผู้คนที่ยืนมุงกันอยู่บริเวณนี้ โดยเฉพาะพวกนักข่าวที่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างตื่นเต้น เธอจ้องมองไปที่กล้องบันทึกภาพของพวกเขา จากนั้นก็พูดออกไปพลางขมวดคิ้วมุ่นว่า “ความชั่วร้าย บาปกรรม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชั่วร้าย ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ไม่ว่าพวกคุณจะรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม หรือรู้สึกไม่พอใจมากแค่ไหน ก็ขอให้พวกคุณค้นหาคดีเจอและได้รับความเป็นธรรม แต่ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย”
หลังจากที่พูดจบ ซูย้าวก็ยกมือขึ้นเพื่อบังกล้องบันทึกภาพที่อยู่ใกล้ๆ “อย่าถ่ายนะ ถ้าวิดีโอพวกนี้ถูกเผยแพร่ออกอากาศไป ประธานลู่ก็จะรู้ว่าพวกคุณทำอะไรภรรยาของเขาเอาไว้บ้าง แล้วผลที่จะตามมา… ”
ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ซูย้าวบอก เพราะตอนนี้สีหน้าของพวกนักข่าวต่างก็พากันก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที ทุกคนต่างก็หันไปมองหน้ากัน และในที่สุดก็พวกเขาก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร จากนั้นพวกเขาก็กระจายตัวออกไปทันที
และหลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็กระจายตัวออกไปเกือบหมด ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ซูย้าวและโม่หว่านหว่านสองคนเพียงเท่านั้น
ซูย้าวมองไปทางหญิงสาวที่กำลังก้มลงมองหน้าท้องที่ยื่นออกมาของตัวเอง เธอขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็เตรียมตัวที่จะก้าวเดินออกไป แต่จู่ๆ ฝีเท้าของเธอก็หยุดชะงัก เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับโม่หว่านหว่านว่า “ฉันไม่ได้ช่วยเธอ ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
ถ้าจู่ๆ เกิดการฆาตกรรมขึ้นที่นี่จริงๆ ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างที่เธอทำลงไป มันก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
หลังจากนั้น เธอก็เหลือบไปมองที่โม่หว่านหว่านด้วยสายตาเย็นชา ท่าทางของหล่อนไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ตัวของหล่อนสั่นไปทั้งตัว ส่วนเหงื่อที่ผุดออกมาบริเวณหน้าผากก็มีขนาดใหญ่เท่าเมล็ดถั่ว อีกทั้งมันยังไหลออกมาไม่หยุด
ดวงตาของซูย้าวหม่นลง ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์คนหนึ่ง อีกอย่างท้องก็ใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีเรื่องอะไรแต่กลับวิ่งมาในที่แบบนี้ หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นภรรยาของเศรษฐี และทำอะไรตามใจตัวเองโดยที่ไม่เกรงกลัวใครเลยจริงๆ เหรอ?
ผู้หญิงคนนี้โง่จริงๆ เลย
แต่ผู้หญิงที่โง่เง่าบนโลกใบนี้ จะมีเพียงแค่โม่หว่านหว่านคนเดียวรึเปล่านะ? ซูย้าวถอนหายใจออกมาอย่างขมขื่นและได้แต่ส่ายหัว และเธอก็ไม่ได้พูดประโยคหลังต่อ จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป
แต่ฝีท้าวที่กำลังจะก้าวเดินออกไปนั้น กลับต้องหยุดชะงักลง
ความจริงแล้วเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุด แต่เธอถูกอะไรบางอย่างขวางกลั้นเอาไว้ต่างหาก
ซูย้าวก้มลงไปมองด้วยความประหลาดใจ และเธอก็เห็นโม่หว่านหว่านที่ทรุดตัวลงไปกองกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ หล่อนใช้แรงเฮือกสุดท้าย พยายามจับขากางเกงของเธอเอาไว้แน่น ใบหน้าของหล่อนซีดเซียว อีกทั้งยังดูอ่อนแรง และเหมือนกับคนที่กำลังจะหมดลมหายใจ “ฉัน ดูเหมือนว่าฉันกำลังจะคลอดแล้ว ช่วยฉันด้วย…”
คำพูดที่แฝงไปด้วยความอ่อนแรง ทำให้ซูย้าวขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง และเธอก็สังเกตเห็นว่าใต้ร่างของหล่อนมีน้ำไหลออกมาเปียกเป็นวงกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ ดูเหมือนว่าน้ำคร่ำของหล่อนจะแตก
ซูย้าวค่อยๆ หันหลังกลับมาอย่างช้าๆ เธอจ้องมองไปที่หล่อน และถอนหายใจออกมา “เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งจะช่วยเธอ เพราะเหตุผลอื่น เธอรู้รึเปล่า?”
เธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาอีกว่า “ฉันไม่ได้มีหน้าที่มาดูแลเธอ เธอติดต่อสามีของเธอเถอะ!”
หลังจากที่พูดจบ ซูย้าวก็ปัดมือของโม่หว่านหว่านออกอย่างเย็นชา และก้าวเดินออกไปข้างหน้า
แต่ยังเดินไปไม่ถึงสองก้าว ก็มีเสียงเรียกขึ้นมาจากทางด้านหลัง “ซูย้าว…”
มันเป็นเพียงแค่เสียงเรียกเบาๆ และเสียงที่ไม่คุ้นเคยนั้นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เสียงนั้นมันกลับทำให้เธอต้องหยุดเดินอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ซูย้าวหันกลับมา และจ้องมองไปที่โม่หว่านหว่านด้วยความรู้สึกลังเล “เธอก็รู้จักคนที่ชื่อซูย้าวด้วยเหรอ?”
ขณะที่เธอพูด คิ้วของเธอก็เลิกขึ้น ทำไมดูเหมือนว่าทุกคนถึงรู้จักผู้หญิงที่ชื่อซูย้าวคนนี้ล่ะ? พวกเธอมีความคล้ายคลึงกันมากขนาดนั้นเลยเหรอ!
โม่หว่านหว่านทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ตอนนี้ความเจ็บปวดภายในร่างกายของหล่อนมันเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งไปกว่านั้น หล่อนยังอยากจะปกป้องเด็กในท้องของหล่อนเอาไว้ หล่อนจึงยื่นมือออกไปตรงหน้าของซูย้าว “ช่วยฉันด้วย… ลูกของฉัน ซูย้าว ขอร้องล่ะ…”
ใบหน้าที่เฉยเมยของซูย้าวไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา เธอมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับหรี่ตาลง
และสุดท้าย เธอก็หันหลังกลับไป โม่หว่านหว่านที่นอนอยู่บนพื้น มองตามร่างของเธอไปอย่างล่องลอย ความโศกเศร้าและความเสียใจภายในใจของหล่อนพันกันยุ่งเหยิงไปหมด หล่อนหลับตาลง ทำไมซูย้าวถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้นะ…
หล่อนอยากจะติดต่อไปหาลู่ส้าวหลิง แต่เนื่องจากการกระจายตัวของฝูงชนเมื่อสักครู่นี้ หล่อนจึงหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองไม่เจอ บางทีอาจจะเป็นเพราะการเบียดเสียดของฝูงชนเมื่อสักครู่นี้ โทรศัพท์ของหล่อนจึงหล่อนหายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
ตอนนี้หล่อนควรจะทำยังไงดีล่ะ?
สถานที่แห่งนี้เป็นไซต์งานก่อสร้าง เนื่องจากมีนักข่าวมาสัมภาษณ์และมีการรายงานข่าว การก่อสร้างจึงถูกระงับไป และคนงานก็ออกไปจากที่นี่ตั้งนานแล้ว แทบจะไม่มีคนเข้ามาที่นี่ และมีคนผ่านไปผ่านมาเพียงไม่กี่คน
โม่หว่านหว่านอดทนกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่บริเวณท้องน้อยของตัวเอง หล่อนพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะลุกขึ้น แต่ด้วยความที่หล่อนใกล้จะคลอดแล้ว เพราะอย่างนั้นร่างกายของหล่อนจะมีกำลังมากพอขนาดนั้นได้อย่างไร หล่อนทำได้เพียงแค่พยุงตัวลุกขึ้น จากนั้นก็เดินไปทางประตูทางออกด้วยความยากลำบาก
หล่อนไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะที่นี่ไม่มีคนมาทำงานเลยแม้แต่คนเดียว มีรถคาเยนน์สีดำคันหนึ่งขับมาจากระยะไกลด้วยความเร็วสูง จากนั้นมันก็หยุดลงที่ข้างหล่อน
ประตูรถถูกเปิดออก ซูย้าวก้าวลงมาจากรถด้วยใบหน้าที่เย็นชา เธอเดินเข้ามาช่วยพยุงหล่อนให้ลุกขึ้น และในขณะที่เธอช่วยหล่อนให้ขึ้นไปนั่งในรถ เธอก็พูดออกไปว่า “เธอเป็นแบบนี้แล้วยังวิ่งมาที่นี่อีกทำไม? แล้วสามีของเธอไม่สนใจเธอเลยรึไง?”
ใบหน้าที่เจ็บปวดของโม่หว่านหว่านซีดเผือด แต่หล่อนก็ใช้กำลังเพียงน้อยนิดของตัวเอง จับมือของเธอเอาไว้ “ยังมีเธออยู่ไม่ใช่เหรอ? ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางทิ้งฉันไปหรอก… ”
ซูย้าวถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็หายใจเข้าลึกๆ และพาหล่อนเข้าไปนั่งที่เบาะหลังอย่างรวดเร็ว เธอดันประตูรถให้ปิดลง และบ่นพึมพำออกมาว่า “ฉันก็ไม่ได้อยากจะช่วยเธอนักหรอก เข้าใจไหม!” ”
รถแล่นไปตามทาง และเมื่อผ่านไปได้ครึ่งทาง สถานการณ์ของโม่หว่านหว่านก็เริ่มแย่ลง ร่างกายของหล่อนอ่อนแอขึ้นมาอย่างผิดปกติ และปริมาณเลือดก็ไหลออกมากโดยที่ไม่รู้ตัว และมันก็ย้อมเบาะรถเป็นสีแดงไปหมดแล้ว จากนั้นมันก็ไหลหยดลงไปด้านล่างอย่างช้าๆ เมื่อเห็นภาพนั้นมันก็ให้ความรู้สึกน่าตกใจมากจริงๆ
ซูย้าวมองกระจกมองหลังเพื่อดูสถานการณ์ของหล่อน จากนั้นก็เอ่ยปากเตือนสติหล่อนออกไปอย่างร้อนรนว่า “เธอไม่อยากช่วยลูกของเธอแล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอขอร้องให้ฉันช่วยลูกของเธอรึไง? เธออดทนอีกนิดหนึ่ง อีกเดี๋ยวก็จะถึงโรงพยาบาลแล้ว!”
บนถนนมีรถติด เพราะอย่างนั้นเธอจึงเปลี่ยนเส้นทาง หลังจากที่วิ่งฝ่าไฟแดงไปสองสามจุด สุดท้ายพวกเธอก็มาถึงโรงพยาบาลในเมือง และทันทีที่พวกเธอมาถึงแผนกฉุกเฉิน หมอก็ผลักเตียงของโม่หว่านหว่านเข้าไปในห้องคลอดทันที
ทางด้านของซูย้าว เธอก็ถูกตำรวจจับกุมตัว และเมื่ออธิบายเรื่องทุกอย่างให้ตำรวจฟังแล้ว เธอก็ได้รับใบสั่งมาสองใบ
เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเมื่อเธอขึ้นไปที่ห้องคลอดที่อยู่ชั้นบน ก็มีพยาบาลคนหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องคลอดพอดี เมื่อหล่อนเห็นเธอ หล่อนก็ถามออกมาว่า “ขอโทษนะคะ คุณเป็นญาติของโม่หว่านหว่านรึเปล่าคะ?”
ซูย้าวตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่รู้จักเธอ”
พยาบาลถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง และถามออกไปอีกว่า “งั้นขอถามหน่อยนะคะว่าคุณชื่อซูย้าวรึเปล่า?”
เธอตกใจขึ้นมาอีกครั้ง และอยากที่จะปฏิเสธออกไป แต่พยาบาลอีกคนที่วิ่งออกมาจากห้องคลอด ก็วิ่งเข้ามาจับที่แขนของเธอเอาไว้ด้วยความกังวล “คุณแม่เสียเลือดมาก และสถานการณ์ตอนนี้ก็ฉุกเฉินมากค่ะ คุณแม่ขอร้องให้คุณเข้าไปด้านในด้วยค่ะ คุณตามฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้เลยนะคะ!”
ซูย้าวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พยาบาลรีบร้อนเกินกว่าจะใส่ใจกับปฏิกิริยาของเธอ หล่อนจึงลากให้เธอเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
หลังจากที่เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าปลอดเชื้อแล้ว พยาบาลก็เดินเข้ามาขวางซูย้าวเอาไว้อีกครั้ง “ทางเราได้ติดต่อกับญาติของคุณแม่เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณผู้หญิงคะ ไม่ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับคุณแม่ท่านี้จะเป็นยังไง แต่สถานการณ์ของคุณแม่ตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ถ้าหากว่าเป็นไปได้..โปรดให้ความร่วมมือกับทางเราด้วยนะคะ!”