เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 587
มีคนใจใน
หลังจากที่ลี่เฉินซีพูดประโยคนั้นออกไป สายตาที่เย็นชาของเขาก็จ้องมองเธอราวกับดาบที่แหลมคม สีหน้าและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโหนั้น ราวกับว่าถ้าเธอพูดว่า’ใช่’หรือว่าพยักหน้าแค่เล็กน้อย เขาก็จะทำอะไรทันที
แต่ความจริงก็คือ ซูย้าวยังไม่มีคนในใจ เธอแค่ไม่อยากพัวพันกับเขาแบบนี้ก็แค่นั้น!
เธอมองไปที่เขาอย่างมีสติสัมปชัญญะ “พูดไม่ได้ว่ามีคนในใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะเลือกอะไรอย่างไม่มีสติ”
จะเอาความสุขทั้งชีวิตของตัวเองไปทิ้งเพื่อบรรลุจุดเป้าหมายบางอย่างไม่ได้!
ในความเข้าใจของเธอ เธอยังไม่เข้าใจว่าลี่เฉินซีเป็นคนยังไงกันแน่ จู่ๆก็บอกว่าจะขอเธอแต่งงาน เหลวไหลเกินไปแล้ว!
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว ความโมโหบนใบหน้าอันหล่อเหลาลดลงไปไม่น้อย แต่เขากลับพูดว่า “อะไรคือเลือกอย่างไม่มีสติ?”
เลือกเขาก็คือไม่มีสติ? !
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ยืนอยู่ข้างเธออย่างสงบ “ผมก็ไม่เลวไม่ใช่เหรอ?มีเงิน มีอำนาจ หน้าตาดี และที่สำคัญก็คือ……”
ลี่เฉินซีจงใจโน้มตัวลงไป ใบหน้าอันหล่อเหลาเข้าไปใกล้ๆหูของเธอ กระซิบด้วยเสียงเบาๆที่มีแค่คนสองคนที่ได้ยิน คำพูดที่ออกมาจากปลายลิ้น ความเย้ายวนที่มีเสน่ห์ก็ลอยเข้ามา “เรื่องนั้น ผมก็สามารถทำให้คุณพอใจได้”
ซูย้าวรู้สึกเย็นยะเยือก หัวใจอันน่าเกรงขามของเธอก็เต้นแรง เธอเดินออกมาข้างๆเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว “คุณลี่ คุณไม่ได้แค่ทะลึ่ง คุณยัง……ยัง……”
เธอเกือบจะพูดออกมาว่า’ไร้ยางอาย’ แต่กลับถูกเขาค่อยๆขัดจังหวะ “ยังอะไร?”
เขาจงใจจับมือเล็กๆของเธอมาวางบนหน้าอกของตัวเอง “ยังจะบอกว่าผมไร้ยางอาย?แต่มันใช่ความจริงใจรึเปล่า คุณสัมผัสเอาเอง”
ระหว่างชุดสูทและเสื้อเชิ้ตทำมือที่มีเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยม กล้ามที่แข็งแรงของเขาช่างสมบูรณ์แบบ สัมผัสได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญก็คือ การเต้นของหัวใจที่แข็งแรง เต้นดัง’ตึกตึก’
ซูย้าวหดมือเล็กๆกลับมาตามสัญชาตญาณ แก้มที่เขินอายของเธอแดงตั้งนานแล้ว ราวกับมะเขือเทศลูกเล็ก ยิ่งทำให้เขาเกิดอารมณ์ฮึกเหิม
“คุณพอได้แล้ว!” เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และเดินผ่านเขาไปโดยอย่างรวดเร็ว เดินออกไปแล้วก็เร่งฝีเท้าเดินไปที่ข้างถนน
ลี่เฉินซีไม่ได้ไล่ตามเธอไป เขาแค่มองดูเธออย่างเงียบๆ ท่าทางตื่นตระหนกของเธอทำให้เขายิ้มอีกครั้ง
เรื่องบางเรื่องไม่ควรเร่งรีบเกินไป ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ให้มีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน
ซูย้าวรีบขึ้นรถให้เร็วที่สุด ขับไปบนถนนจนกระทั่งมาอยู่บนถนนสายหลัก หัวใจที่ปั่นป่วนของเธอยังคงเต้นแรงและยากที่จะสงบลง
ลี่เฉินซีผู้ชายคนนั้น เขาเป็นอะไรกันแน่?
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกับเธอ เขาก็ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้ยิ่งได้คืบจะเอาศอก!
ซูย้าวคิดเอาเองว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้เธอก็ได้ติดต่อกับนักธุรกิจหลายคน ทักทายผู้คนในวงการธุรกิจกับอานเจียเย้นเธอเคยเจอกับผู้คนมาแล้วมากมาย มีคนแสดงความปรารถนาดีต่อเธอ มีคนอยากจะจีบเธอ แต่ก็ไม่มีใครเหมือนเขาแบบนี้!
เธอถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามขจัดความรู้ความเข้าใจและความคิดทั้งหมดที่เกี่ยวกับลี่เฉินซีออกไปจากสมองให้หมด ราวกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้ เธอรีบยกมือขึ้นมาเช็ดปากอย่างแรง
ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยสะอาด เธอหันไปค้นกระเป๋าที่อยู่ตรงเบาะข้างๆ เอาทิชชู่เปียกออกมาหนึ่งแผ่น เช็ดปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอขับรถกลับไปที่โรงแรมพร้อมกับคิดฟุ้งซ่าน ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา
ซูย้าวไม่ได้ดูจอ เธอใช้บลูทูธรับโทรศัพท์โดยตรง พอรับสาย เสียงของผู้ชายอีกฝั่งที่มีกลิ่นอายของแอลกอฮอล์ก็ดังขึ้นมา ” ชิงชิง”
เธอตกใจและเรียกออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว “พี่”
อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร อานเจียเย้นที่กำลังเอนหลังพิงในเก้าอี้หนังที่สวยงาม ห้องทำงานที่หรูหราราวกับพระราชวัง ตกแต่งไปด้วยสีอ่อนๆสะอาดสะอ้าน
เขานั่งไขว่ห้างอย่างสง่างาม ถือบุหรี่อยู่ในมือและสะบัดขี้เถ้าลงที่เขี่ยบุหรี่ข้างๆ “เรื่องที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?”
ซูย้าวตอบกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ “โอเคนะ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม คงจะไม่ยาก”
อานเจียเย้นยิ้ม “รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องไม่มีปัญหา พักผ่อนด้วยนะ สุขภาพของเธอก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา”
ความห่วงใยและคำตักเตือนของเขา ซูย้าวคุ้นชินตั้งนานแล้ว เธอรับปากไปตามปกติ แต่ผ่านไปสักพักเธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เธอพูดติดๆขัดๆอย่างลังเล “พี่ เอ่อคือ……”
อานเจียเย้นรู้สึกได้ถึงความลำบากใจของเธอ เขาจึงรีบถามว่า “เป็นอะไรไป?”
ซูย้าวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง กำมือที่ถือพวงมาลัยไว้แน่น “ถ้าเป็นไปได้ ให้คนอื่นมาจัดการได้ไหม?”
เธอเงียบไปชั่วคราว กังวลว่าอานเจียเย้นจะไม่วางใจจึงพูดต่อว่า “ฉันจัดการไว้หมดแล้ว มันน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ให้คนอื่นมาจัดการก็คงจะง่ายดายมากกว่า”
ฝั่งของอานเจียเย้นเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงเวลาของการรอคอย สำหรับซูย้าวแล้วมันราวกับผ่านไปเป็นศตวรรษ และในที่สุด ก็ได้ยินคำตอบของเขา “ได้มันก็ได้ แต่ว่าชิงชิง เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอ?”
“ไม่ใช่……” ซูย้าวไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เขาฟังยังไง น้ำเสียงของเธอกระสับกระส่าย
คงจะบอกพี่ไปตรงๆไม่ได้ว่าลี่เฉินซีไร้ยางอาย มักจะหยอกล้อตัวเองอยู่เสมอ เธอจึงอยากจะถอยออกมา อยากจะหนีออกมา?!
มันน่าอายเกินไป เธอไม่อยากพูดออกมา
จากนั้น ซูย้าวก็ไม่รอให้อานเจียเย้นพูดอะไร เธอรีบพูดต่อ “เหมือนกับเมื่อก่อน ฉันจัดการทุกอย่างไว้แล้ว พี่ส่งคนอื่นมาจัดการขั้นตอนสุดท้าย ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
หนึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้ เธอไปทำธุรกิจกับอานเจียเย้นทุกที่ ซูย้าวแทบจะไม่เคยปรากฏตัว เธอจัดการทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง จัดให้คนที่ถูกเลือกเป็นคนออกมาจัดการ
จัดการทุกอย่างอยู่เบื้องหลังราวกับหุ่นยนต์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ควบคุมหุ่นเชิดที่แสดงอยู่หน้าเวที
เกมแบบนี้ เธอผ่านมาแล้วมากมาย
เสนอข้อเสนอนี้ออกมาก็เพราะว่ามันช่วยไม่ได้จริงๆ ถ้าซูย้าวรู้ว่าลี่เฉินซีเป็นผู้ชายแบบนี้มาก่อน เธอคงจะไม่มีทางเห็นด้วยกับข้อเสนอของอานเจียเย้น ยิ่งไม่มีทางกลับประเทศมาที่เมืองA
ฝั่งอานเจียเย้นก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ตกลง พี่จะจัดการให้ แต่ชิงชิง แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร?”
ได้ยินพี่ชายรับปาก หัวใจที่ปั่นป่วนของซูย้าวก็หยุดเต้นแรง เธอปฏิเสธซ้ำๆ “ไม่เป็นอะไร ฉันจะเป็นอะไรไปได้?ถ้าจะบอกว่าเป็นอะไร คิดว่าน่าจะคิดถึงพี่แล้วแหละ!”
อานเจียเย้นยิ้ม “งั้นก็กลับมาสิ!แต่ว่ารอสักสองวันได้ไหม?พี่มีธุระนิดหน่อย อีกสองสามวันพี่จะส่งคนอื่นไปจัดการ แล้วเธอค่อยกลับมา”
ซูย้าวรับปากแล้วก็พูดคุยกับอานเจียเย้นต่อสักสองสามประโยค จากนั้นก็วางสาย
หลังจากวางสายเสร็จ หน้านิ่วคิ้วขมวดของเธอก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย เหลือเวลาอีกแค่สองสามวัน อย่างนั้น ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาก ไม่ไปเจอกับลี่เฉินซีก็พอ
เธอขับรถกลับมาที่โรงแรม พึ่งจะขึ้นไปบนห้องก็เห็นหลินเจว๋ที่กลับมาตั้งนานแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าเธอกลับมา เขาก็รีบลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยความเคารพ
“คุณหนู” หลินเจว๋ก้มหน้าลงหยิบกระเป๋าของเธอมา จากนั้นก็รีบก้มตัวลงไปหยิบรองเท้าแตะให้เธอเปลี่ยน
ซูย้าวเปลี่ยนรองเท้าและเดินตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่น เธอนั่งลงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหลินเจว๋ “จัดการไปถึงไหนแล้ว?”
หลินเจว๋ตอบกลับ “ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณคิดไว้ กรรมการของบริษัทลี่ซื่อ ครึ่งหนึ่งเห็นด้วยกับเราแล้ว”
ซูย้าวก้มหน้าลง “แล้วท่านมู่ล่ะ”
พูดถึงชื่อนี้ หลินเจว๋ก็ขมวดคิ้วแน่นทันที ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึม มันค่อยๆกลับมาเป็นปกติแล้วพูดว่า “ทางท่านมู่ค่อนข้างยากที่จะรับมือ นอกจากนี้ยังมีผู้สูงอายุของตระกูลลี่อีกสองสามคนที่ไม่ยอมแสดงจุดยืน ถึงขั้นพยายามออกห่างจากเรา”
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ทั้งหมดนี้อยู่ในความคาดการณ์ของเธอ บริษัทลี่ซื่อนั้นแข็งแกร่ง คนที่ครอบครองหุ้นส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลลี่ อยากจะให้พวกเขายอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขไม่ใช่เรื่องง่าย
เห็นว่าเธอขมวดคิ้ว หลินเจว๋จึงพูดต่อว่า “แต่ไม่เป็นไรครับ ผมจะคิดวิธีและพยายามจัดการโดยเร็วที่สุด”
เธอพยักหน้าเบาๆ เหลือบมองไปที่เอกสารสองสามฉบับที่อยู่บนโต๊ะกาแฟ มันคือเอกสารที่หลินเจว๋ดูก่อนหน้านี้ หนึ่งในนั้นคือข้อมูลอย่างละเอียดของกรรมการบริษัทลี่ซื่อ
ซูย้าวหยิบมาเปิดดู หยุดดูที่หน้าหน้าหนึ่ง ใช้นิ้วที่เรียวยาวชี้ไปที่รูปของผู้ชายคนหนึ่งเบาๆ “เริ่มที่คนนี้ก่อนก็ได้! ถ้าฉันเดาไม่ผิด คนคนนี้คือผู้ถือหุ้นอันดับสองรองจากลี่เฉินซี จัดการเขาได้ คนอื่นๆก็จะตื่นตัวและรับฟังคำสั่งของเราเอง”
“ครับ คุณหนู”