เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 592
ทุกคนต่างพาซุบซิบพูดไปต่างๆ นานา แต่เสียงพูดที่แผ่วเบานั้น เสียงเล็กๆ นั้น
ซูย้าวเดินออกไปข้างนอกและขมวดคิ้วด้วยความรำคาญจิตใจ ถึงแม้ว่าจะเตือนตัวเองเป็นร้อยพันครั้ง พวกขาพูดถึงซูย้าว ไม่เกี่ยวกับตนเอง
แต่ทำไมทุกคำพูดกลับแหลมคงเหมือนมีดที่กรีดหัวใจเธอให้เจ็บได้นะ?
ทุกก้าวย่างเหมือนเหมือนเดินบนปลายมีด ความเจ็บปวดที่ลึกลงไปในไขกระดูกค่อยๆ เกิดขึ้น
เธอไม่อยากจะคิดอีกต่อไปจึงรีบเร่งฝีเท้าแล้วเดินตรงออกจากโถงทางเดิน
เพราะง่วนอยู่กับการเดินเธอจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องรับแขกที่อยู่ด้านหลัง
ลี่เจิ้งลงมาจากชั้นบน เขาได้ยินญาติและผู้ใหญ่เหล่านี้คุยกันแต่ไกล พวกเขาพูดถึงแม่ของเขากันหมด เด็กคนนี้โตเร็วอยู่แล้ว ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้ลี่เฉินซีจึงให้เขาอยู่ข้างกายเสมอ ก็อาจจะเป็นเพราะเขาคือหลานชายคนโตของตระกูลลี่
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลงในทันที ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อยแต่ท่าทางกลับถอดแบบลี่เฉินซีมาไม่ผิดเพี้ยน สายตาที่เย็นชากวาดมองไปที่ทั่วพื้นที่ตรงนั้น แต่กลับไม่พูดอะไร แต่สีหน้าที่เย็นชาของเขาได้แบกรับทุกสิ่งไว้หมดแล้ว
ด้วยแววตาและสีหน้าทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเงียบลงอย่างผิดปกติ
เมื่อทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้สติกลับมาแล้วก็มีผู้ใหญ่บางคนที่มีปัญหากับลี่เฉินซีก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและจ้องมองไปที่ลี่เจิ้งอย่างเย็นชาและพูด “เจิ้งเอ๋อ เธอไม่อยู่เป็นเพื่อนพ่อกับคุณปู่สามที่ข้างบนเหรอ ลงมาทำไมกัน?”
คนที่พูดเงียบไปพักหนึ่งแล้วพูดขึ้นอีก “อีกอย่าง สายตาแบบนั้นของเธอหมายความว่ายังไง?”
แววตาของลี่เจิ้งยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยน ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งเย็นชามากขึ้นไปอีก เขามองไปที่ผู้ชายคนที่พูดแล้วเปิดปากช้าๆ “คุณลุง ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจ จะกลัวสายตาคนอื่นทำไมครับ?”
“เธอ…”
ชายคนนั้นถึงกับพูดอะไรไม่ออกแต่ความโกรธยังคงเต็มเปี่ยมและยังคิดจะโจมตีแต่ถูกคนข้างๆ ห้ามไว้
มีผู้หญิงหลายคนเข้าไปสมทบ “เอาเถอะ เจิ้งเอ๋อยังเด็กอยู่! คุณเองก็เป็นลุง อายุก็มากแล้ว จะเอาอะไรกับเด็ก?”
และมีผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาข้างๆ ลี่เจิ้ง “คุณปู่สามเป็นยังไงบ้าง? ฟื้นรึยัง?”
ลี่เจิ้งกวาดสายตาเบาๆ ไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ และหลบมือของผู้หญิงคนนั้นที่ยกขึ้นมาแล้วพูดเพียง “ถ้าหากอยากรู้ว่าคุณปู่สามของผมเป็นยังไง ก็ขึ้นไปดูข้างบนได้เลย!”
พูดจบก็เดินผ่านผู้หญิงคนนั้นไปและเดินออกจากห้องนั่งเล่นด้วยสายตาที่เศร้าโศกและซับซ้อนของทุกคน
ลานด้านนอกมีขนาดใหญ่มาก แม้ในฤดูหนาว มีภูเขาจำลองและสายน้ำไหล เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี
ซูย้าวอยู่ด้านข้างภูเขาจำลอง เดิมคิดว่าจะกลับแล้วแต่ไม่รู้ทำไมกลับถูกคำพูดนินทาเหล่านั้นปกคลุมทำให้รู้สึกกระสับกระส่าย เธอจึงหยุดเดินและยืนอยู่ตรงนั้นช้าๆ
“ทำไมถึงกลับมา?”
เสียงอันแผ่วเบาดังมาจากด้านหลัง
ซูย้าวตกใจและเมื่อเธอได้สติหันกลับมา เธอเห็นลี่เจิ้งในชุดสูทสีดำตัวเล็กๆ ยืนอยู่ข้างหลังเธอในท่าตรง ด้วยดวงตาล้ำลึกคู่หนึ่ง มองเธออย่างแน่วแน่
เธอมองดูเด็กคนนั้น จ้องตาครู่หนึ่งแล้วยิ้ม
ซูย้าวเดินเข้าไปหาลี่เจิ้งและก้มตัวลงช้าๆ ตรงหน้าเขา เธอแหงนหน้ามองดูเขาอย่างพินิจพิเคราะห์และยิ้มมากกว่าเดิม “เธอคือลูกชายของคุณลี่สินะจ๊ะ? อายุเท่าไหร่แล้ว? หน้าตาหล่อมากเลยนะ เหมือนสุภาพบุรุษตัวน้อยเลย!”
โดยเฉพาะชุดสูททำมือชุดเล็กๆ แบบนี้ดูแล้วเหมือนกับลี่เฉินซีในเวอร์ชันมินิ และสามารถพบร่องรอยของชายคนนั้นในคิ้วและดวงตาของเขา
หล่อเหลาและดูดีมาก ซูย้าวอดถอนหายใจในใจไม่ได้ โครงสร้างทางพันธุกรรมที่ทรงพลังขนาดไหนถึงจะทำให้เด็กหนุ่มหล่อได้ขนาดนี้นะ? เหมือนมองแม่ของพวกเขา อดีตภรรยาที่คุณลี่คนนั้นตามหา…
ลี่เจิ้งมองเขาเงียบๆ ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้น “ผมอายุเท่าไหร่คุณไม่รู้เหรอ?”
เสียงพูดเบาไปครู่หนึ่ง ลี่เจิ้งหลบสายตา “นี่มันเรื่องอะไรกันอีก?”
แท้จริงแล้วสิ่งที่เขาอยากจะพูดคือ “ทำไมเพิ่งจะกลับมา” เวลาผ่านไปสองปี ให้เขากับพ่อ น้องชายและน้องสาวต้องรออย่างทุกข์ทรมานนานขนาดนี้…
ซูย้าวมองดูเด็กคนนี้ เธอก้มและค้างอยู่ท่านั้นนานจนเหนื่อย เธอจึงนั่งลงข้างระแนงต้นไม้แล้วหายใจเข้าลึกๆ เล็กน้อยและยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด “เธอจำคนผิดแล้วล่ะ หนุ่มน้อย ฉันไม่ใช่แม่ของเธอหรอกจ้ะ!”
ลี่เจิ้งมองเธอไม่วางตา “ไม่ใช่เหรอ?”
พูดจบแล้ว เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของซูย้าว แขนของเขาโอบรอบตัวเธอแน่นด้วยพละกำลังและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ซึ่งทำให้ซูย้าวไม่ได้คิดถึงสิ่งนี้เลยและห้ามไม่ทัน
เด็กกอดเธอแน่น ฝังหัวของหัวไว้ที่หน้าอกและหัวเราะกับเสียงหัวใจ “ตึกตัก” ของเธอ “คุณใช่นะ!”
ซูย้าวผงะตกใจและเมื่อเธอได้สติ เธอต้องการยกมือขึ้นและผลักเขาออกไป แต่กลับถูกมือของลี่เจิ้งยกไปด้านหน้าและก็สัมผัสตำแหน่งที่ยื่นออกมาโดยเฉพาะของผู้หญิง
จากนั้นก็ลูบไปมา
วินาทีนั้นซูย้าวรู้สึกว่าสติของเธอไม่มั่นคง
ถ้าหากคนตรงหน้าไม่ใช่เด็กน้อยเธอคงจะตบกลับเขาไปแล้ว ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้เป็นเหมือนกับลี่เฉินซีเลยนะ? ชอบทำอะไรไม่ให้เกียรติผู้หญิง!
ซูย้าวกอดอกโดยไม่ทันตั้งตัวและถอยหลังไปแต่กลับลืมไปเสียสนิทว่าด้านหลังนั้นว่างเปล่า ตัวเธอที่เอนไปทำให้เธอเกือบจะหงายหลังแต่ลี่เจิ้งยื่นมือมาจับเธอไว้ได้ทัน
หลังจากเธอตั้งตัวได้แล้วลี่เจิ้งจึงพูดขึ้น “มีเสื้อผ้ากันอยู่ไม่ค่อยแน่ใจ”
เขาเป็นคนจริงจัง แตกต่างจากการยั่วยุของลี่เฉินซีอย่างสิ้นเชิง
ลี่เจิ้งคิดแล้วคิดอีกและมองย้อนกลับไปที่วิลล่าด้านหลัง แล้วจับมือของซูย้าว “ไปสถานที่หนึ่งกับผม”
ซูย้าวตกตะลึงและตกใจ เมื่อถูกเด็กลากไปอย่างเย่อหยิ่ง เธอไม่สามารถจะปฏิเสธอย่างรุนแรงได้ เธอทำได้เพียงร่วมมือกับเขาและเดินไปที่วิลล่าพร้อมกับพูดว่า “หนุ่มน้อย เธอต้องการอะไรกันแน่? จะไปไหน? เธอทำกับน้าแบบนี้ ไม่มีมารยาทเลยนะ!”
ลี่เจิ้งกลับเหลือบมองเธอเล็กน้อย “พิสูจน์ว่าคุณใช่แม่ของผมจริงหรือเปล่ายังไงล่ะ! ข้างบนมีห้องว่างเยอะแยะ จากนั้นคุณก็แค่ถอดเสื้อ ผมถึงจะมั่นใจ”
ซูย้าว “…”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้เธอก็หยุดก้าวเดิน
ลี่เจิ้งยังคงไม่เข้าใจและเมื่อหันกลับมา ซูย้าวก็ปล่อยมือเล็กๆ ของเขาและลุกขึ้นพร้อมใบหน้าเย็นชา “ความรู้สึกที่เธออยากจะหาแม่ให้เจอ ฉันเข้าใจได้ แต่ว่า เธอยังเป็นเด็ก อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ เธอควรจะต้องคิดให้ได้”
“ฉันอายุเกือบจะเท่าแม่ของเธอ ถ้าพูดจากหลายแง่มุม เธอควรจะต้องเรียกฉันว่าคุณน้า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ฉันจะถือเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น หวังว่าต่อไปเธอจะ…”
ลี่เจิ้งถอนหายใจเพื่อขัดจังหวะเธอโดยไม่ปล่อยให้ซูย้าวพูดต่อ “ผมรู้ว่าจะต้องมีมารยาท แต่คุณคือแม่ของผมนะ ผมปฏิบัติกับคุณแบบนี้แค่คนเดียว กับคนอื่นผมไม่ทำหรอก”
ซูย้าวพูดอะไรไม่ออกอีกเลย
นี่มันอะไรและอะไรกันเนี่ย? !
ทำไมพอเธอกลับมาก็เจอกับลี่เฉินซีก่อนซึ่งทำให้เธอตกตะลึงพรึงเพริดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นผู้ใหญ่ แต่เด็กคนนี้มันหมายความว่ายังไงกัน? !
เธออยากจะโกรธมากๆ แต่เมื่อเผชิญกับมืดมนและชัดเจนของลี่เจิ้ง เธอไม่สามารถจะปะทุความโกรธออกมาได้แม้แต่น้อย
ซูย้าวทำได้เพียงแต่บอกตัวเองให้ใจเย็นๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็สูดหายใจลึกแล้วพูด “ทำกับฉันแบบนี้ก็ไม่ได้…”
“ทำอะไร?”
ครั้งนี้ไม่ใช่ลี่เจิ้งที่ขัดจังหวะเธอ แต่เป็นคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
ลี่เฉินซึก้าวเท้ายาวเดินออกจากวิลล่าในชุดสูทและรองเท้าหนังด้วยท่าทางที่เย็นชาบนใบหน้าของเขา และดวงตาที่มืดมนของเขากวาดไปในทิศทางของทั้งสองคน
เพียงสองสามก้าวก็เดินมาถึงด้านข้างของซูย้าว จากนั้นเขาก็เหลือบมองลูกชายที่อยู่ข้างๆ เขาแล้วมองดูเธออีกครั้ง “ทำอะไรแบบนี้กับเธอไม่ได้?”
ซูย้าวพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง พูดให้ถูกคือเธอเขินอายเล็กน้อยและพูดไม่ออกจริงๆ ว่าเมื่อกี้ลี่เจิ้งได้ทำอะไรลงไป!
เธอเป็นผู้ใหญ่และโตแล้ว จะถือสาหาความเด็กไม่ได้
ซูย้าวเตือนตัวเองเช่นนี้ในใจ แต่ทางด้านลี่เจิ้งกลับพูดขึ้นก่อน “ผมอยากจะพาเธอไปหาห้องที่ชั้นบนและถอดเสื้อให้ผมพิสูจน์ว่าเธอเป็นแม่ใช่หรือเปล่า”
หลังจากพูดไป ครั้งนี้ที่ตกตะลึงไม่เพียงแต่แค่ซูย้าวเท่านั้นยังรวมถึงลี่เฉินซีด้วย