เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 68
บทที่ 68 นี่ก็จบเรื่องแล้ว
คนอย่างลี่เฉินซี ที่ผ่านมาสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ดีที่สุด ไม่สามารถแยกแยะออกว่าอารมณ์ดีใจหรือโกรธออกมา และสิ่งที่เขาชำนาญมากที่สุดคือ ตอนที่เขาโมโหมากที่สุด กลับชอบยิ้มอ่อนๆ ออกมา
ทว่าคนที่รู้จักเขาต่างก็รู้ รอยยิ้มนั้นไม่ได้แสดงออกจากนัยน์ตา นั่นก็คือเวลาที่เขาน่ากลัวที่สุด
ดั่งที่คาด
ตอนนี้เขายังคงยิ้มอยู่ ทว่าซูย้าวสามารถสัมผัสได้ถึงความโหดเหี้ยมที่แผ่ซ่านออกมาทุกอณูตั้งนานแล้ว ทำให้มองแล้วขนลุก
ประธานจางยังไม่รอให้ตอบกลับ แค่เห็นว่าพูดด้วยเสียงเรียบเฉย แม้กระทั่งยังเคล้าด้วยความรู้สึกที่เหมือนจะยิ้มและไม่ยิ้ม ทว่าวินาทีต่อไป กลับยกเท้าขึ้นทันที แล้วถีบประธานจางล้มลงบนพื้น
ผู้ชายไม่ได้ป้องกันตัว พอถูกถีบอย่างกะทันหัน ก็ทำให้ล้มอย่างหนักหน่วง จากนั้นก็ดูน่าสงสารเหมือน ‘หมาแทะขี้’ ล้มอยู่บนพื้น
ลี่เฉินซีกลับไม่ได้ทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป แล้วพูดคำพูดที่ยังเอ่ยไม่จบเมื่อครู่นี้ “ต่อให้ผมไม่เอา แต่ก็ไม่ตาคิวคุณ! ”
พอคำพูดสุดท้ายเอ่ยออกมา ซูย้าวรู้สึกหัวใจของเธอหล่นลงไปทันที จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วสบตากับนัยน์ตาที่เย็นชาของลี่เฉินซี
ทันใดนั้น มือใหญ่ที่เรียวราวเหมือนหยกของผู้ชายก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ซูย้าวมองเพียงพริบตา ในสมองมีคำพูดเมื่อกี้นี้ของเขาทวนขึ้นไม่หยุด ‘ต่อให้ผมไม่เอา……’ ดูๆ แล้ว เขาก็ไม่อยากจะได้ตัวเองจริงๆ แล้ว!
จากนั้นก็พยายามอดทนกับใจที่ค่อนข้างรู้สึกเจ็บปวด เธอพยายามลุกขึ้นจากบนพื้น ทว่ายังไม่ทันได้รอให้ลุกขึ้น ก็ถูกแขนยาวๆ ของลี่เฉินซีพยุงขึ้นมาทันที
ซูย้าวยังไม่ทันได้ยืนนิ่งๆ ก็ถูกแรงของเขากระชากเข้าไปล้มลงกลางอกของเขา จากนั้นก็ไปชนกับแผงอกที่แข็งแรงของเขา เธอจึงกลั้นหายใจทันที และสัมผัสได้ถึงหัวใจดวงนั้นกำลังเต้นตึกๆ อย่างรุนแรง
ประธานจางจึงลุกจากบนพื้นด้วยความวุ่นวาย จากนั้นก็จ้องหน้าลี่เฉินซีอย่างโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ “คุณหมายความว่าอะไร? คุณไม่ใช่ว่าจะหย่ากับยัยใบ้คนนี้หรอ? ไหนๆ พวกคุณก็จะจากกันแล้ว ฉันกับเธอจะมีอะไรกัน ก็ไม่ได้ตา……
ยังไม่ทันรอให้พูดจบ ลี่เฉินซีที่กำลังพูดก็ถูกขัดจังหวะ น้ำเสียงที่เย็นชา พูดขึ้นเป็นคำๆ เหมือนดั่งน้ำแข็งพันปี เจาะเข้าไปตรงกลางใจ
“แค่วันไหนที่ยังไม่หย่ากัน เธอก็คือผู้หญิงของฉัน! ”
“คุณ……” ประธานจางมองเขาอย่างอึดอัดใจ แล้วสูดลมอันเย็นยะเยือกเข้าไป
ลี่เฉินซีกลับก้มหน้าลงต่ำ แล้วมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอด ตอนที่มองไปที่ประธานจางอีกครั้ง นัยน์ตาก็เคล้าด้วยความไม่แน่ไม่นอน “ต่อให้ต้องหย่ากันจริงๆ เธอก็เป็นอดีตภรรยาของฉัน อดีตภรรยาก็คือภรรยา ยังไงผมก็ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน! ”
“……”
ประธานจางสุดคำบรรยายจริงๆ!
ลี่เฉินซีวางอำนาจแบบนี้ อยากทำยังไงก็ทำอย่างนั้น ในประเทศ เขาสามารถใช้อำนาจและอิทธิพลของตัวเองทำตามอำเภอใจของตนเองอย่างง่ายดาย อย่าพูดถึงที่ผ่านมาเขามีความคิดที่รอบคอบ และหัวสมองสามารถแยกแยะทุกอย่างอย่างชัดเจน ต่อให้วันหนึ่งเขาอยากจะทำอะไรที่ไร้สาระ ก็จะมีสักกี่คนที่สามารถขัดขวางได้!
หรือพูดอีกแบบหนึ่งว่า มีใครสักกี่คนที่กล้าขัดขวางเขา!
ประธานจางกล้าโมโหทว่าไม่กล้าพูด เส้นเอ็นสีเขียวบนหน้าผากเต้นอย่างรุนแรงไม่หยุด ทว่าก็ไม่สามารถไม่อดกลั้นไว้ แล้วพูดขึ้น “งั้นเรื่องวันนี้ ถือว่าผมที่ทำไม่ถูก วันข้างหน้ามีเวลาว่าง จะได้ขอโทษถึงที่! ”
เขาที่มีอายุเยอะปานนี้ แล้วสามารถพูดแบบนี้ออกมา ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติลี่เฉินซีมากแล้ว นี่ยอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้ ประธานจางกำลังจะเอาเสื้อคลุมออกจากห้อง กลับถูกลี่เฉินซีรั้งไว้
“นี่ก็ถือว่าจบเรื่องแล้วหรอ? ”
คำพูดแผ่วเบาเพียงไม่กี่คน กลับทำให้ประธานจางรู้สึกสะเทือนไปถึงแก้วหู
เขาหยุดชะงักฝีเท้าลง แล้วหันกลับไปพูดขึ้นอีกครั้ง “งั้นประธานลี่จะเอายังไง? ”
ลี่เฉินซีมองเขา นัยน์ตาสีนิลดุจดั่งหมึกดำเคล้าด้วยการยิ้มอ่อนๆ แล้วไม่พูดไม่จา ทว่าตอนนี้ นอกห้องกลับมีเงาแวบเข้ามา
หวางอี้สาวเท้าเข้ามา แล้วมองลี่เฉินซีและซูย้าว จากนั้นก็ผงกหัวเล็กน้อย แล้วสาวเท้าขึ้นหน้ามาจนเดินเข้ามาตรงหน้าประธานจาง ด้วยท่าทางที่เคล้าด้วยความโหดเหี้ยม
ซูย้าวอดหายใจแรงไม่ได้ จากนั้นก็ยกมืออธิบายขึ้น “ปล่อยเขาไปเถอะ! เขาแค่คิดถึงภรรยาที่เสียชีวิตของเขา อีกอย่างก็ไม่ได้ทำอะไรฉันด้วย! ”
ไม่ใช่เพราะซูย้าวชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ทว่าหวางอี้มีรูปร่างสูงใหญ่และกำยำ ส่วนสูงร้อยเก้าสิบกว่า แล้วยังเป็นยอดฝีมือของยูโดและสานต่า หากได้รับการมอบอำนาจของลี่เฉินซี หากได้ทำอะไรประะธานจางเข้าจริงๆ เกรงว่าคนที่อายุราวๆ ห้าสิบ จะไม่สามารถทนรับไหว
อีกอย่าง ซูย้าวไม่หวังว่าลี่เฉินซีทำไปพัวพันกับเรื่องไม่ดีเพราะตัวเอง
ทว่าผู้ชายแค่กระตุกมุมปากแล้วยิ้มขึ้น สีหน้าดูนิ่งเฉย ดูไม่ออกว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ ต่อมา มือใหญ่ที่เรียวราวก็ยกขึ้น จากนั้นก็ปิดตาทั้งสองข้างของเธอไว้ ขณะเดียวกันก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด
ท่าทีที่อ่อนโยน แผงอกของแข็งแกร่ง ในอ้อมกอดของเขา ทำให้รู้สึกสบายใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน และความรู้สึกแบบนี้ก็เติมเต็มดวงใจให้เต็มดวง
เธอไม่ได้เรื่องขนาดนี้จริงๆ จริงๆ ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเพราะเขา กลับทนไม่ไหวกับการหยอกล้อของลี่เฉินซี ทันใดนั้นจิตใจฟุ้งซ่านขึ้นมาทันที
การรักคนๆ หนึ่ง ก็คือแบบนี้
ยอมรับในความดีของเขา และยอมรับในความไม่ดีของเขา
ยอมรับในทุกอย่างของเขา และเคยชินกับทุกอย่างของเขา
ซูย้าวตกเข้าไปอยู่ในโลกของเขา เวลาไม่กี่วินาที ก็ได้ยินเสียงร้องทุกข์ของประธานจางทันที เธอจึงกระวนกระวายแล้วอยากจะเงยหน้าขึ้น กลับถูกมือใหญ่ของลี่เฉินซีกดไว้ แล้วโอบเธอไว้ในอ้อมกอดแน่นๆ ไม่ให้เธอขยับไปเรื่อยเปื่อย
สถานการณ์แบบนี้ จะให้เข้าตาผู้หญิงของเขาได้ยังไง ถ้าเกิดนอนไม่หลับจะทำยังไง?
รอให้เขาปล่อยซูย้าวออก ในห้องที่กว้างใหญ่นี้ เหลือแค่พวกเขาสองคน หวางอี้หายไป ประธานจางก็หายตัวไป
เธอกวาดสายตามองไปทั่วสี่ทิศด้วยความแปลกใจ แล้วจับจ้องไปบนพื้น แน่ใจว่าไม่มีคราบเลือดอะไรอยู่ นี่เธอถึงจะรู้สึกโล่งอก
อาจจะแค่กระทืบประธานจาง และยังไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรง…..
สีหน้าของคนทางนี้จึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง แล้วก็ถูกเขาใช้แรงดึงเข้าไปในอ้อมกอด ไม่รอให้ซูย้าวตอบสนอง ลี่เฉินซีก็ช้อนตัวเธอขึ้น แล้วกอดเอวอุ้มเธอไว้ พร้อมกับออกจากห้อง
รถที่อยู่ชั้นล่าง ระหว่างที่มีแสงไฟของรถสว่างขึ้น ก็ได้รับเธอกลับไปในบ้านตระกูลลี่
เจี่ยงเวินอี๋เห็นซูย้าว ไฟแห่งความโกรธก็ลุกขึ้นทันที แล้วกำลังจะก่นด่า ก็เห็นเรือนร่างสูงใหญ่เดินตามหลังซูย้าว ทันใดนั้นจึงนิ่งงันไป!
“เฉินซี นี่ลูก…..”
เขาเดินเข้าไปจูงมือของซูย้าวไว้ เพื่อที่จะสื่อให้เธอขึ้นไปชั้นบนก่อน ถึงแม้ซูย้าวจะรู้สึกหม่นหมองใจ ทว่าพอนึกถึงกลับบ้านมาก็จะได้เจอหน้าลูกชาย จึงไม่สนใจอะไรอย่างอื่น ก็รีบสาวเท้าขึ้นชั้นบนทันที”
เจี่ยงเวินอี๋มองเธอ แล้วมองลี่เฉินซีด้วยความประหลาดใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เรื่องหย่าไปดำเนินเรื่องเสร็จหรือยัง? เธอมาเก็บของหรอ? ”
ลี่เฉินซีส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วทำนัยน์ตาอันนิ่งเฉยใส่แม่ตัวเอง “ได้ข่าวว่าโอเปร่าที่แม่ที่จะปล่อยอีกสองวันข้างหน้าที่อีตาลี่ แม่ไปชมสิ! ”
เจี่ยงเวินอี๋ขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง? จะผลักไสฉันไปให้พ้นหรอ? แกหย่าหรือยังไม่หย่ากันแน่! ”
“ยัง” เขาตอบกลับอย่างชัดเจน
“โอ้พระเจ้า! ” เจี่ยงเวินอี๋กลับกำลังรู้สึกจะกระอักเลือด ทันใดนั้นก็รู้สึกเวียนหัวแล้วนั่งลงบนโซฟา
แล้วกำลังอยากจะพูดอย่างจริงใจกับลูกชาย กลับได้ยินเขาพูดขึ้นต่อ “ยังไม่ต้องคำนึงถึงปัญหานี้ไปชั่วคราวก่อน ยังไงเจิ้งเอ๋อยังเล็ก ถ้าหย่ากัน ศาลก็คงจะตัดสินให้แม่มีสิทธิ์ในตัวเด็ก”
“นี่……” เจี่ยงเวินอี๋อึ้ง แล้วก็พูดขึ้น “กลัวอะไร? ฉันสามารถไปขอให้คนอื่นช่วย อีกอย่าง เธอ……”
“พอเถอะ นี่เป็นชีวิตคู่ของผม ผมตัดสินใจเอง แม่ไม่ต้องคอยกังวลแทนแล้ว! ”
ลี่เฉินซีพูดประโยค ก็ทำให้คำพูดที่ยังไม่ได้เอ่ยออกจากปากของเจี่ยงเวินอี๋เก็บกลับไปจนหมด
นอกจากเธอรู้สึกใจร้อนแล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้
ลูกชายของตัวเอง มีนิสัยที่ดื้อรั้น เธอก็รู้ดี ตอนนี้พอตัดสินใจแบบนี้ แล้วมันหมายถึงอะไร เจี่ยงเวินอี๋รู้ดีแก่ใจ นี่ทำให้เธอรับมือไม่ทัน ทั้งรู้สึกโมโห และกระวนกระวาย ความรู้สึกโมโหทั้งหมด ก็ได้โยนไปที่ซูย้าวจนหมด