เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 81
บทที่ 81 เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจ
“ย้าวย้าว คุณไม่สบายหรือว่าคุณกำลังตั้ง……”
ก่อนที่คำว่า ‘ครรถ์’ จะหลุดออกจากปาก หลินโม่ป่ายได้เห็นคำว่า ‘ยาคุมกำเนิด’ ในมือ เขาจึงจำเป็นต้องกลืนคำพูดนั้นเข้าไปทันที
เขาเป็นคนอ่อนโยนแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้เข้าใบหน้าสีขาวก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยและอึดอัดจนทำตัวไม่ถูก
เมื่อซูย้าวเห็นสีหน้าของหลินโม่ป่ายแล้วกลับนึกถึงเขาที่เป็นคนขึ้อายเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาตั้งแต่เด็ก
และเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอหลินโม่ป่ายถอนหายใจแล้วคืนรายการยาให้กับเธอ “โอวหยางรอคุณอยู่ข้างบนแล้ว! ขึ้นไปสิ!”
เธอพยักหน้าแล้วเก็บรายการยานั้น จากนั้นเดินอ้อมเขาและตรงขึ้นไปยังชั้นบน
แต่หารู้ไม่ว่าในระหว่างที่ซูย้าวเดินไปข้างหน้า ผู้อำนวยการได้พูดกับหลินโม่ป่ายจากด้านหลังเธอ “คุณผู้หญิงลี่กับคุณหมอหลินเป็นเพื่อนกันหรือ?”
หลินโม่ป่ายก้มหน้าแล้วตอบ “ใช่ ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ มีอะไรหรือ?”
“เฮ่อ โครโมโซมพันธุกรรมของเธอผิดปกติ การที่จะตั้งครรภ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกอย่างร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ยังใช้ยาคุมกำเนิดเป็นประจำแบบนี้มันส่งผลเสียต่อร่างกายมากเลยนะ!” ผู้อำนวยการถอนหายใจแล้วส่ายหัว เขาไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้นอีก
หลินโม่ป่ายรู้สึกตะลึง ใช้ยาเป็นประจำ…… มือสองข้างของเขาค่อย ๆ กำหมัดขึ้นแน่น ๆ
เมื่อซูย้าวขึ้นไปถึงชั้นบนก็เห็นประตูออฟฟิศของโอวหยางเช่อนั้นไม่ได้ล็อก เธอจึงเคาะประตูแล้วเข้าไปในห้องแต่ไม่เห็นใครอยู่ด้านใน
เธอคิดว่าเขาคงไปห้องผู้ป่วยหรือห้องผ่าตัดจึงได้นั่งรอเขาเงียบ ๆ ในห้อง จนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง
เธอรอแล้วรออีกแต่ก็ยังไม่เห็นเขากลับมา
จนกระทั่งเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ซูย้าวเริ่มรู้สึกเป็นห่วงลูกที่อยู่ในบ้าน เธอมองดูเวลาบนโทรศัพท์หลายรอบและพยายามชวนโม่หว่านหว่านคุย
ก่อนที่เธอจะทิ้งความตั้งใจและคิดว่าจะกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ เธอได้ส่งข้อความไปหาโอวหยางเช่อเพื่อเป็นมารยาท
แต่ทันทีที่ข้อความของเธอถูกส่งออกไปก็มีเสียงเรียกเขาของอีกฝ่ายดังขึ้น
เธอผงะไปครู่หนึ่งและพยายามมองหาเสียงที่ดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงตกใจของผู้ชายดังขึ้น!‘โอ้! ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย!’
ทันใดนั้นเส้นผมสั้นของโอวหยางเช่อก็โผ่ลขึ้นมาจากใต้โต๊ะทำงานของเขา เขาค่อย ๆ ลุกจากเตียงพับด้วยสายตาที่ยังง่วงนอนอยู่ เขาหาวด้วยความเหนื่อยล้าและขยี้ตาเพื่อพยายามปลุกตัวเองให้ตื่น จากนั้นก็ได้สังเกตเห็นซูย้าวที่อยู่ไม่ไกลจากสายตา แต่เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจใด ๆ เพียงแค่ยกมือทักทายเธอ ‘หวัดดี!’
เขาเพียงแค่รู้สึกเอะใจเล็กน้อยแต่สำหรับซูย้าวแล้วเธอตกใจจนหัวใจแทบวาย ไม่เพียงแต่เท่านี้ เมื่อคิดให้ละเอียดแล้ว หรือว่า……เขานอนอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว?!
เธอกลับมานั่งรอเขาซื่อ ๆ เป็นชั่วโมง?
ซูย้าวมองเขาอย่างงุนงง แต่โอวหยางเช่อค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วพับเตียงกับผ้าห่มและนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้นเขาเพิ่งสังเกตเห็นสายตาอันซับซ้อนของเธอและได้ยิ้มพูดอธิบายให้เธอฟัง “ช่วงนี้งานยุ่งไปหน่อย ไม่มีเวลากลับบ้านเลย ผมรู้สึกง่วงมากก็เลยงีบหลับไปแป๊บหนึ่ง ขอโทษทีนะ!”
“.…..”
เขายังคงเป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนเดิม!
โอวหยางเช่อเหลือบมองไปที่โทรศัพท์และมองข้ามข้อความของซูย้าวเพื่อตั้งใจจะมองดูเวลาเท่านั้น เมื่อเห็นว่าเวลาถึงหนึ่งทุ่มแล้วเขาก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
“สายแล้ว! อีกสิบนาทีผมต้องเข้าห้องผ่าตัด ซูย้าว ขอโทษจริง ๆ ผมต้อง……”
เธอรอเขามาเป็นชั่วโมง แต่ตอนนี้เขากลับบอกว่าไม่ว่างคุยด้วย ต้องเข้าห้องผ่าตัดทันที?
ดังนั้น?
เธอต้องรอฟรีเลยใช่ไหม?
โอวหยางเช่อรีบเปิดตู้เสื้อผ้าอย่างรีบร้อน เขาถอดเสื้อคลุมสีขาวพร้อมกับเปลี่ยนชุดผ่าตัดไปด้วยแล้วพูดไปด้วย “ซูยาว เส้นเสียงของคุณได้รับความเสียหายอย่างมาก คุณรู้จักกรดซัลฟิวริกไหม? หากกรดซัลฟิวริกสัมผัสผิวหนังจะมีฤทธิ์กัดกร่อนต่อร่างกายร้ายแรงเท่าไหร่คุณพอจะรู้ไหม?”
ซูย้าวได้แต่ยืนมองดูเขาอย่างเงียบ ๆ อยู่ตรงหน้า
“ตราบใดที่เราไม่รู้ชื่อยาที่ทำให้คุณไม่สามารถพูดได้ เราก็ไม่สามารถทำการวิเคราะห์ยาตัวนั้นได้ หลังจากผ่านการวินิจฉัยแล้ว สาเหตุหลักที่ทำให้คุณไม่สามารถพูดได้นั้นไม่ได้มีเพียงเส้นเสียงในลำคอที่เสียหายเท่านั้น ยังมีเนื้องอกขนาดเล็กอยู่ด้วย”
นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่โอวหยางเช่อจำเป็นต้องเรียกเธอไปโรงพยาบาล
เมื่อพูดจบเสื้อคลุมสีขาวของชายคนนั้นรวมถึงเสื้อยืดข้างในก็ถูกถอดออกพร้อมกัน ทันใดนั้นผิวอันเรียบเนียนและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงแสดงให้เห็นต่อหน้าของซูย้าว
เธอรู้สึกตกใจและหันหลังไปโดยที่ไม่รู้ตัว
ใบหน้าขาวเนียนของเธอเริ่มร้อนและแดงก่ำขึ้นทันที
โอวหยางเช่อเห็นถึงความอึดอัดบนใบหน้าของเธอ เขาได้แต่ยิ้มเบา ๆ และไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรมากมาย เขาจึงรีบหยิบเสื้อผ่าตัดมาสวมใส่
ในขณะที่ผูกกระดุมไปด้วยเขาก็พูดกับเธอไปด้วย “เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่าเนื้องอกนี้มันเป็นชนิดดีหรือชนิดร้าย ดังนั้นต้องรับการตรวจสุขภาพก่อน แล้วคุณว่างมาตรวจเมื่อไหร่?”
ซูย้าวครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นหันกลับมาแล้วพูดด้วยภาษามือ “พรุ่ง……”
ภาษามือของเธอต้องหยุดลงทันที เพราะเธอเห็นผู้ชายตรงหน้าคนนี้แม้จะสวมเสื้ออยู่แต่เขากลับไม่ได้ใส่กางเกงไว้!
เขาสวมเพียงกางเกงขาสั้นบาง ๆ ด้วยความเปลือยเปล่าและยืนกดโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร
เขาลืมอย่างสนิทว่าร่างกายส่วนล่างของเขาในเวลานี้กำลังเปลือยอยู่
ซูย้าวรีบหันกลับไปอีกครั้งและใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงมากขึ้น
โอวหยางเช่อได้แต่ยิ้มจาง ๆ อีกครั้ง
จากนั้นเขาใส่กางเกงและขณะที่คาดเข็มขัดเขามองไปที่ใบหน้าสีแดงที่เหมือนมีลูกแอปเปิ้ลติดอยู่บนใบหน้าสองข้างของผู้หญิงคนตรงหน้า
“ยังไงคุณก็ลองหาเวลาดูละกันนะ แต่ผมแนะนำให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เพราะถ้าเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงเราก็จะสามารถทำการผ่าตัดได้ แต่ถ้าเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรงล่ะก็……”
ซูย้าวหลับตาลงอย่างไม่เต็มใจ เธอรีบพูดด้วยภาษามือต่อ “พรุ่งนี้เช้า ฉันจะมาตรวจสุขภาพ!”
“อื้ม ดีแล้วล่ะ” เมื่อเขาพูดจบก็คาดเข็มขัดเสร็จพอดี
“ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?” ซูย้าวถาม
โอวหยางเช่อส่ายหัว เมื่อเห็นว่าซูย้าวกำลังจะเดินออกไปเขาก็รีบพูดขึ้นอีกครั้ง “มีอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าหากเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรงล่ะก็คุณต้องทำใจให้ดีนะ เพราะมันก็นานหลายปีแล้ว บางทีอาจมีเปอร์เซนต์สูงมากที่จะเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรง……”
เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดด้วยภาษามือ “ถ้าเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรงแล้ว คุณบอกฉันมาตรง ๆ เลยดีกว่าฉันยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่?”
“สามถึงหกเดือน!”
ซูย้าวมองไปที่โอวหยางเช่อ เธอไม่ได้รู้สึกตกใจกับเวลาที่เขากำหนดให้เธอเลย เพียงแต่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้……
ทำให้เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ!
“ถ้าคุณยินดีที่จะรับเคมีบำบัดก็อาจมีโอกาสอยู่บ้าง แต่แน่นอนถ้าผลการตรวจพบว่ามันเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรงและถ้าเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปทั่ว มันก็หมายถึงมะเร็งในลำคอ!” เขายังพูดไม่รู้จักจบ
ซูย้าวฟังจนสมองแทบจะระเบิดออกมา จะอะไรกับเธอมากมาย หมอสมัยนี้สร้างเรื่องได้เก่งขนาดนี้แล้วหรือ?
“ได้ข่าวว่าซูย้าวยังมีลูกด้วย มีครอบครัวมีลูก งั้น……”
ขณะที่โอวหยางเช่อยังไม่ทันพูดจบ ซูย้าวก็รีบตัดคำพูดเขาด้วยภาษามือ “ฉันเข้าใจแล้ว คุณรีบไปทำงานของคุณเถอะ!”
ซูย้าวไม่มีเวลามาทนฟังต่อ เธอจึงรีบเดินออกจากออฟฟิศของเขาทันที
โอวหยางเช่อมองซูย้าวที่เดินออกไปอย่างหงุดหงิด เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างเหลือทน จากนั้นหันกลับไปมองส่วนโค้งมุมปากของเขาที่เปิดกว้างมากขึ้นในกระจอก
เมื่อไหร่เธอจะจำได้ว่าระหว่างเธอกับเขานั้นเคยรู้จักกันมาก่อน? ในหัวของผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้คงมีแต่ลี่เฉินซีคนเดียวสินะ!