เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 86
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของลี่เฉินซีทำให้ซูย้าวตกใจอย่างเห็นได้ชัด
เขาจะได้ยินบทสนทนาของเธอกับคริสตินก่อนหน้านี้ไหม?!
คริสตินรู้สึกดีใจมาก แต่เธอแค่ยิ้มให้กับลี่เฉินซีจากนั้นพูดเพียงสั้น ๆ ว่า ‘พวกคุณคุยกันก่อนนะ’ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
ห้องผู้ป่วยที่อันว่างเปล่านั้นเหลือเพียงเขาสองคน ซูย้าวได้แต่ก้มหน้าและรู้สึกทำตัวลำบาก
“คุณบาดเจ็บได้ไง?”
เสียงทุ้มต่ำแต่แสนอบอุ่นนั้นดังขึ้นทำให้ซูย้าวใจเต้นรัว
ไม่จำเป็นต้องเงยหน้ามองเธอก็รู้สึกถึงความร้อนผ่านสายตาของเขาที่มองมา สายตาของเขาเหมือนเพลิงไฟและเหมือนแสงเลเซอร์ที่เจาะลึกเข้าไปในใจเธอ
“เมื่อคืนคุณทำอะไรบ้าง?”
ลี่เฉินซีขยับเข้าใกล้ซูย้าวโดยที่ไม่รอเธอเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นมือของเขาก็ยื่นไปยกคางเธอขึ้นแล้วกวาดมองไปที่แผลของเธอด้วยสายตาอันไร้ซึ่งอารมณ์
เธอขมวดคิ้วแล้วตอบด้วยภาษามือ “เปล่า ก็แค่อุบัติเหตุเล็กน้อย ฉันไม่เป็นไร……”
“ซูย้าว”
แม้น้ำเสียงของเขาจะเย็นชาแต่ละเอียดถี่ถ้วนมาก
ซูย้าวถูกเรียกชื่อกะทันหันจนทำให้เธอรู้สึกอึ้งและรูม่านตาอันสวยงามนั้นก็หดเล็กลง
“อย่าคิดว่าทุกคนเป็นคนโง่ไปหมดนะ คุณไม่ใช่คนฉลาดคนเดียวในโลกนี้!”
ลี่เฉินซีผลักคางเธอออกด้วยแรงค่อนข้างมาก แต่แรกผลักนี้มันเจ็บปวดน้อยกว่าสายตาอันเย็นชาที่เขามองเธอมาก!
เธอตะเกียกตะกายทั้งคืนเพื่อจะให้เขาได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด และเธอถึงขั้นต้องทำร้ายตัวเองอย่างทารุณเพราะไม่อยากให้เกิดอันตรายใด ๆ ต่อชีวิตเขา……
แต่สิ่งที่เธอได้มานั้นคืออะไร?
นอกจากการกล่าวหาและดูถูกของเขาแล้วเธอจะเหลืออะไรอีก?!
ก่อนออกจากห้องผู้ป่วยเขายังทิ้งประโยคอันเย็นชาให้เธอประโยคหนึ่ง ซึ่งประโยคนี้มันดังก้องอยู่ในหัวของเธอไปนานแสนนาน
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนฉลาดมาตั้งแต่เด็ก คุณเก่งจนใคร ๆ ก็รู้จัก แต่หลังจากที่คุณเป็นใบ้แล้วผมยังคิดว่าคุณอาจจะถ่อมตัวได้บ้าง แต่ที่ไหนได้ มันกลับเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน!”
เธอได้แต่มองดูเขาจากไป เหลือเพียงความเย็นชาที่ทิ้งไว้ให้เธอ
หัวใจของเธอเหมือนถูกบดขยี้จนแตกสลายและไม่เหลือชิ้นดี
ที่แท้เขายังจำเธอในวัยเด็กได้……
เธอเป็นคนฉลาด มีความสามารถ
และเธอก็พูดได้ด้วย
ตลกสิ้นดี
ที่แท้เขาทำทุกอย่างได้
ซูย้าวค่อย ๆ นอนลง จากนั้นดึงผ้าห่มขึ้นแล้วขดตัวอยู่บนเตียง ณ ตอนนี้เธอไม่สามารถต้านทานความหนาวเหน็บที่เข้าสู่ไขกระดูกของเธอได้จริง ๆ
เธอยังต้องล้างแค้นให้พ่อ ยังต้องกู้คืนบริษัทซูซื่อและยังต้องพูดได้อีกครั้ง ความหวังทุกอย่างของแม่ต้องฝากไว้กับผู้ชายคนนี้ แล้ว……มันยังเป็นไปได้หรือ?
การเดินทางไปฝรั่งเศสครั้งนี้เนื่องจากอาการบาดเจ็บของพวกเขาจึงต้องใช้เวลาล่าช้าเกินกำหนด
เดิมทีกำหนดไว้สามวันแต่จำเป็นต้องเลื่อนออกไปอีก
หลังจากพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลหลายวันอาการบาดเจ็บของลี่เฉินซีก็เกือบจะหายเป็นปกติแล้ว แต่เมื่อเทียบกับการฟื้นตัวของเขาแล้วซูย้าวยังไม่หายดีเลย
นอกจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะและแขนแล้วเธอยังเป็นหวัดอีกด้วย ตอนนี้เธอไข้สูงต่อเนื่องและไม่ว่าจะหยอดน้ำเกลือยังไงก็ไม่ดีขึ้นสักที
ซึ่งเป็นผลทำให้แพทย์ที่รับผิดชอบดูแลรักษาอาการต้องวิตกกังวลไปด้วย
ไมค์แพทย์หนุ่มผมบลอนด์อยู่กับซูย้าวในห้องผู้ป่วยเกือบทั้งวัน เขาเปลี่ยนยารักษาให้เธอ รวมถึงประคบเย็นและใช้วิธีการรักษาต่าง ๆ
ในขณะเดียวกันที่ซูย้าวไข้สูงถึง 40 องศาซึ่งเป็นวันที่เธอทรมานที่สุด ความร่วมมือของ กรุ๊ป Kและบริษัทลี่ซื่อในโครงการ CCU ก็ได้บรรลุข้อตกลงและได้เจรจากันอย่างราบรื่น ก่อนที่สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศจะประกาศข่าวอย่างเป็นทางการ ประธานบริหารและประธานบริษัทของทั้งสองฝ่ายก็ได้จับมือลงนามในสัญญาณ
ในที่สุดโครงการการเงิน CCU ที่สร้างความฮือฮาในทั่วยุโรป เอเชียและแอฟริกาทั้งสามทวีปก็ได้เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการแล้ว
ซูย้าวพยายามพยุงร่างกายที่เจ็บป่วยแล้วรับชมรายการถ่ายทอดสดผ่านทางทีวีในห้องผู้ป่วย เธอเฝ้าดูชายที่หล่อเหลากับประธานไซม่อนจับมือกันเพื่อแลกเปลี่ยนสัญญาโครงการ ในช่วงเวลาของการลงนามนั้นเธอก็ยิ้มออกมา
ใบหน้าอ่อนเพลียและซีดเซียวแต่มีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้น ภาพนั้นมันเหมือนหมึกที่จางหายไปในภาพวาดโบราณ เหมือนภูเขาห่างไกลที่ถูกปล่อยให้ว่างเปล่า เหมือนท้องฟ้าปลอดโปร่งและดูเหมือนว่าหมอกและฝนกำลังจะมา
หมอไมค์ยืนมองเธออยู่ข้าง ๆ เหมือนเขาจะควบคุมสติไม่ได้ไปชั่วขณะ!
“มายก๊อด! ซูย้าว คุณช่างสวยจริง ๆ” เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จู่ ๆ ก็พูดเช่นนี้ขึ้นมา
เมื่อรู้ตัวอีกทีซูย้าวก็ได้ยินแล้ว เขารู้สึกเขินจนทำตัวไม่ถูก ได้แต่เม้มปากแล้วพูดคำว่า ‘ขอโทษ’
แต่ซูย้าวไม่มีเรี่ยวแรงมาสนใจสิ่งเหล่านี้ เธอค่อย ๆ หลับตาลงแล้วนอนขดตัวอยู่บนเตียงอีกครั้ง
ไข้ที่ขึ้นสูงทำให้จิตใจของเธอสับสนและสมองก็วุ่นวายเหมือนถูกไฟลุกไหม้
ในขณะที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอก็กลับไปฝันถึงตอนเด็กอีกครั้ง
ในสวนป่าไผ่หลังบ้านตระกูลซูมีเก้าอี้โยกหวายตั้งอยู่ตัวหนึ่ง พ่อของเธออุ้มเธอนั่งอยู่บนนั้นและเขย่าอย่างช้า ๆ มีหม้อชาร้อน ๆ ตั้งอยู่ข้าง ๆ แล้วมีกลิ่นชาจาง ๆ ลอยมา
พ่อชอบแตะที่หัวเธอแล้วพูดเสมอว่า “ลูกสาวของพ่อโตขึ้นต้องเป็นคนเอาการเอางานนะ เพราะย้าวย้าวของพ่อฉลาดที่สุด อนาคตตระกูลซูของเราต้องพึ่งลูกคนเดียวด้วย!”
“ลูกต้องแข็งแกร่งที่สุดนะ ต้องแข็งแกร่งอย่างเดียวถึงจะปกป้องคนที่ลูกต้องการปกป้องได้ เช่นแม่ของลูก……”
เธอจำคำพูดของพ่อได้เสมอ
คุณจะปกป้องคนที่คุณต้องการปกป้องได้ก็ต่อเมื่อคุณแข็งแกร่งที่สุด
แต่การที่เธอจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดนั้นเธอจะทำร้ายคนรอบข้างไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่เธอรักที่สุด
ในความฝันนั้นเธอดูเหมือนจะรีบเข้าไปจับมือของพ่อแล้วถามเขาว่า “อะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับการกลายเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดคะ? ต้องทิ้งคนที่ไม่จำเป็นไป เช่นคนที่ไม่ควรได้รับความรักหรือ?”
แต่เมื่อเธอไล่ตามไปถึงก็พบว่าตัวเองนั้นอ้าปากค้างแต่พูดอะไรไม่ออก
หลายปีที่ผ่านมานี้เธอเคยชินกับการเป็นคนใบ้ เคยชินกับโลกที่ไม่มีเสียงพูดไปแล้ว
แต่ทำไมเมื่อเห็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรักของพ่อแล้วเธอเหลือเพียงความคิดเดียวในใจ เธออยากจะโผเข้าหาเขาแล้วกอดเขาไว้แน่น ๆ และเรียกคำเดียวว่าพ่อ
และในยามหลับไหลนั้น มีชายคนหนึ่งนั่งลงข้างเตียงเธอ ชายคนนั้นจับมือเธอแล้วมองเธอที่อยู่ในความเจ็บป่วย มือเรียวใหญ่ของเขาลูบหน้าผากที่ร้อนผ่าวของเธอด้วยความเป็นห่วง
เธอได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเธออย่างคลุมเครือ
“ซูย้าว……”
เสียงนั้นคุ้นเคยมาก
มันวนเวียนอยู่ในหัวเธอ กระซิบข้างหูหลายครั้ง เป็นเสียงที่แหบพร่าแต่ฟังดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจมาก
“ขอบคุณที่ช่วยผมไว้นะ ทำไมไม่ยอมบอกผม? คุณบอกผมตรง ๆ ก็ได้นะ!” ลี่เฉินซีกระซิบอยู่ข้าง ๆ สายตาที่เย็นชาจับจ้องไปที่ใบหน้าอันซีดเซียวของเธอ
หน้าผากถูกปกคลุมด้วยอุณหภูมิที่หนาวเย็น มันเย็นแต่รู้สึกสบายมาก
เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเล็กน้อยแต่มองเห็นเป็นภาพราง ๆ เท่านั้น เธอทำได้เพียงมองใบหน้าอันหล่อเหล่าที่อยู่ใกล ๆ นั้นด้วยความอ่อนแรง จากนั้นฟังเขาพูดต่อ……
“แต่ผมจะทำยังไงดี? หนี้ชีวิตในชาตินี้คงต้องชดใช้คุณในชาติหน้าแล้วล่ะ! ขอโทษนะซูย้าว!”
จากนั้นความเย็นบนหน้าผากเธอก็หายไป ชายคนนั้นหันไปอย่างเด็ดเดี่ยว เหลือเพียงร่องรอยของการจากไปทิ้งไว้ให้เธอ
ในความฝันอันเลือนราง เธอรู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งมากระชากหัวใจของเธออย่างรุนแรง มันรู้สึกเจ็บปวดอย่างเหลือทน……
หวางอี้ยืนกุมมืออยู่นอกห้องผู้ป่วย เมื่อเห็นเจ้านายเดินออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา เขาก็พูดด้วยความระมัดระวังว่า “ท่านประธานลี่ครับ เครื่องบินพร้อมแล้วครับ เรากลับประเทศได้ทุกเมื่อเลยครับ แต่ว่า……”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่ห้องผู้ป่วยและรวบรวมความกล้าแล้วถามว่า “แล้วทางนายหญิงจะทำยังไงครับ?”
“ไม่มีเวลามาใส่ใจมากขนาดนั้นแล้ว เรากลับไปก่อน!” ลี่เฉินซีออกคำสั่งอย่างเย็นชาแล้วเดินเข้าลิฟต์ทันที