เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 91
บทที่ 91 ถึงเวลาที่ต้องต่อสู้กลับ
ซัวฉ่ายลี่หยุดเดิน และมองไปที่เธอ “หมายความว่าไง เธอมีเงื่อนไขอะไร”
ความใจดีบนใบหน้าของเธอหายไปทันที และถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา
แต่ซูย้าวก็ชินตั้งนานแล้ว ซัวฉ่ายลี่เป็นคนแบบนี้ตลอด และมักจะทำเป็นคนไม่ดีต่อหน้าเธอเสมอ
มันเป็นแก่นแท้ของเธอ
ไม่ว่าจะใช้ทักษะการแสดงมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถปกปิดได้
เธอใช้ภาษามือพูดออกไปตรงๆโดยไม่ต้องคิดเยอะ “ไม่ใช่บริษัทลี่ซื่อจะแบ่งงานส่วนหนึ่งให้บริษัทซูซื่อทำไม่ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไข ปล่อยแม่ฉันซะ”
“เธอต้องการตัวอานโล๋หรอ” ซัวฉ่ายลี่แทบไม่อยากจะเชื่อ เธอมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้มออกมา
รอยยิ้มนั้นร้ายกาจราวกับกำลังมองตัวตลกอยู่
“โอเค ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้วสินะ ถึงฉันจะส่งอานโล๋ให้เธอ แล้วสภาพบ้าๆแบบนั้น เธอคิดว่าตัวเองจะดูแลไหวหรอ คิดว่าลี่เฉินซีจะยอมให้แม่บ้าๆของเธออยู่ที่นี่หรอ”
ซูย้าวยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง และใช้ภาษามือพูดว่า “ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง เธอก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของฉัน ตราบใดที่ฉันยังเป็นภรรยาของเฉินซี เป็นภรรยาของประธานบริษัทลี่ซื่อ แม่ของฉันก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่”
หรือจะพูดอีกนัยนึงก็คือ เพียงแค่ซัวฉ่ายลี่ยอมปล่อยเธอ ซูย้าวก็มีวิธีจัดการกับแม่ของตัวเอง
ไม่ว่ายังไงก็ดีกว่าปล่อยให้อานโล๋อยู่ในกำมือของคนอื่นในฐานะ ‘ตัวประกัน’ อยู่ดี
ซัวฉ่ายลี่แสยะยิ้ม “อานโล๋อยู่ดีๆในบ้านพักคนชรา ถ้าเธออยากเจอ จะไปเจอเมื่อไหร่ก็ได้ ทำไมต้องอยากจะรับมาด้วย”
ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ พลางฟังอีกฝั่งพูดไปด้วย
“นอกจากนี้ มันยังเป็นการแบ่งโครงการเล็กๆ ไม่กี่โครงการของบริษัทลี่ซื่อเอง บุญคุณเล็กๆน้อยๆแค่นี้ เธอถึงกับให้ฉันปล่อยอานโล๋เลยหรอ ซูย้าวความคิดของเธอมันดีเกินไปรึเปล่า”
ซัวฉ่ายลี่มองเธออย่างพิจารณา “เธอจะให้ฉันปล่อยอานโล๋ก็ได้ แต่บริษัทซูซื่อต้องทำกำไรได้สามพันล้านภายในสองเดือนก่อน ถ้าเธอทำได้ ฉันจะปล่อยทันที”
สามพันล้าน!
ขอมากเกินไปรึเปล่า
จากสถานการณ์ตอนนี้ของบริษัทซูซื่อ อย่าหวังสามพันล้านเลย ในเวลาสั้นๆแค่นี้ แค่ทำกำไรให้ได้สามสิบล้านยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
ซูย้าวไม่ได้โกรธ หรือไม่พอใจ เธอเพียงแค่เม้มริมฝีปากเบาๆ พลางยิ้มจางๆ และพูดด้วยภาษามือว่า “ไม่มีสามพันล้าน แต่ยังมีโครงการเล็กๆน้อยๆ ที่พอเป็นไปได้ แต่ถ้าน้าซัวรู้สึกไม่พอใจ ก็สามารถยอมแพ้ได้เลยตั้งแต่ตอนนี้”
“อะไรนะ” ซัวฉ่ายลี่ตะลึง จากนั้นเธอก็กัดฟันกรอดอย่างโกรธเคือง “ยัยจิ้งจอกตาขาว เธอกล้าขู่ฉันหรอ”
ซูย้าวยังคงยิ้มเรียบๆ และพูดต่อด้วยภาษามือว่า “จะว่าขู่ก็ไม่เชิง ก็แค่อยากให้น้าซัวลองคิดถึงสภาพบริษัทซูซื่อในตอนนี้ แล้วก็คิดถึงกำไรที่จะได้จากโครงการCCUดู ถ้าคิดว่าคุ้ม ก็ปล่อยแม่ฉันก่อน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาคุยกัน”
สำหรับผู้หญิงคนนี้ที่เมื่อสิบกว่าปีก่อน วางยาพ่อของตัวเองอย่างโหดเหี้ยม ทำให้เธอเป็นใบ้ และทำร้ายแม่ของตัวเองจนเป็นบ้า เธอหมดความเห็นใจครั้งสุดท้ายไปนานแล้ว
แค่โครงการเล็กๆอย่าง CCU จะถูกส่งต่อให้กับซัวฉ่ายลี่ และเซียวควนสองผัวเมีย ซูย้าวก็รู้สึกว่ามันมากเกินพอแล้ว
“ผู้รับผิดชอบโครงการ CCU ในประเทศจีนคือ เครือบริษัทลี่ซื่อ เธอจะเป็นคนจัดการได้ยังไง อย่ามาหลอกฉัน”ซัวฉ่ายลี่พูด
ซูย้าวยักไหล่เหยียดๆ และใช้ภาษามือพูดว่า “ถ้าน้าซัวไม่เชื่อ แล้วจะมาขอฉันทำไม ที่จริงเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่สามารถไปพูดกับเสิ่นซีได้ และเขาก็ไม่มีทางไว้หน้าบริษัทซูซื่อ ขอร้องฉัน จึงเป็นวิธีสุดท้ายของพวกเธอแล้ว”
ซัวฉ่ายลี่พูดไม่ออก เธอพูดถูกเกือบทั้งหมด
ขึ้นหลังเสือแล้วมันลงยาก
เธอขมวดคิ้วคิดเรื่องนี้ด้วยความลำบากใจ สุดท้ายก็พูดออกมาว่า “อย่าลืมนะว่าเธอก็เป็นทายาทผู้สืบทอดบริษัทซูซื่อเหมือนกัน ถ้าบริษัทซูซื่อล้มละลาย เธอก็ไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรเลยเหมือนกัน”
ซูย้าวพูดต่อด้วยภาษามือว่า “ถึงบริษัทซูซื่อจะไม่ล้มละลาย น้าซัวกับลุงเซียวก็ไม่มีแผนจะแบ่งให้มีส่วนของฉันหรอก ใช่มั้ยล่ะ”
“แก……”
ซัวฉ่ายลี่นึกไม่ถึงว่าซูย้าวจะอ่านแผนเล็กๆของเธอออกทั้งหมด
เธอโกรธขึ้นมาทันที ซัวฉ่ายลี่ชี้ไปที่เธอ และสาปแช่งว่า “นังหมาป่าตาขาว ฉันเลี้ยงแกมาจนโต พอปีกกล้าขาแข็งแล้ว แกกล้ามาแว้งกัดฉันหรอ แกลืมไปแล้วหรอว่าใครเลี้ยงแกมา เหมือนแม่บ้าๆของแกไม่มีผิด ชั้นต่ำ”
น้ำเสียงดูถูกอย่างรุนแรง แต่ซูย้าวมีภูมิคุ้มกันแล้ว
ใบหน้าบอบบางยังคงมีสีหน้าเหมือนเดิม เธอมองไป และพูดด้วยภาษามือว่า “นี่คือเงื่อนไข ตอนนี้น้าซัวอารมณ์ยังไม่คงที่ ลองกลับไปคิดดูดีๆ ว่าอนาคตของบริษัทซูซื่อสำคัญ หรือเงื่อนไขที่ฉันให้มันมากเกินไป”
“นังเด็กสารเลว แก …” ใบหน้าของซัวฉ่ายลี่แดงขึ้นมาด้วยความโกรธ เธอแทบไม่เคยถูกคุกคามมากขนาดนี้มาก่อน เธอได้แต่กัดฟันอย่างโกรธๆ
แต่ซูย้าวก็เดินไปที่ประตู และภายมือเชิญออกไป เพื่อแสดงถึงการจบบทสนทนาอย่างชัดเจน
ซัวฉ่ายลี่กัดฟันอย่างโกรธๆ “ดีนังซูย้าว คอยดูเถอะ มันจะต้องมีวันหนึ่งที่แกจะโดนตระกูลลี่เฉดหัวทิ้ง แล้วฉันจะคอยดูว่าแกจะทำยังไง”
เธอทิ้งคำพูดร้ายกาจไว้ และหยิบกระเป๋าจากไปด้วยความโกรธ
ซูย้าวปิดประตู และพิงร่างไว้กับประตูด้วยความอ่อนแรง เธอค่อยๆหลับตาลง ก่อนที่ใบหน้าที่ใจดีของแม่ จะฉายผ่านเข้ามาในสมองของเธอ
ซัวฉ่ายลี่กักขังอานโล๋มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เธอไร้อิสรภาพ ไม่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และบางครั้งซัวฉ่ายลี่ก็มักจะระบายความโกรธลงมาที่เธอและแม่เสมอ…
โครงการ CCU ในครั้งนี้ จะเป็นทางเดียวที่สามารถช่วยแม่ของเธอให้รอดจากกรงได้ เรื่องที่คุยกันในคืนนี้เป็นแค่การหยั่งเชิงเล็กๆเท่านั้น ถ้าซัวฉ่ายลี่ยังคิดจะเล่นกลอะไรอีก ก็มาลองกันดูสักตั้ง
คิดได้ถึงตรงนี้ ซูย้าวก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเธอส่องประกายชิงชังอย่างชัดเจน
ถึงเวลาต้องสู้กลับแล้ว
วันรุ่งขึ้นซูย้าวไปโรงพยาบาล เพราะไม่สบาย และไม่มียาที่บ้าน
พลางคิดว่าจะได้ตรวจเนื้องอกเล็กๆในคอตามที่โอวหยางเช่อบอกไว้ก่อนหน้านี้ด้วย ว่ามันดีหรือไม่ดีต่อร่างกาย
การตรวจชิ้นเนื้อไม่สามารถฉีดยาชาได้
มีดแข็งๆสอดเข้าไปในลำคอ และตัดติ่งเนื้อที่บริเวณเนื้องอกเพื่อทำการทดสอบ แม้ว่ากระบวนการทั้งหมดจะรวดเร็วมาก แต่ก็สามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้
หลังการตรวจ ใบหน้าของซูย้าวก็ซีดราวกับกระดาษ เธอรู้สึกเจ็บไปทุกอณูรูขุมขน
เธอค่อยๆลุกขึ้น และเดินลงไปชั้นล่าง
แต่เธอทันได้เห็นฉากในห้องฉุกเฉินโดยบังเอิญ เธอกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว พลางมองไปที่ร่างสูงที่อยู่กับผู้หญิงของเขาอยู่ไกลๆ เมื่อเห็นเขาอยู่ด้วยกันแบบนี้ เธอก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
ลี่เฉินซีดูแลผู้หญิงข้างกายเขาอย่างระมัดระวัง ท่าทางห่วงใยของเขา ทำให้เธอใจหลุดลอยไปทันที
ซูย้าวยิ้มอย่างขมขื่น หายใจเข้าลึกๆ และกำลังจะก้าวเดินอีกครั้ง แต่ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมา
“คุณชู”
เธอเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นหานฉ่ายหลิงยืนอยู่ชั้นล่าง
พร้อมกับร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอด้วย ลี่เฉินซีมีท่าทีเย็นชา ทั้งๆที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
“คุณซูกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมถึงมาโรงพยาบาลล่ะคะ ไม่สบายรึเปล่า” หานฉ่ายหลิงยังคงเป็นมิตรเหมือนเดิม ระหว่างพูด เธอก็เดินตรงมาหาเธอด้วย
สายตาของซูย้าวยังจ้องไปที่ผู้ชายข้างหลังของเธอ แต่เมื่อเห็นความเย็นชาบนใบหน้าของเขา พร้อมกับสายตาเฉยเมย ก็ทำให้ความเจ็บปวดในใจของเธอทวีความรุนแรงขึ้น