เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 96
บทที่ 96 สามีของคุณรวย
ชานเมืองอยู่ติดกับชายแดน ซูย้าวมารออยู่ที่หน้าบ้านพักคนชรานานแล้ว
ซัวฉ่ายลี่รีบมาด้วยความโกรธทันที เมื่อเธอได้รับข้อความ เธอขับรถด้วยความรวดเร็วปานสายลมจนมาถึง
ทันทีที่เธอลงจากรถใบหน้าที่มืดมนของซัวฉ่ายลี่ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เธอมองไปที่ซูย้าวที่อยู่ไม่ไกล พลางคิดว่าอยากจะฆ่าให้ตายๆไปซะ
ที่เหนือความคาดหมายของเธอก็คือ นอกจากซูย้าวแล้วยังมีโม่หว่านหว่านมาเป็นเพื่อนด้วย
เพราะการสื่อสารที่ไม่สะดวก โม่หว่านหว่านจึงมาที่นี่ด้วยฐานะล่าม
“ซูย้าวเธอบอกความจริงฉันมา บริษัทซูซื่อเกิดเรื่องใหญ่ และเรื่องอาเซียวของเธออีก เธอทำใช่มั้ย” ซัวฉ่ายลี่ถอดหน้ากากของตัวเองออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตำหนิ
ใบหน้าของซูย้าวนิ่ง และเย็นชา
เธอมองไปที่ซัวฉ่ายลี่ที่กำลังาดงวงฟาดงาอย่างคาดไว้อยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ
“ใช่หรือไม่ใช่ซูย้าวทำ คุณมีหลักฐานหรอ” โม่หว่านหว่านออกตัวโต้กลับ
ซัวฉ่ายลี่มองด้วยสายตากรุ่นโกรธ “หลักฐานก็คือมีแค่ซูย้าวที่รู้เรื่องบ้านของเราเป็นอย่างดี”
“ซูย้าวไม่ใช่คนเดียวที่รู้เกี่ยวกับตระกูลซูของคุณ ทำไมคุณไม่สงสัยคนอื่นล่ะ และน้าซัว คุณไม่ต้องลังเล ถ้ามีหลักฐาน คุณสามารถแจ้งตำรวจได้ เรารอได้เสมอ!”
โม่หว่านหว่านก็ไม่ได้โกรธ เธอยังพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทุกคำพูดของเธอทำให้ซัวฉ่ายลี่โกรธมากขึ้น
“แก……”
เธอชี้ไปที่โม่หว่านหว่าน จากนั้นเธอก็กวาดไปทางชูย้าวที่อยู่ข้างๆ “ฉันเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กๆด้วยความยากลำบาก จะเรียกฉันว่าแม่ยังได้เลย ซูย้าวเธอมันใจบาป จิ้งจอกตาขาว แกกล้ามาทำร้ายครอบครัวตัวเองได้ยังไง จะเรียกแกว่าอะไรถึงจะดี”
ซัวฉ่ายลี่รู้สึกสุดจะทน เธอทั้งสาปแช่ง และสบถคำพูดหยาบคายทุกอย่างออกมา
ซูย้าวฟังเงียบๆโดยไม่สนใจ และพูดด้วยภาษามือว่า “แม่ฉันล่ะ”
“แกยังต้องการอานโล๋หรอ” ซัวฉ่ายลี่ยิ้มเยาะ “ทำไมฉันต้องให้อานโล๋กับแก แกทำร้ายครอบครัวของฉันย่อยยับ แต่ยังมีหน้ามาขอแม่บ้าๆของแกงั้นหรอ ฝันไปเถอะ”
พูดจบ ซัวฉ่ายลี่ก็หันหลังเตรียมขึ้นรถ
แต่โม่หว่านหว่านเป็นคนมือไวตาไว เธอเดินไปกักซัวฉ่ายลี่ไว้ และพูด “น้าซัว เป็นคนมีเหตุผลหน่อย ซูย้าวก็แค่ต้องการแม่ของตัวเองคืน นี่มันเป็นเรื่องปกติของคน และไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง คุณคงไม่อยากขึ้นศาลเพราะเรื่องเล็กๆแค่นี้หรอกใช่มั้ย”
“แกพูดว่าไงนะ” ซัวฉ่ายลี่อึ้ง
โม่หว่านหว่านค่อยๆพูดช้าๆ “ตอนนี้บริษัทซูซื่อยังวุ่นวายไม่หยุด ประธานและรองประธานก็ถูกคุมขังทีละคน ไหนจะคณะกรรมการ ไหนจะธนาคาร … คิดว่าน้าซัวคงจะยุ่งมาก ไม่มีเวลาดูแล พวกเราเลยอยากจะแบ่งเบาภาระให้ ไม่ใช่หรอ”
เธอเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังกุมอำนาจทั้งหมดอย่างชัดเจน และเอก็พูดได้ดีมากเสียด้วย
ซัวฉ่ายลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น “ช่วยแบ่งเบาภาระฉันงั้นหรอ ฟังดูดีนะ! แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย มีสิทธิอะไรมาให้ฉันปล่อยอานโล๋”
เธอพูดอย่างรวดเร็ว และวกกลับไปประเด็นสำคัญอีกครั้ง
ซัวฉ่ายลี่ควบคุมอานโล๋มาตลอด เป้าหมายก็เพื่อจะควบคุมซูย้าว
ถ้าปล่อยอานโล๋ไป ไพ่ใบสุดท้ายในมือเธอก็จะหลุดไป เธอจะไม่สามารถบงการซูย้าวได้อีก เธอจะทำได้ยังไง
ซูย้าวมองเธอด้วยใบหน้านิ่งสงบ และพูดภาษามือ “ถ้าคุณปล่อยแม่ของฉัน คุณอยากได้อะไร”
ซัวฉ่ายลี่แสยะยิ้มในทันที เธอมองประเมินซูย้าวอย่างไม่อยากเชื่อ คนที่ทำให้บริษัทซูซื่อกลายเป็นอย่างวันนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังการติดคุกของเซียวควน ที่แท้ก็เป็นเด็กใบ้คนนี้
แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า ทำให้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดว่า “ปล่อยตัวอานโล๋ก็ได้ แต่ต้องให้อาเซียวของเธอออกมาจากคุกอย่างปลอดภัย และทำให้ทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัทซูซื่อกลับคืนสู่สภาพเดิม ถ้าทำได้ ฉันจะปล่อยทันที”
ซูย้าวพูดด้วยภาษามือว่า “แม้ว่าฉันจะหาทางฟื้นฟูบริษัทซูซื่อได้ แต่สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นอย่างนี้อยู่ดีในไม่ช้า การล้มละลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
ซัวฉ่ายลี่ไม่รู้จักบริษัทมาก่อน แต่ตอนนี้เธอก้าวเข้ามาในบริษัทท่ามกลางความยุ่งเหยิง แน่นอนว่ามันไม่สามารถฟื้นฟูได้ภายในเวลาวันสองวันแน่นอน
หลังจากชั่งน้ำหนักผลประโยชน์แล้ว เธอก็พูดอีกครั้งว่า “งั้นเอาอย่างนี้ เธอให้ฉันพันล้าน ฉันจะพาซูหยวนไปจากที่นี่ และก่อนไปฉันจะปล่อยแม่ของเธอ”
หนึ่งพันล้าน
ทันทีที่คำพูดนั้นออกมา โม่หว่านหว่านก็อดไม่ได้ที่จะยักไหล่ และยิ้มเยาะ” พันล้านหรอ ฝันสูงไปรึเปล่า”
เตรียมชิ่งแล้ว ยังไม่ลืมที่จะกดขี่ซูย้าวอีก
ซูย้าวยังคงสงบ ไม่ได้ทำท่าประหลาดใจเหมือนโม่หว่านหว่าน เธอพูดด้วยภาษามือว่า “พันล้านมากเกินไป ฉันไม่มีขนาดนั้น พวกเราอย่าทำให้มันยากเลย ปล่อยแม่ของฉัน ทุกอย่างยังคุยกันได้”
เรื่องเป็นอย่างนี้แล้ว ซัวฉ่ายลี่ยังจะเจรจาอะไรได้อีก
เธอพูดเพียงว่า “แกไม่มีเงิน แต่สามีของแกมี! ให้ลี่เฉินซีจ่ายเงินไถ่แม่ยายของเขาสิ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ลูกเขยที่ดีควรทำ”
เมื่อคิดดีๆแล้ว โม่หว่านหว่านก็รู้สึกถูกอยู่เหมือนกัน
แต่ก่อนที่โม่หว่านหว่านจะแสดงความคิดเห็นออกมา ซูย้าวก็พูดด้วยภาษามือว่า “เอาอย่างนี้ ตอนนี้น้าซัวขายหุ้นของบริษัทซูซื่อ ขายอสังหาริมทรัพย์ และรถยนต์ที่มีอยู่ แค่นี้ก็มีเงินหลายสิบล้านแล้ว พอที่จะให้คุณใช้ไปจนแก่แล้วไม่ใช่หรอ”
ซัวฉ่ายลี่ประหลาดใจ ซูย้าวรู้ได้อย่างไรว่า เธอมีอสังหาริมทรัพย์ที่เธอเก็บไว้เป็นส่วนตัวมานานหลายปี และหุ้นของบริษัทซูซื่อที่แอบซื้อมาด้วย
“ทางเลือกที่ฉันให้คุณตอนนี้คือความเมตตากรุณาขั้นสูงสุด!” ซูย้าวพูดด้วยภาษามือ
ดวงตาของซัวฉ่ายลี่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ เวยรอยยิ้มที่ไม่มีแววซึ้งใจเลยสักนิด มีแต่รอยยอ้มแห่งความถากถาง เยาะเย้ย
“ซูย้าว แกจะขู่อะไรฉันได้อีก ยังไงฉันก็จะไม่ปล่อยอานโล๋ เธอจะทำอะไรกับฉันได้” เธอถามอย่างเย็นชา
ซูย้าว มองไปที่เธอ และหายใจเข้าลึกๆ
เธอคิดว่าซัวฉ่ายลี่น่าจะได้บทเรียนแล้ว จากเรื่องเหล่านี้ คิดไม่ถึงว่ามันจะยังเหมือนเดิม
เธอพูดด้วยภาษามือว่า “ถ้าวันนี้ฉันไม่เห็นแม่ของฉัน พรุ่งนี้เช้าผู้ถือหุ้นทุกคน และธนาคารจะมาเยี่ยมอีกครั้ง ไม่เพียงแค่นั้น จะยังมีหลักฐานใหม่เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมของประธานเซียว และคำพิพากษา…มันจะเป็นยังไง ฉันเองก็คาดไม่ได้”
โม่หว่านหว่านยังพูดเสริมว่า “ถ้าน้าซัวอยากลอง เรามาลองด้วยกันก็ได้ แต่ตอนนี้เย็นแล้ว คุณค่อยๆเถอะ”
จากนั้นโม่หว่านหว่านก็ดึงมือซูย้าว และหันไปขึ้นรถ
ซัวฉ่ายลี่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า เธอรู้ดีว่าเงินในมือตอนนี้ แม้จะทิ้งเซียวควน และหนีไปต่างประเทศก็ไปอยู่ได้ไม่กี่ปี ถ้าเธออยู่ในประเทศจีนบริษัทซูซื่อก็ยังยุ่งอยู่ …
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!”
ซัวฉ่ายลี่อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูด ความเย่อหยิ่งของเธอก็หายไป เหลือเพียงแค่การรักษาหน้าตัวเองเล็กน้อย
“ซูย้าว อย่าคิดว่าที่ฉันปล่อยอานโล๋ไป เพราะฉันกลัวเธอล่ะ! คราวนี้แกเอาคืนพวกเรา ฉันจะจำไว้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
พูดจบซัวฉ่ายลี่ก็เดินกระแทกไหล่ซูย้าวไปอย่างรุนแรง ตรงเข้าไปในบ้านพักคนชรา
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่สองคนก็ผลักรถเข็นของอานโล๋ออกมาจากที่นั่น
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้เจอแม่ของตัวเองอีกครั้ง
ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็แดงขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่