เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 612 สินสอดของเธอ
“เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกะทันหัน หรือมีคนเจตนาทำให้’อุบัติเหตุ’เกิดขึ้น สำหรับเรื่องนี้ทางตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทางเราจะออกอากาศโดยเร็วที่สุด……”
“ตอนนี้นักข่าวของเราได้เชิญคนในครอบครัวของผู้เสียหายมาแล้ว เรามาฟังความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้……”
ในทีวี เสียงของนักข่าวและคนในครอบครัวของผู้เสียหายดังอยู่ต่อเนื่อง เสียงร้องไห้และเสียงด่าทอแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน และซูย้าวเอง ก็กลายเป็นเป้าหมายหลักของความโมโหของทุกคน
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ราวกับระเบิดที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน ผลที่ตามมาและความคิดเห็นของผู้คน ล้วนแต่เป็นเรื่องที่คาดเดาและจินตนาการไม่ได้
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ก็เป็นเรื่องที่ซูย้าวจินตนาการไม่ได้ตอนนี้
เธอยืนตกใจอยู่กับที่ มองดูท่าทางของคนที่ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลบนหน้าจอทีวี เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและมองไปที่ผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยสายตาที่เย็นชา ปิดทีวีทันที “พวกนายจัดการยังไง?”
อาเจว๋ตกใจและก้มหน้าลงทันที
อาตงก็มีปฏิกิริยาเดียวกับเขา แต่เขาพูดเบาๆว่า “คุณหนู เรื่องนี้เราไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ!”
ซูย้าวยกมือขึ้นมาจับหน้าผากอย่างออ่อนแรง ก้าวขาเดินไปนั่งบนโซฟา “พวกนายจ้างคนไปรังควานพวกเขา?”
อาตงกับอาเจว๋ส่ายหน้าพร้อมกัน “ไม่ได้จ้างครับ ไม่ได้จ้างจริงๆ!”
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างอ่อนแรง “แล้วค่าชดเชยการเคลื่อนย้ายล่ะ?”
“พวกเราทำตามข้อกำหนดของคุณมาโดยตลอด” อาตงรีบพูด “ก่อนหน้านี้คุณลดเหลือยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เราก็ทำตาม แต่ผู้ที่อยู่อาศัยพวกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือ เราก็พยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขา ต่อมาคุณก็ส่งข้อความมาอีก บอกให้เราเปลี่ยนค่าชดเชยเป็นชดเชยเต็มจำนวน แล้วยังอนุญาตให้เคลื่อนย้ายกลับ จึงมีผู้ที่อยู่อาศัยจำนวนมากเห็นด้วยและเซ็นชื่อในสัญญา”
ซูย้าวหลับตาลง ตอนที่เธอออกมาจากหรู่โจว เธอได้ส่งข้อความถึงอาตงกับอาเจว๋จริงๆ บอกให้พวกเขาเปลี่ยนค่าชดเชยการเคลื่อนย้าย ไม่แค่เพิ่มจำนวนเงินชดเชย แต่ยังทำตามความต้องการของผู้ที่อยู่อาศัยทุกคนภายใต้ขอบเขตความสามารถของตัวเอง
ในเมื่อทำแบบนี้แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น!
เธอลืมตาขึ้นและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ชื่อเสียงบริษัทของเราในต่างประเทศย่ำแย่มาตลอด การที่กลับมาในประเทศครั้งนี้ ไม่ได้คาดหวังว่าจะเอาชื่อเสียงกลับคืนมา แต่อย่างน้อย มันก็ไม่ควรเกิดเรื่องแบบนี้!”
รากฐานของบริษัทบริษัทหนึ่งที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ก็คือชื่อเสียง
แต่Double Aceกรุ๊ปกลับไม่มี
สองสามปีมานี้ เธอกับอานเจียเย้นร่วมกันบริหารบริษัท เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและอิทธิพลของตัวเอง พวกเขาใช้วิธีการต่างๆนานาในการกลืนกินบริษัทอื่นๆ ในขณะที่สร้างศัตรู พวกเขาก็ได้สูญเสียชื่อเสียงดีๆไปแล้วจริงๆ
แต่เรื่องแบบนี้ในตลาดต่างประเทศไม่ใช่เรื่องใหญ่ กลับมาครั้งนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้……
ความโมโหในใจของเธอพุ่งขึ้นมา พลุ่งพล่านขึ้นมาราวกับเปลวไฟ แผดเผาหัวใจและปอดของเธออย่างเจ็บปวด
อาตงและอาเจว๋ราวกับเด็กน้อยสองคนที่ทำผิด พวกเขายืนทำหน้ารู้สึกผิดอยู่ข้างๆ ท่าทางราวกับกำลังรอให้เธอสั่งสอน
ซูย้าวมองดูพวกเขาแล้วขมวดคิ้ว “ไปตรวจสอบดู หาสาเหตุของเรื่องให้เจอแล้วรีบมารายงานฉันให้เร็วที่สุด!”
เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “แล้วอีกอย่าง ไปตรวจสอบดูว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทลี่ซื่อรึเปล่า”
สำหรับลี่เฉินซี เธอยังคงสงสัยและไม่มั่นใจ
“ครับ!” อาตงและอาเจว๋ตอบกลับมาพร้อมกัน
มองดูพวกเขารีบเดินออกไป ซูย้าวก็เรียกพวกเขาหยุดอีกครั้ง “แล้วอีกอย่าง……”
ทั้งสองคนหยุดเดินแล้วหันกลับมามองเธอ “มีอะไรอีกครับ?”
ซูย้าวจับหน้าผาก ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “รวบรวมข้อมูลของพนักงานทุกคนมาให้ฉันชุดหนึ่ง”
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ หากไม่ใช่อุบัติเหตุจริงๆ มันจะต้องมีคนเจตนาอย่างแน่นอน และคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือพนักงาน
เงื่อนงำเล็กๆน้อยๆก็ปล่อยไปไม่ได้ เรื่องราวทั้งหมด จะต้องตรวจสอบให้ถึงที่สุด!
“ครับ!” ทั้งสองคนตอบรับอีกครั้งและหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ทั้งสองคนจากไป ซูย้าวก็ไม่มีอารมณ์นอนอีกต่อไป เปิดทีวีและดูเนื้อหาที่ออกอากาศอีกครั้ง นักข่าวแต่ละคนล้วนแต่ใช้คำพูดอ้อมๆในการทำลายชื่อเสียงของDouble Aceกรุ๊ปให้ถึงที่สุด และในขณะเดียวกัน พวกเขายังขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตออกมาพูดด้วยอีกต่างหาก
เพราะแบบนี้ เธอไม่ต้องค้นหาบนอินเทอร์เน็ตก็เดาออกว่า คำพูดที่ต่อว่าประณามบนอินเทอร์เน็ตคงจะท่วมท้นและล้นหลามแล้ว
ในชั่วข้ามคืน ชื่อของ’อานหว่านชิง’ ก็กลายเป็นประเด็นร้อน
แล้วยังมีคนถึงกับนิยามว่าเธอเป็นแบบอย่างของผู้หญิงที่ชั่วร้ายในยุคใหม่ แล้วยังมีคนขุดคุ้ยเอาเรื่องราวก่อนๆของเธอออกมาพูด ถึงขึ้นบอกว่าเธอเป็น’ผู้หญิงชั่ว’ ‘ผู้หญิงมีพิษ’
ซูย้าวไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก ถึงแม้ว่าความคิดเห็นของสาธารณะจะรุนแรง แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวมัน อย่างน้อยเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่ผิดไม่ใช่เหรอ?
สายโทรศัพท์ของอานเจียเย้นโทรมาตอนกลางดึก
ซูย้าวนอนไม่หลับทั้งคืน เธอนั่งอยู่ในห้องหนังสือตลอด มองคอมพิวเตอร์อย่างเหม่อลอย ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมารับโดยที่ไม่ดูหน้าจอเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่พูดไม่จาและผู้ชายที่อยู่อีกฝั่งก็ไม่พูดไม่จา พวกเขาเงียบไปพักหนึ่ง ผ่านไปสักพัก อานเจียเย้นก็มีแนวโน้มที่จะพูดออกมา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอันแผ่วเบา ฟังดูแล้วช่างสงบเยือกเย็น “ยังโกรธพี่อยู่?”
ซูย้าวเกาคิ้วอย่างอ่อนแรงและพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “ใครจะกล้า”
“ดูก็รู้ว่ายังโกรธอยู่!” อานเจียเย้นยิ้ม “พี่บอกให้เธอกลับไปแล้ว ถ้าพี่กลัวว่าเธอจะสืบค้นพี่จะทำแบบนี้เหรอ?”
ซูย้าวใจหาย ดวงตาที่ชัดเจนขยับเบาๆ
อำนาจของอานเจียเย้นนั้นยิ่งใหญ่ ตอนอยู่ที่ยุโรป หากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ไม่ว่าลี่เฉินซีจะแข็งแกร่งแค่ไหน หรือไม่ว่าวิธีของเขาจะโหดเหี้ยมแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางพาเธอจากไปได้
เรื่องนี้ ซูย้าวรู้อยู่แก่ใจ
“สิทธิ์ในการเลือกอยู่ในมือของเธอเสมอ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง วันหนึ่งเธอจะรู้เอง ส่วนจะเลือกยังไงนั้นมันเป็นเรื่องของเธอ”
ในน้ำเสียงที่แผ่วเบาและอ่อนโยนของอานเจียเย้น ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรเลยแม้แต่น้อย
ซูย้าวถอนหายใจอย่างอ่อนแรง “พี่ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง”
เขาหัวเราะเบาๆ “เอาล่ะ ไม่พูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอแล้ว คิดออกรึยังว่าจะจัดการยังไง?อยากจะให้พี่ช่วยไหม?”
ซูย้าวขมวดคิ้ว เอนตัวที่ผอมบางพิงเก้าอี้ “พี่จะช่วยยังไง?”
ถามกลับไปแบบนั้นแต่ก็ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับมา เธอพูดต่อว่า “ช่างเถอะ ฉันหาวิธีจัดการเองได้”
“อืม” อานเจียเย้นตอบกลับมา “ปัญหาไม่ได้ใหญ่มาก เธอรับมือได้ แต่ว่าชิงชิง มีเรื่องหนึ่งที่พี่ต้องเตือนเธอหน่อย”
ซูย้าวเลิกคิ้ว “เรื่องอะไร?”
“เมื่อก่อนชื่อเสียงของบริษัทไม่ค่อยดีนัก พี่เองก็มองข้าม แต่ต่อไปบริษัทจะอยู่ในมือของเธอ เรื่องนี้ เธอต้องให้ความสำคัญ”
คำพูดนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหู ซูย้าวรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ย เธออดไม่ได้ที่หัวเราะแห้ง “แม้แต่พี่ยังไม่สนใจเรื่องนี้ ให้ฉันสนใจ?หรือว่า ตั้งแต่นี้ไป พี่จะให้ฉันเปลี่ยนแปลงชื่อเสียงของบริษัท?”
อานเจียเย้นตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา “ประมาณนั้นแหละ!”
จากนั้นเขาอธิบายต่อว่า “ที่พี่ไม่สนใจก็เพราะว่าบริษัทนี้ไม่สำคัญอะไรกับพี่ ไม่ว่ามันจะดำเนินต่อไปหรือล้มละลายก็ไม่เป็นอะไร แต่เธอไม่เหมือนกัน”
ซูย้าวขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ทำไมฉันถึงไม่เหมือนกัน?”
เขายังคงหัวเราะ อารมณ์เหมือนขี้เล่นแต่ก็เหมือนเยาะเย้ย “เพราะว่าพี่จะเอาบริษัทนี้เป็นสินสอดของเธอไง!”
ซูย้าว “……”
“จัดการให้ดี! มีเรื่องอะไรก็ติดต่อพี่”
อานเจียเย้นวางสายไปอย่างรวดเร็ว แต่ซูย้าวกลับยังมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างซื่อบื้อ เหม่อลอยอยู่ตลอด
ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่า อานเจียเย้นต้องทำอะไรกับความทรงจำของเธอแน่ๆ เธอแทบจะเป็นคนเดียวกันกับซูย้าว แต่ว่า เขาทำยังไง?
ทำขนาดนี้แล้ว ตอนนี้กลับบอกให้เธอให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของบริษัท ทำไมกัน?
อานเจียเย้นคนนี้ เป็นเหมือนเงาที่ปกคลุมอยู่ในความมืดตลอด ทำให้คุณจับร่องรอยไม่ได้ ลึกลับและคาดเดายาก
อยากจะรู้เจตนาที่แท้จริงของเขา มันไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ค่อนข้างยุ่งยากจริงๆ ซูย้าวพยายามสงบสติอารมณ์ ในที่สุดก็ผ่านพ้นมาจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาล
ในฐานะผู้ดูแลDouble Aceกรุ๊ป สำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ เธอจำเป็นต้องไปเยี่ยมพวกเขาด้วยตัวเอง แล้วอีกอย่าง สาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุก็ยังหาไม่เจอ การไปตรวจสอบด้วยตัวเองก็เป็นเรื่องที่ดี