เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 641 ดูท่าจะยังไม่ได้โง่มาก
สิบกว่าคน สายตาแต่ล่ะคู่ กวาดมองมาที่ตัวของซูย้าวอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกแบบนั้น ราวกับมีหนามทิ่มหลัง ความตื่นกลัวแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขน
ซูย้าวเงยหน้ามองไปที่ลี่เฉินซีอย่างดุร้าย แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ความหมายในแววตานั้นชัดเจน เห็นได้ชัดว่าการที่เขาลากเธอมาที่นี่ มีจุดประสงค์ไม่ดี!
แต่ลี่เฉินซีกลับแววตานึกลึก มองมาที่เธอเงียบๆ ไม่ตอบสนองใดๆ
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกอย่างทำอะไรไม่ได้ แน่นอน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่สามารถมุ่งไปที่ชายหนุ่ม พึ่งใครก็ไม่สู้พึ่งตัวเอง!
เธอขจัดความกังวลแล้วทำใจดีสู้เสือครั้งแล้วครั้งเล่า หันหน้าไปมองฝูงคน กำลังจะพูดออกมาอย่างลังเล แต่กลับถูกผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นขัดขึ้น “ประธานอาน ขอบคุณคุณมากจริงๆ นะ!”
ขอบคุณ?!
ซูย้าวผงะ แทบจะครุ่นคิดถึงคำพูดของหญิงสาวสองสามคำด้วยความประหลาดใจ ขอบคุณเธอ? เพราะอะไร?
“ใช่แล้ว ขอบคุณคุณมากเลย!” ด้านข้างมีคนพูดต่อ “ก่อนหน้านี้พวกเรากล่าวโทษคุณผิดไป แล้วยังทำให้คุณลำบาก พวกเรานี่ช่างโง่เขลาเบาปัญญาจริงๆ !”
“ประธานอาน คุณเป็นคนใหญ่คนโตที่จิตใจกว้างขวางจริงๆ แม้ว่าจะไม่ได้ชดเชยให้พวกเราผู้เสียหายในนาม แต่ในความเป็นจริงแล้วช่วยยื่นขอสวัสดิการให้พวกเรามากมาย ติดต่อหน่วยงานของพวกเราทีละคน อธิบายสาเหตุการได้รับบาดเจ็บอย่างชัดเจน ให้เวลาพวกเราได้พักฟื้นร่างกาย”
ยังมีผู้เฒ่าคนหนึ่งเข้ามาพูดต่อ “ใช่แล้ว ประธานอานคุณเป็นคนใจกว้างนัก เพื่อให้พวกเราย้ายที่อยู่ได้ ยังช่วยเช่าห้องให้เราอีก กระทั่งจัดแจงบริษัทขนย้ายมาให้ พวกเราจัดเก็บข้าวของแล้ว อีกสองวันก็จะย้ายไปแล้ว!”
“จะไม่สร้างความลำบากให้คุณอีกเด็ดขาด ก่อนหน้านี้พวกเราโง่เขลาเกินไปจริงๆ เพื่อเงินเล็กน้อยพวกนั้น เกือบจะเข้าใจคุณผิดแล้ว ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ!”
ขณะที่กลุ่มคนพูด ก็นึกถึงสิ่งที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างก้มศีรษะลงโดยไม่ได้นัดหมาย ผู้เฒ่าคนนั้นยังโค้งคำนับให้ซูย้าวก่อนเป็นคนแรก เพื่อแสดงความขอบคุณ
ซูย้าวถูกการกระทำของคนเหล่านี้ ทำให้ประหลาดใจโดยสมบูรณ์ไม่ง่ายเลยที่จะได้สติกลับมา รีบหยุดการโค้งคำนับของผู้เฒ่าไว้ จากนั้นถึงพูดขึ้น “ฉันช่วยเช่าห้องให้พวกคุณ?”
อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่แล้ว คุณไม่ต้องทำความดีโดยไม่เอ่ยนามแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะประธานลี่บอกพวกเรา พวกก็ยังอยู่ในความมืดมิด!”
“เข้าใจผิดต่อคุณใหญ่หลวงขนาดนั้น คุณยังใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนต้อยต่ำ ช่วยเหลือพวกเราแบบนี้ จะให้พวกเราพูดยังไงดี?”
ซูย้าวฟังคำพูดของคนเหล่านี้ แล้วก็มองไปที่ลี่เฉินซีด้วยความสงสัย เห็นใบหน้าหล่อๆ ของเขานิ่งลึก เป็นเหมือนอย่างเคย ก็แทบจะมั่นใจได้ว่า เรื่องนี้ เขาเป็นคนทำทั้งหมด
จากนั้นก็ให้เครดิตทั้งหมดกับเธอ ดังนั้นถึงพาเธอมาที่นี่อย่างยิ่งใหญ่ ก็เพื่อให้เธอได้เห็นและได้ยินสิ่งเหล่านี้
หลังจากเข้าใจอย่างถ่องแท้ เธอก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้ฝูงคน “เป็นสิ่งที่ฉันควรทำทั้งนั้น มีกำลังที่จะทำได้ สร้างสภาพแวดล้อมในชีวิตที่ดีให้กับทุกคน ก็เป็นเป้าหมายและจุดประสงค์ของเราด้วย!”
คำพูดที่สวยงาม ใครก็พูดได้
ถึงยังไงเครดิตสำหรับเรื่องนี้ ก็อยู่ที่เธอแล้ว ทำไมเธอไม่ใส่คำอธิบายเพิ่มเติมเสียหน่อยล่ะ?
ทำเหมือนลี่เฉินซีเป็นคนทำให้ความปรารถนาเป็นจริง ส่วนเธอนั่งดูความสำเร็จเฉยๆ ก็พอ
เมื่อคิดเช่นนี้ ซูย้าวก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย พูดคุยกับคนเหล่านี้ ใช้เวลาไปพักหนึ่ง เมื่อปลอบโยนผู้คนแล้ว ทั้งสองก็ออกมาจากชุมชนนั้น ชายหนุ่มคว้ามือของเธอ อย่างหนักแน่น “อารมณ์ดีแล้ว?”
หญิงสาวหันไปมองเขา “พื้นที่ถนนนกู่อานมีผู้คนแบบนี้ไม่รู้กี่หมื่นคน ถ้าคุณลี่ใจกว้างบริจาคเงิน ช่วยเช่าห้องให้พวกเขาทุกคน ให้ค่าตอบแทนสูง เช่นนั้น ฉันก็ไม่มีคำค้าน”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างเย็นชา “เธอคิดว่าฉันโง่ถึงจุดนั้นเลยเหรอ?”
เขาเพียงแค่เช่าห้องให้กับกลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ แล้วจ่ายค่าชดเชยผ่านช่องทางหนึ่งเท่านั้น สำหรับคนอื่นๆ ยังต้องให้ซูย้าวกับลูกน้องของเธอขยันทำงานพูดเกลี้ยกล่อม
ถึงอย่างไร บนโลกใบนี้ ก็ไม่มีอาหารกลางวันฟรี
ต้องการผลประโยชน์จากสวรรค์ มันเป็นไปไม่ได้ แล้วที่ครอบครัวผู้เสียหายได้รับสวัสดิการเช่นนี้ เพราะมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ
สามารถฟื้นฟูชื่อเสียงน่าเกลียดของเธอกลับมาได้จากอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มากก็น้อย ใช้เงินนิดหน่อย ก็นับว่าคุ้มค่า
ซูย้าวมองไปที่เขา กะพริบตา “ดังนั้นส่วนที่เหลือที่นายอยากพูด ก็คือให้ฉันพยายามเหรอ?”
ดวงตาเหยี่ยวแคบยาวของชายหนุ่ม มองไปที่เธอเงียบๆ ยื่นมือออกไปขยี้ศีรษะเล็กๆ ของเธอ “ดูท่าจะไม่ได้โง่เกินไป”
เธอมองชายหนุ่มที่ผละจากข้างกายเธอ แล้วเดินตรงไปข้างหน้า ชำเลืองมองปากล่างอย่างไม่อดทน “บอกฉันว่าอย่าใช้ความน่าสงสารของผู้หญิง แต่นายเองกลับทำเรื่องใจบุญพวกนี้ลับหลัง ขัดแย้งกับตัวเอง!”
ฝีเท้าที่ก้าวไปข้างหน้าของลี่เฉินซีชะงักเล็กน้อย หันกลับมาเหลือบมองไปที่เธอ ยื่นมือไปจับมือเล็กๆ ของเธออีกครั้ง สิบนิ้วประสานกัน “นี่มันไม่เหมือนกัน”
“ถ้าบริษัทลี่ซื่อออกหน้าเอง ไม่ว่าเรื่องนี้จะให้เครดิตอยู่บนตัวเธอ หรือบนบริษัทลี่ซื่อ ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน และจะไม่มีใครระแวดระวังการจัดแจงเรื่องนี้ และจะไม่มีใครปล่อยข่าวลือ เข้าใจไหม?”
ดวงตาที่งดงามของซูย้าวสั่นเล็กน้อย เธอจะไม่เข้าใจได้ยังไง ชื่อเสียงของบริษัทลี่ซื่อเป็นที่รู้กันดี ไม่ว่าจะทำเรื่องชั่วร้าย หรือทำความดี ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยทั้งนั้น
แต่กับDouble Aceกรุ๊ปของเธอนั้นทำแบบนี้ไม่ได้ เดิมทีก็ชื่อเสียงย่ำแย่ในต่างงประเทศอยู่แล้ว ตอนนี้ถ้ามีข้อพิพาทอีก มีแต่จะทวีความรุนแรงขึ้น
ลี่เฉินซีจับแขนเล็กๆ ของเธอ เมื่อเดินมาถึงริมถนน หวางอี้ก็เปิดประตูรถด้านหลังไว้อยู่นานแล้ว ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเคารพ ทำสัญญาณมือ ‘เชิญ’ให้ทั้งสอง
ซูย้าวยังคงไม่ยอมขึ้นรถ แต่ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้เธอยืนกราน ภายใต้ความกะทันหัน ก็ถูกลี่เฉินซีผลักเข้าไปที่นั่งข้างคนขับโดยตรง
จากนั้นเขาก็ส่งสายตาให้หวางอี้ หวางอี้เข้าใจในทันที ปิดประตูหลังรถ แล้วเดินไปทางรถของซูย้าวที่อยู่ด้านข้าง
ลี่เฉินซีเดินอ้อมผ่านรถ มานั่งตำแหน่งคนขับ สตาร์ทรถตรงออกถนนไป มือข้างเดียวหมุนพวงมาลัย น้ำเสียงต่ำนิ่งสง่างามล้นออกมาจากปาก “หวางอี้จะขับรถเธอกลับไปให้ ตอนนี้ไปโรงเรียนกับฉัน”
“โรงเรียน?” ซูย้าวตกตะลึงทันที “ฉันก็ไปด้วย? เพราะอะไร?”
สิ้นเสียงพูด ก็สังเกตเห็นดวงตาที่เยือกเย็นของชายหนุ่มมองมา มืดมน ดุร้าย ราวกับหมาป่าผู้หิวโหยในถิ่นทุรกันดาร และเหมือนสัตว์ร้ายที่หลุดออกจากกรง
หัวใจที่ไม่อาจควบคุมได้ของเธอรัดกุม เงียบเสียงโดยไม่รู้ตัว
แม้จะไม่รู้ว่าตนเองหวาดกลัวอะไรกันแน่ แต่ก็ยังทำให้เธอปล่อยให้เขากวนใจโดยไม่รู้ตัว
ปล่อยให้เขาขับรถตรงไปที่โรงเรียนประถมทดลองที่อยู่ในเมือง ระหว่างทาง ทั้งสองนิ่งเงียบไม่พูดจา ซูย้าวเอาแต่ก้มหน้าดูข่าวในมือถือ มีข่าวที่เกี่ยวกับDouble Aceไม่น้อย
เพียงแต่จากคำพูดเชิงโจมตีเต็มหน้าจอเมื่อก่อน มาจนถึงคำชื่นชมอย่างตอนนี้ มันช่างเป็นความเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าดินจริงๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับความสามารถในการกุเรื่องของนักข่าวเหล่านี้
แน่นอน พลังแห่งความคิดเห็นของประชาชน อยู่ไกลเกินจินตนาการของผู้คน
ไม่ว่าเนื้อหาที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร จะฟังเขาพูดมาอีกที หรือจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ช่าง คำพูดสองสามคำ ก็สามารถอธิบายคนคนหนึ่ง หรือองค์กรหนึ่งได้ หลักการที่ว่าคำซุบซิบนินทานั้นน่ากลัว เกรงว่าจะมาจากแบบนี้
ระหว่างทาง เธอจมดิ่งอยู่ท่ามกลางเนื้อหาข่าวไม่อาจถอนตัวได้ มองดูคำพูดชื่นชมเหล่านั้น เลี่ยงไม่ได้ที่จะอารมณ์ดีขึ้นหน่อย จนกระทั่งโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา
“คุณอาน ดิฉันเป็นทนายของคุณอู๋หงยุ่น เกี่ยวกับคดีที่คุณทำอันตรายต่อคุณอู๋ทางดิฉันได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว อยากที่จะตรวจเช็คกับคุณหน่อยค่ะ”
ฟังน้ำเสียงไพเราะหวานเยิ้มของหญิงสาวที่ปลายสาย ซูย้าวกลับหยุดเส้นเลือดที่หน้าผากให้หยุดเต้นไม่ได้ “ต้องการตรวจเช็คอะไร?”
“ไม่ทราบว่า ก่อนหน้าที่คุณกับคุณอู๋หงยุ่นจะพบกันที่ไนท์คลับตอนช่วงเช้าของวันที่8 และกลางคืนวันที่7 ได้มีความขัดแย้งอะไรกันไหมคะ?”
ดวงตาสวยงามของซูย้าวกะพริบ ลังเลเล็กน้อย ไม่ได้ตอบไปทันที
แน่นอน ในระหว่างที่เธอเงียบไป อีกฝั่งก็พูดขึ้นอีก “ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่การเข้าใจผิดเรียบง่ายแบบนั้นสินะคะ! คุณอู๋หงยุ่นโจมตีคุณ แล้วยังทำร้ายร่างกายคุณ แล้วยังจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่รอบๆ พยายามที่จะทำร้ายคุณ ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่?”
ซูย้าวผงะทันที ความคิดดังก้องด้วยความตกตะลึง คำพูดเหล่านี้ถูกพูดโดยทนายฝ่ายจำเลยของอีกฝ่ายแน่เหรอ?
หากเธอให้คำตอบที่แน่ชัดไป จะเป็นผลประโยชน์ต่อเธอ หรือว่าผลร้ายกันล่ะ?