เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 643 หมวกที่มีสี
“หลินเจว๋กับหลี่สวี่ตง ใช่ไหม?”
ลี่เฉินซีน้ำเสียงพึมพำ พูดชื่อทั้งสองคนออกมาอย่างไม่ชัดเจน
ซูย้าวใช้แววตาที่ซับซ้อน มองไปที่เขากึ่งๆ เกรงขาม “หมายความว่ายังไง? นายจะทำอะไร?”
เขาขับรถไปๆ มาๆ อยู่บนทางหลวง แววตาที่น่าเกรงขามหรี่ลง “พวกเขาอยู่กับเธอมานานแค่ไหนแล้วกันแน่? พวกเธอ…..อาศัยอยู่ด้วยกัน?”
ดูเหมือนนี่ถึงจะเป็นคำถามสุดท้ายจากการวกไปวนมาของเขา
ซูย้าวขมวดคิ้ว เอ่ยปากอย่างช่วยไม่ได้ “ต่อให้อาศัยอยู่ด้วยกัน แล้วมันทำไม?”
เธอชะงักเล็กน้อย พูดขึ้นอีก “หรือว่าคุณลี่ตอนนี้คือ…..หึงเหรอ?”
อารมณ์ที่แทบจะไม่สามารถจินตนาการได้ เกิดขึ้นในใจของเธออย่างกะทันหัน คิ้วที่ขมวดแน่นเผยความยุ่งเหยิง ทันใดนั้นแววตาเธอก็เป็นประกาย ราวกับหาเหตุผลอะไรบางอย่างเจอ รีบพูดขึ้นอีก “คุณลี่ ในความเข้าใจของคุณ ฉันเป็นผู้หญิงแบบไหน?”
“นายคิดว่าฉันจะเป็นเหมือนอดีตภรรยาของนาย อุทิศตนทำตามหน้าที่ ปฏิบัติตามหลักศีลธรรมของผู้หญิงแต่งงานมีสามีคนเดียวไปชั่วชีวิต?” บนใบหน้าที่ประชดประชันของเธอเผยความเย้ยหยัน
แต่รอยยิ้มแล้วแววตานั้น เป็นจริงหรือปลอม ลี่เฉินซีแค่มองก็รู้ได้ทันที
ซูย้าวหาช่องโหว่ได้อย่างยากลำบาก แน่นอนว่าไม่อยากยอมแพ้ รีบพูดขึ้นต่อ “ขอทีเถอะ ฉันคืออานหว่านชิงนะ ไม่ใช่ซูย้าวคนนั้นของนาย ไม่รู้ว่าตามความเข้าใจของนาย ฉันเป็นยังไงกันแน่ แต่ว่า ตอนนี้ฉันสามารถบอกความจริงกับนายได้……”
ดวงตากลมโตสดใสของเธอ มองไปที่เขาอย่างมั่นคง น้ำเสียงน่าฟังอ่อนโยน เอ่ยออกมาทีละคำ “ชีวิตส่วนตัวของฉันยุ่งเหยิงมาก ยุ่งเหยิงถึงขนาดที่นายนึกไม่ถึงแน่นอน ดังนั้น พวกเรารีบจบความสัมพันธ์แบบนี้ให้เร็วที่สุดเถอะ!”
“เพื่อเลี่ยงไม่ให้สักวันหนึ่งจู่ๆ คุณลี่พบว่า บนหัวตัวเอง หมวกที่มีสีสันจะวางอยู่เต็มไปหมด อีกอย่างคุณเป็นคนที่มีตำแหน่งมีฐานะ ถ้ามันแพร่ออกไป เกรงว่าจะมีผลกระทบ ต่อชื่อเสียงของคุณนะ?”
หลังพูดจบ ซูย้าวยังมุ่งไปที่เขาแล้วเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยน หวานเยิ้ม บางๆ สวยงาม จากนั้นสายตาก็กวาดไปที่ริมถนนที่อยู่ไม่ไกล “ถ้าคุณลี่คิดถึงจุดนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็เชิญจอดรถริมถนนเถอะ!”
ลี่เฉินซีหลับตาลงอย่างไม่อดทน พยายามระงับความมืดมนและเยือกเย็นในแววตา เท้าเหยียบคันเร่งสุดแรง ความเร็วรถถูกเพิ่มขึ้นไม่หยุดอย่างกะทันหัน
ความเร็วรถที่ไม่คาดคิด ทำให้ซูย้าวไม่ทันป้องกัน โชคดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น ไม่อย่างนั้นหน้าผากจะกระแทกเข้ากับกระจกรถได้ง่ายๆ
เธอประหลาดใจ แววตาเย็นชามองไปที่เขาช้าๆ กลับได้ยินเสียงที่ต่ำเย็นของชายหนุ่ม เอ่ยออกมาอย่างมืดมน “ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าทำให้ฉันโกรธ?”
“ชีวิตส่วนตัวยุ่งเหยิง? หมวกหลายสี?” เขาทวนคำพูดมั่วซั่วเมื่อกี้ของเธออย่างเย็นชายกมือขึ้นปลดเนคไทด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ สายตาเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ “เธอโชคดีที่วันนี้ต้องไปโรงเรียน!”
ไม่เช่นนั้น เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองในตอนนี้ จะทำอะไรกับเธอกันแน่!
เขาเพียงแค่ถามว่าสองคนนั้นทำงานอะไรกันแน่ เธอกลับพูดมั่วซั่วออกมาเป็นพวง!
ยังคิดจะเลิกความสัมพันธ์?
แววตาที่เยือกเย็นและเต็มไปด้วยความโกรธของลี่เฉินซีมองไปที่เธอ ผู้หญิงคนนี้ อยากจะกำจัดเขามากแค่ไหนกันแน่ ถึงได้ใช้โอกาสดูถูกตัวเอง พูดพล่ามแบบนี้!
เขาโกรธจนพูดไม่ออกแล้ว เป็นแบบนี้ รู้สึกเพียงแค่ว่ามีไฟลุกโชนรุนแรงอยู่ในใจ เขาพยายามสูดหายใจลึกๆ ระงับอารมณ์ที่ไม่รู้จะวางไว้ที่ไหน แล้วถึงพูดขึ้น “ฉันไม่สนว่าก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตยังไง แต่จำเอาไว้ซะ นับตั้งแต่นี้ไป เธอเป็นของฉัน เอาพวกเละเทะยุ่งเหยิงก่อนหน้านี้ ตัดขาดให้เกลี้ยง!”
ซูย้าวฟังคำพูดที่เกือบจะคำรามอย่างเยือกเย็นของเขาอย่างเนือยๆ แอบถอนหายใจอย่างไม่อดทน โอกาสที่ได้มาไม่ง่าย ก็ยังไม่สามารถตบตาเขาได้……
“หลังจากวันนี้ไป หลี่สวี่ตงกับหลินเจว๋ นอกจากทำงานแล้ว ไม่อนุญาตให้ทำการติดต่อใดๆ กับเธอ ให้พวกเขาอยู่ห่างเธอหน่อย!”
คำพูดเย็นชาของลี่เฉินซีราวกับพายุ โหมกระหน่ำจนหนาวเหน็บ
ซูย้าวใช้มือข้างหนึ่งท้าวแก้มเงียบๆ เอียงศีรษะมองไปนอกรถ ราวกับไม่แยแส กับทุกคำพูดของชายหนุ่ม เพียงแต่เมื่อเขาพูดจบไปนานแล้ว ถึงพูดออกมาช้าๆ “ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นผู้ช่วยและบอดี้การ์ดของพี่ชายฉัน……”
กลับประเทศมาครั้งนี้ งานหลักของพวกเขา ก็คือดูแลความปลอดภัยของตัวซูย้าว
เรื่องที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ก็แค่หลอกตา ทุกคนล้วนนอนคนละห้อง
ถึงยังไงก็เป็นบอดี้การ์ด ปกป้องความปลอดภัยของนายจ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ
ดวงตาที่เยือกเย็นของลี่เฉินซีจมดิ่ง ยื่นมือไปจับไหล่ของเธอ ออกแรงเล็กน้อย ดึงเธอเข้าไปข้างตัว “เธออยู่ข้างกายฉัน ก็ปลอดภัยที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ด”
เขาชะงักเล็กน้อย จ้องมองดวงตาที่กลมโตใสแจ๋วของเธอ ใบหน้าที่เคร่งขรึมเผยความอ่อนโยนเล็กน้อย พูดเสริมอีกประโยค “ถ้าจำเป็นจริงๆ ฉันก็จะจัดแจงแทนเธอเอง”
ปากเล็กๆ ของซูย้าวขยับ อยากที่จะพูดอะไรต่อ แต่สายตากลับสังเกตเห็นโรงเรียนประถมที่อยู่ตรงหน้า ถึงถอนหายใจ เปลี่ยนเป็นพูดว่า “เรื่องนี้ไว้คุยทีหลังเถอะ!”
ขณะที่เธอพูด ก็อยากผละตัวออกจากเขา แต่ความแข็งแกร่งในมือของชายหนุ่มไม่ลดลง ยังคงพันธนาการเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
เขามองไปที่เธอ ใช้นิ้วเชิดคางเธอขึ้น “เชื่อฟังหน่อย เป็นเด็กดีหน่อย รักษาระยะห่างกับพวกเขา”
คำพูดที่ดูอ่อนโยนนั้น กลับเต็มไปด้วยออร่าของผู้ชายที่พิเศษมาก น้ำเสียงสั่งการที่ไม่ต้องสงสัย แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาด
ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตางดงามจมดิ่งลง มองดูรถมาถึงประตูโรงเรียน ก็ไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อ จึงก้มหน้าลงง่ายๆ นับว่าตอบรับแล้ว
ลี่เฉินซีมองดูท่าทางชุ่ยๆ ของเธอ อารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ในใจ ยิ่งแย่ลงอีก
แต่ไม่ว่ายังไง รถก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว ผ่านรั้วที่ล้อมรอบโรงเรียนมา ก็เห็นเวทีที่สร้างขึ้นบนสนามเด็กเล่น แล้วยังมีเด็กนักเรียนในชุดต่างๆ นานา ยืนตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ ตามการจัดวางของคุณครู
ลี่เฉินซีสูดหายใจอย่างไม่เต็มใจ ระงับอารมณ์ในแววตาที่มืดมน จอดรถไว้ แล้วลงจากรถเข้าไปในโรงเรียนพร้อมกับซูย้าว
สนามเด็กเล่นถูกประดับประดาด้วยไฟและพู่ห้อย บรรยากาศค่อนข้างหนาแน่น กิจกรรมเทศกาลศิลปะ ก็มีผู้ปกครองไม่น้อยที่มาถึงนานแล้ว นั่งอยู่ในห้องประชุม ใส่ชุดครอบครัวที่เข้าชุดกันกับลูกๆ ในมือถือกล้องถ่ายรูปให้เด็กๆ
ลี่เฉินซีนำซูย้าวไปหาที่นั่งนั่งลง ผ่านไปไม่นาน เมื่อกิจกรรมเทศกาลศิลปะเริ่มขึ้น เหล่าคุณครูก็จัดแจงให้นักเรียนเข้าไปนั่งในกลุ่มผู้ชม
เด็กทุกคนวิ่งไปหาพ่อแม่ หนึ่งในนั้นคือลี่หมิงที่สวมสูทตัวน้อย ในมือถือช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ รีบร้อนวิ่งไปหาซูย้าว
“แม่!”
ลี่หมิงตะโกนจากระยะไกล เมื่อเข้ามาใกล้ ก็โผเข้าไปในอ้อมแขนซูย้าว “ผมรู้อยู่แล้วว่าแม่จะต้องมา!”
ซูย้าวยิ้มอย่างขมขื่น ก้มลงมองลูก “วันนี้แต่งตัวหล่อมากเลย! หมิงเอ๋อจะแสดงอะไรเหรอ?”
“อ๋อ อีกเดี๋ยวจะมีโปรแกรม” ลี่หมิงส่งดอกไม้ในมือให้ซูย้าว จากนั้นก็ดึงมือเธอ เอียงศีรษะมองเพื่อนร่วมชั้นด้านข้างสองสามคน “อู๋ห้าว โอวเช่อนี่คือแม่ของฉัน!”
เด็กผู้ชายสองคนที่อายุไม่ห่างจากลี่หมิง ก็ผละออกจากพ่อแม่ตัวเองเงยหน้ามองมาทางนี้ ลี่หมิงดึงแขนของซูย้าว แนะนำให้พวกเขา
“แม่ฉันสวยไหม?”
เป็นครั้งแรกที่เด็กทั้งสองได้เจอซูย้าว ตกตะลึงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จากนั้นก็พยักหน้าตามๆ กัน “ว้าว นายไม่ได้โกหกจริงๆ ด้วย แม่นายเป็นผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ !”
“ดูดีมาก เป็นดาราเหรอ?”
เด็กชายตัวอ้วนคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “ถ้าเป็นดารา เซ็นชื่อให้ฉันได้ไหม?”
ลี่หมิงมุ้ยปากเล็กๆ ทันที “แม่ฉันไม่ใช่ดารา แต่ดูดีกว่าดาราอีก ที่สำคัญที่สุดคือ แม่ฉันสวยมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้ทำศัลยกรรมด้วย!”
“ว้าว!” เด็กชายสองสามคนเผยสีหน้าประหลาดใจไปตามๆ กัน “สวยจังเลย! แม่ฉันได้ทำจมูก ยังไม่ดูดีเท่าแม่นายเลย!”
ซูย้าวถูกลี่หมิงดึงอยู่แบบนี้ พูดอวดต่อหน้าเพื่อร่วมชั้น ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ฟังคำชื่นชมของเหล่าเด็กๆ ก็หน้าแดงขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก ยิ้มอย่างขวยเขิน รีบโน้มตัวลง “เอาล่ะ แม่ของพวกหนูก็สวยมากเลยนะ!”
ภายในใจของลูกๆ แม่ของทุกคน ก็คือสวยที่สุด เป็นนางฟ้าเดินดิน เพราะความรักของแม่ ยิ่งใหญ่มากนัก
ลี่หมิงยิ้มฮิฮิโผเข้าอ้อมแขนของซูย้าว ศีรษะเล็กๆ ถูไถอยู่ในอ้อมแขนเธอ “ผมมีแม่ที่สวย แล้วยังมีพ่อที่หล่อด้วย!”