เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 658 ที่แท้เป็นเขา
หลังจากหญิงสาววัยรุ่นพูดสองสามคำแล้ว ก็ไม่สนสีหน้าของซูย้าวใดๆ เดินไปทางด้านหลังของชายหนุ่มแล้วสั่งว่า”รีบลงมือ!”
น้ำเสียงเยือกเย็น และดวงตาเย็นชานั้น เป็นความโหดเหี้ยมที่ฝังอยู่ในกระดูกดำ เป็นมาตั้งแต่เกิด
ซูย้าวมองดูหญิงสาวที่อยู่ไม่ไกลด้วยความประหลาดใจ ยังไม่ทันรอให้ได้คิดอะไรเลย โซ่เหล็กที่ต้นคอก็ถูกรัดเข้า ยิ่งรัดยิ่งแน่น ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังใช้แรงกระชาก ตามหลักการของคาน เธอจะถูกดึงลากขึ้นอย่างง่ายดาย และในที่สุด ก็จะตายอยู่ที่นี่
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน……..”ซูย้าวร้อนใจและลนลาน ยกคอที่ถูกรัดไว้ขึ้นมา พูดแต่ละคำแต่ละประโยคออกมาด้วยความลำบากเป็นพิเศษ
จากการดึงกระชากของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง เวลานี้เธอทำได้เพียงฝืนเอาเท้าแตะพื้นไว้ เพราะว่าทั้งสองมือสองเท้าล้วนถูกมัดไว้หมด ท่าทางแบบนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกอึกอักไปใหญ่
เธอฝืนทน ใช้ความพยายามมองดูหญิงสาวตรงหน้า สองมือที่ถูกมัดไว้ดึงโซ่เหล็กที่คอไม่หยุด “ทำ ทำไมต้องทำแบบนี้ ?ใครจ้างพวกคุณ?”
ผู้หญิงมองดูซูย้าวที่หน้าแดงก่ำไปนานแล้วอย่างจนปัญญา “คุณต้องการจะยื้อเวลาหรือ ?คิดว่าแบบนี้จะมีคนมาช่วยคุณ เล่นสงครามจิตใจหรือ?”
ซูย้าวส่ายหัวอย่างเร็ว”ไม่ ไม่ใช่…….”
ลำคอของเธอถูกรัดไว้ พูดออกมายากมาก และน้ำเสียงที่พูดออกมา ก็แหบพร่ามาก และคลุมเครือฟังไม่ชัดเท่าไหร่
ผู้หญิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา”น่าจะเคยได้ยิน คนชั่วล้วนตายเพราะพูดมาก ถ้าจะทำงาน ต้องการสำเร็จ ก็ต้องเร็ว หากชักช้า สุดท้ายก็จะเป็นภัยต่อตนเอง !”
เธอพูดพลาง ก็หันไปสั่งผู้ชายที่อยู่ข้างหลัง”เร็วเข้า!”
ชายหนุ่มไม่มีเสียงตอบรับ เพียงแต่เพิ่มแรงเข้าไปอีก ใช้แรงดึงกระชากซูย้าว ทว่าไม่นาน ร่างผอมบางของเธอ ก็ถูกโซ่เหล็กดึงกระชากไปกลางอากาศ
ซูย้าวยังพยายามขยับตัว ดิ้นรนสุดกำลัง แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ พันธนาการที่ต้นคอ ก็ยิ่งแน่นเข้า ดิ้นให้ตาย ก็ทำได้เท่านี้
ผู้หญิงเงยหน้ามองดูเธอแวบหนึ่ง แล้วหางตาก็เหลือบมองไปทางชายหนุ่มที่ได้ยึดโซ่เหล็กไว้ที่ใดที่หนึ่งแล้ว “เดี๋ยวเธอสิ้นลมแล้ว ให้แก้เชือกบนมือเท้าออก จากนั้นก็เคลียร์พื้นที่ ห้ามทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่นิดเดียว”
เธอมองดูรอบข้างอย่างคร่าวๆ คาดว่าน่าจะเลือกสถานที่นี้อย่างกะทันหันเหมือนกัน ดังนั้นไม่ได้คิดอะไรมากมาย”วางเพลิงดีกว่า ! ฉันจำได้ว่าทางนั้นรู้สึกจะมีน้ำมันเบนซินเล็กน้อย……”
” น้ำมันเบนซินหรือ?”ชายหนุ่มถาม แล้วมองไปทางที่นิ้วหญิงสาวชี้
หญิงสาวดูเหมือนไม่ค่อยสนใจ แค่ยกมือขึ้นรวบผมที่ยาว”ใครจะไปรู้ หากไม่ใช่ รู้สึกว่าที่ชั้นหนึ่งก็มี จุดไฟเผาก็พอแล้ว”
เธอพูดพลางหันหลังไปข้างนอก ทันใดนั้นรู้สึกคิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็หันหลังหยิบมือถือออกมา เล็งกล้องไปที่ซูย้าว “เกือบลืมถ่ายรูปเลย ไม่อย่างนั้นจะไปรับเงินก้อนสุดท้ายอย่างไร?”
ชายหนุ่มยืนยันแล้วว่าหลายถังทางนั้นเป็นน้ำมันเบนซิน จึงยกถังน้ำมันมา ราดไปรอบๆที่พื้น เตรียมพร้อมจุดไฟเผาแล้วจากไปได้ตลอดเวลา
ส่วนผู้หญิงใช้มือถือมองหามุมกล้อง ปากก็เร่งอย่างหงุดหงิด” รีบตายได้แล้ว ยังจะดิ้นรนอะไร?”
แล้วซูย้าวจะยอมแพ้ต่อการต่อต้านแบบนี้ได้อย่างไร ต้นคอที่ถูกควบคุม การหายใจถูกปิดกั้นไปหมด ร่างกายก็ดิ้นรนน้อยลงเรื่อยๆ เห็นว่าชีวิตใกล้จะจากไป สิ่งที่มาแทนที่ เหลือเพียงศพที่เยือกเย็นศพหนึ่ง
ในความหนาวเหน็บกับหายใจไม่ออก ความคิดของเธอที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด เธอกลับมาที่เมืองAยังไม่นาน คนทั้งหมดที่เคยรู้จัก ก็ใช้นิ้วนับได้ และที่นี่ก็เป็นหลิ่งโจว ใครกัน ที่ยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อจ้างคนร้ายมาฆ่าตัวเอง?
ร่างเล็กของซูย้าวที่ขัดขืนดิ้นรนส่ายไปมาอยู่กลางอากาศ ดวงตาแดงก่ำจากเลือดคั่งไปนานแล้ว สายตาเย็นชาจ้องมองหญิงสาวที่ยืนตรงอยู่ที่พื้น ในดวงตา ค่อยๆมีความอาฆาตพยาบาทเกิดขึ้น
หญิงสาวขมวดคิ้ว และก็วางมือถือในมือลง “ก็บอกแล้ว เราเพียงแค่รับเงินมาทำงาน คุณรีบๆตายไปเถิด เมื่อตายไปแล้วค่อยไปแก้แค้นคนที่เอาชีวิตของคุณไป………”
เธอลากเสียงยาว มองดูรอบข้าง แน่ใจว่าซูย้าวไม่มีทางหนีรอด และเป็นคนที่ใกล้จะตายแล้ว ย่อมไม่มีอะไรที่ต้องกังวล “บอกคุณตอนนี้ก็ไม่เป็นไร เขาแซ่อู๋”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ดวงตาซูย้าวหดตัวลงทันที ที่แท้เป็นอู๋หงยุ่น!
คนคนนี้……..
เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่า คนที่ไม่โดดเด่นในเมืองA และทำให้เธอไม่เคยสังเกตเห็นเท่าไหร่อย่างอู๋หงยุ่น จะลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้จากข้างหลัง ตัวเองยังมีอนาคตที่สดใส จะต้องเสียไปเช่นนี้ เธอไม่ยอม!
ในหัวสมองที่สะลึมสะลือ มีภาพปรากฏสลับไปมามากมาย ทันใดนั้นภาพหมื่นพันฉายผ่านตาเธอ สุดท้ายไปหยุดอยู่ที่บนโครงหน้าของชายหนุ่มคนนั้น เขาบอกว่าจะปกป้องเธอ แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว ก็เป็นเพียงแค่คำพูดลมปากเท่านั้น………
ซูย้าวรู้สึกว่าอากาศรอบด้านน้อยลงเรื่อยๆ ความมืดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อกำลังจะหลับตาลง ต้อนรับความตาย จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องแสบแก้วหูอย่างกะทันหัน
ตามด้วย ร่างผอมบางของเธอถูกอะไรบางอย่างรับไว้ จากนั้น ขาทั้งสองก็ตกลงบนเก้าอี้ ร่างกายมีที่รองรับ แรงกดที่ต้นคอก็น้อยลงมาก แต่หยุดหายใจไปเป็นเวลานานเกินไป ทำให้การหายใจยากต่อการฟื้นตัวในเวลาอันสั้น
แขนยาวของชายหนุ่มกอดเธอไว้ โน้มตัวลงไปจูบเธอ เอาอากาศในปากของเขา ค่อยๆถ่ายเทเข้าไปที่ปอดของเธอ ซูย้าวก็สูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็คว้าตัวเขาอย่างตะกละตะกลาม กลิ่นยาสูบเย็นๆลอยเข้าจมูกเธอ มันเป็นกลิ่นของลี่เฉินซีอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอค่อยๆลืมตาขึ้น เป็นไปตามคาด ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเข้าตาเธอ
เขาอุ้มเธอ โดยเอาน้ำหนักทั้งหมดของร่างกายเธอเข้ามาในอ้อมกอดตัวเอง หลังจากพวกบอดี้การ์ดค้นกุญแจมาจากตัวของผู้ชายแล้ว ยื่นให้เขา จึงคลายโซ่เหล็กที่ต้นคอของซูย้าวออก
เอาโซ่เหล็กอันหนักหน่วงออกไปแล้ว ก็เห็นผิวขาวผุดผ่องละเอียดอ่อน เป็นรอยจ้ำเลือด เห็นแล้วตกใจมาก
ดวงตาลี่เฉินซีหม่นหมองลงทันที ความดุร้ายเล็กน้อยพลันลุกโชนขึ้นมา เขาหมุนตัว เตะออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เตะใส่ชายที่ถูกบอดี้การ์ดกดทับอยู่บนพื้นอย่างโหดเหี้ยม
ชายหนุ่มถูกเตะจนฟุบอยู่บนพื้น เลือดแดงเต็มปาก แต่บนใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ มีรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ท่าทางนั้น ไม่เหมือนคนกลัวตาย แต่ยิ่งเหมือนคนเจ้าเล่ห์หลังทำงานสำเร็จ
ความโหดเหี้ยมแผ่ซ่านไปทั่วบนใบหน้าที่หล่อเหลาของลี่เฉินซี ก้าวเดินเข้าไป รองเท้าหนังคุณภาพดีเหยียบไปบนมือของชายหนุ่ม เพิ่มแรงเข้าไป เจ็บจนชายหนุ่มอดที่จะกรีดร้องออกมาไม่ได้”อ้า………”
“ใครส่งพวกแกมา?”น้ำเสียงเย็นชาของลี่เฉินซีเปื้อนไปด้วยน้ำแข็ง เยือกเย็นราวกับออกมาจากนรก
แต่ชายหนุ่มทำเหมือนมองไม่เห็น เพียงแต่เจ็บจนไม่สามารถจะอั้นร้องโหยหวนได้ นอกจากนี้ ไม่ตอบสักคำ
และผู้หญิงทางนี้ก็เหมือนกันอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะถูกบอดี้การ์ดหลายคนคุมตัวไว้แล้ว แต่ยังคงหัวเราะเยาะเย้ย ราวกับไม่กลัวฟ้ากลัวดินเช่นนั้น
ลี่เฉินซีมองดูคนชั่วทั้งสองอย่างจนปัญญา แล้วสั่งลูกน้องว่า”ส่งไปที่สถานีตำรวจเถิด ! ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ”
ลูกน้องพยักหน้า “ประธานลี่ ได้แจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจจะมาถึงในไม่ช้า”
เขาพยักหน้า หันหลังกลับไปข้างกายซูย้าวอีกครั้ง ตอนนี้เธอใบหน้าซีดเซียว จิตใจหลังเคราะห์กรรมยังผวาสั่นอยู่ ท่าทางหายใจหอบ ทุลักทุเลมาก
คิ้วชายหนุ่มขมวดเข้า โน้มตัวกอดที่เข้ามาในอ้อมกอด อุ้มขึ้นมา ตรงไปข้างนอกทันที
ซูย้าวอิงอยู่อ้อมกอดของเขาอย่างทำอะไรไม่ได้ นิ้วมือกำชายเสื้อของเขาไว้ หางตาเหลือบไปมองคนร้ายข้างหลังที่ยังฟุบอยู่บนพื้น ชายหนุ่มยังคงร้องโหยหวน แต่มันแตกต่างจากน้ำเสียงก่อนหน้านั้นมาก
เธอขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้คิด ก็สังเกตเห็นชายหนุ่มถือโอกาสที่บอดี้การ์ดไม่ทันตั้งตัว ยื่นมือออกไปข้างๆ และที่ไม่ไกลจากเขา มีไฟแช็กที่ทำหล่นเมื่อกี้ตอนที่ต่อสู้กัน
และบนพื้น ได้ถูกชายหนุ่มราดน้ำมันเบนซินไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว และยังมีถังน้ำมันคว่ำอยู่หลายถัง คว่ำอยู่ที่ไม่ไกลออกไป
ซูย้าวอย่างกับรับรู้อะไรขึ้นมา กอดร่างชายหนุ่มไว้แน่นๆ น้ำเสียงแหบพร่ารีบพูดขึ้นว่า”ระวัง เขาจะจุดไฟ!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา แต่สายไปแล้ว
เพราะเป็นความสะเพร่าของบอดี้การ์ด ชายหนุ่มได้ไฟแช็กมาสำเร็จ ตามด้วยเสียง’แตกๆ’ประกายไฟเต็มไปทั่วทิศ………
น้ำมันเบนซินเจอกับไฟ ความเร็วในการเผาไหม้ เกินความคาดหมายของคน
เหล่าบอดี้การ์ดต่างห่วงตัวเอง แต่คนร้ายสองคนนั้น หนึ่งชายหนึ่งหญิงดูเหมือนไม่สนใจเหล่านี้แม้แต่น้อย ผู้หญิงนั่งอยู่บนพื้นยังคงหัวเราะเยาะเย้ย เสียงหัวเราะนั่น ราวกับเสียงภูตผี หัวเราะไม่หยุด