เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 672 ที่รัก
ใบหน้าอันมืดมนของชายหนุ่มจมดิ่งราวกับน้ำทะเลลึก นัยน์ตาค่อย ๆ เย็นชาขึ้น พร้อมกับแผ่ไอเย็นออกมา มือหนาของเขากำแน่นกว่าเดิม “แม่กำมะลออะไรกัน?”
เขาทวนซ้ำประโยคที่ได้ยิน “จนถึงตอนนี้คุณยังไม่หายสงสัยในตัวตนของตัวเองอีกเหรอ?”
เธอกะพริบตาเบา ๆ ก่อนจะจ้องเข้าไปนัยน์ตาของชายหนุ่มที่ปล่อยรังสีความกดดันออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เธอได้แต่สูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างหมดหนทาง “ก็ไม่ใช่ว่าสงสัย….”
แค่ไม่อยากยอมรับ!
เพราะถึงยังไง ซูย้าวในตอนแรกก็ไม่ใช่คนใหญ่คนโตหรือคนมีชื่อเสียงอะไร เธอเป็นเพียงแค่หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก เพื่อที่จะได้รักผู้ชายคนหนึ่ง เธอถึงกับต้องยอมเสียสละตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังคลอดลูกออกมาอีกสามคน….
ทว่าตอนนี้เธอเองมีความทรงจำปัจจุบันเป็นของตัวเอง แถมยังมีสติครบถ้วน เธอจะสามารถเชื่ออย่างเต็มอกได้ยังไงว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น?
อีกอย่าง ความทรงจำในตอนแรกที่คิดว่าปกติดี อยู่ ๆ วันหนึ่งก็ถูกบิดเบือนขึ้นมา พูดไปก็เหมือนโกหก อานหว่านชิงจะไม่ใช่อานหว่านชิง แต่อานหว่านชิงอาจจะเป็นซูย้าวงั้นเหรอ
เรื่องแบบนี้ คงไม่มีใครสามารถทำใจแล้วยอมรับมันได้ในทันทีหรอก!
เธอก็เป็นเพียงคนธรรมดา และยังต้องการมีชีวิตแบบธรรมดาอยู่ เธอคิดมาตลอดว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันแปลกและเหลือเชื่อเกินไป ซึ่งมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก
หากเราเชื่อมาตลอดว่าความทรงจำทั้งหมดของตัวเองที่ผ่านมานั้นคือความจริง ทว่าอยู่มาวันหนึ่งกลับมีคนมากำหนดว่ามันเป็นเรื่องโกหก นี่แค่สมมตินะ ลองคิดดูสิ มันจะน่ากลัวแค่ไหน
ซูย้าวเองก็ไม่รู้จะอธิบายออกมายังไงเหมือนกัน เธอแค่รู้สึกว่าทุกครั้งที่เธอต้องการปฏิเสธเขา ประเด็นที่ถูกดึงเข้ามาพูด ส่วนใหญ่มักจะเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันหรือไม่ก็เป็นประเด็นที่อ่อนไหว
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สีหน้าของเธอนิ่งเรียบขึ้น “เราเลิกเถียงกันเรื่องตัวตนได้ไหม ไหนเมื่อครู่คุณบอกว่าคุณยอมรับในตัวตนของอานหว่านชิงได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
เธอหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “อีกอย่าง คุณลองคิดดูสิ ถ้าสมมติวันหนึ่งอยู่ ๆ ก็มีคนมาบอกคุณว่า คุณไม่ใช่ลี่เฉินซี แต่เป็นXXX คุณจะทำยังไง? คุณจะยอมรับทันทีเลยไหม?”
ลี่เฉินซี “……”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ฉันบอกไปแล้วว่าจากนี้ไปอีกสักสิบปี หรือจนฉันตาย ฉันก็อาจจะเป็นอานหว่านชิงไปตลอด” เพราะถึงยังไงเรื่องของความทรงจำ ก็ไม่ใช่ว่าบอกจะบิดเบือนก็บิดเบือน บอกจะรื้อฟื้นก็รื้อฟื้นได้เลย
อีกอย่าง เธอก็รู้สึกว่าการเป็นอานหว่านชิงมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น ถึงแม้จะต้องไปพัวพันกับกรุ๊ปเพ้ยซื่อ หรือมีพี่ชายลึกลับเจ้าอารมณ์สักคน แต่ทุกครอบครัวก็มักจะมีปัญหาภายในกันอยู่แล้ว ชีวิตคนเรามันจะราบรื่นไปทั้งหมดไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องมีข้อด้อยบ้าง
ต่อให้กลับไปเป็นซูย้าวได้ เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับเด็กน้อยอีกสามคน แถมยังมีอดีตสามีที่ตัดความสัมพันธ์กันยังไม่ขาด รวมถึงคนอีกกลุ่มใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงกับเธออีก!
ทันใดนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะพูดต่อว่า “พูดต่อสิว่าทำไมคุณถึงรักฉัน! ฉันมีดีตรงไหน?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแน่น “หมายความว่ายังไง?”
“ฉันหมายถึง ฉันดึงดูดคุณตรงไหน ส่วนไหนของฉันที่ทำให้คุณรู้สึกว่าฉันก็ไม่ได้แย่?” เธอจ้องใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มด้วยแววตาหนักแน่น “ดูคุณสิ คุณเป็นถึงท่านประธานของบริษัทลี่ซื่อ ทั้งยังหนุ่มยังแน่น มีเงินมีอำนาจ แถมยังดูดีมีเสน่ห์อีก ถือเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ ถ้าสมมติคุณอยากจะได้ผู้หญิงสักคน ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเลือกฉัน”
ลี่เฉินซีเริ่มจะเข้าใจความหมายที่เธอพูดออกมาบ้างแล้ว เขาจึงพูดขึ้นว่า “ความหมายของคุณคือ ผมแค่กำลังล้อเล่นกับคุณ? หรือเอาคุณมาเป็นตัวแทนซูย้าวงั้นเหรอ?”
ในที่สุดซูย้าวก็ได้เห็นเขาเข้าใจสักที เธอลืมตัวพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ใช่ เพราะงั้นคุณก็บอกมาเลยนะว่าฉันมีดีตรงไหน ฉันแก้ไม่ได้เหรอ? อย่ามารักฉันเลย….”
ลี่เฉินซี “……..”
ยิ่งเขาเผยความรู้สึกออกมามากเท่าไร เธอก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงตัวตนไปมากเท่านั้น ความทรงจำก็เปลี่ยนไป ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อก่อน อย่างน้อยที่สุด บุคลิกเธอก็ไม่ได้ดูซึมเศร้าขนาดนั้นแล้ว
ซูย้าวแอบฉวยโอกาสตอนที่ชายหนุ่มมีสีหน้ามืดครึ้ม เพราะเขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ หญิงสาวรีบถอยห่างจากเขา แถมยังไม่ลืมที่จะลุกจากเตียงพร้อมกับผ้าห่มผืนเล็ก แต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหน ร่างบางก็ถูกชายหนุ่มรั้งเอาไว้เสียก่อน จากนั้นเขาก็ดึงเธอกลับเข้ามาหาตัวอีกครั้ง
เขาโน้มตัวลงพร้อมกับกดร่างบางของหญิงสาวเอาไว้ “ดังนั้น ที่คุณพูดมาทั้งหมด ชักแม่น้ำทั้งห้ามาตั้งเยอะ ก็เพราะไม่อยากให้ผมแตะต้องคุณใช่ไหม?”
ซูย้าว “……”
แน่นอนว่าเขายังมีความฉลาดและมีสติอยู่ตลอด
ลี่เฉินซีจ้องไปที่เธอ ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงต่ำ “ในช่วงสองปีมานี้ ยังไม่มีใครแตะต้องคุณใช่ไหม?”
นัยน์ตาของซูย้าวหรี่ลงด้วยความตกตะลึง “คุณพูดอะไรน่ะ?”
ด้วยความประหม่าอยู่ ๆ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย หญิงสาวยังพยายามขัดขืนเขาอย่างไม่ลดละ แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถผลักดันร่างสูงราวกับภูเขาอันหนักอึ้งนี้ออกไปได้
ลี่เฉินซีรวบแขนทั้งสองข้างของซูย้าวเข้าด้วยกันอย่างง่ายดาย ก่อนจะยกไว้เหนือศีรษะเธอ “อย่าบอกนะ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่คุณรู้……”
ถึงแม้เขาจะได้ครั้งแรกของเธอไปตอนที่พวกเธอแต่งงานกันแรก ๆ แต่ตอนนี้เธอคืออานหว่านชิง เป็นตัวตนใหม่ ความทรงจำใหม่ งั้นจิตใต้สำนึกของเธอ…..
ซูย้าวเหมือนจะไปสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่อันตรายถึงชีวิต เธอเบือนหน้าออกไปอีกทางอย่างไม่รู้ตัว แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นมาด้วยความเขินอาย ทั้งประหม่าทั้งสับสน คำพูดที่หลุดออกมาก็แทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ “คุณ คุณพูดอะไร….พูดอะไรไร้สาระน่ะ? จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม?”
เธอพูดไปพลางพร้อมกับระงับอาการเขินอายไปพลาง แต่สัญชาตญาณก็ยังบอกให้เธอขัดขืนเขาต่อไป ปากน้อย ๆ จึงพูดออกไปว่า “ปล่อยฉันนะ ปล่อย อย่ามาแตะต้องฉัน….”
ลี่เฉินซีไม่ทำตามอยู่แล้ว เขายังคงรั้งเธอไว้ ก่อนจะหลุบตาลงมองเธอ “มีสองทางเลือก”
เขากำแขนทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น ร่างสูงออกแรงกดขาเล็กของเธอที่กำลังดิ้น ทั่วทั้งร่างของซูย้าวเลยดูเหมือนถูกเย็บติดเข้ากับร่างของเขา ซึ่งมันทำให้ยากต่อการเคลื่อนไหวและหลบหนีมากขึ้น
“เด็กดีอย่าดิ้นนะ ให้ความร่วมมือหน่อย รอให้จัดการเรื่องยุ่ง ๆ ที่นี่เสร็จ ทางแรกคือกลับไปเมือง A แล้วเดี๋ยวผมพาไปขึ้นทะเบียนพลเมือง ทางที่สองคือคุณก็ไม่ต้องทำอะไร แค่พักผ่อนสบาย ๆ แล้วก็รอกลับไปจัดงานแต่งงานของเรากัน”
เสียงทุ้มของเขาดูราบเรียบ แต่กลับมีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างหาที่สุดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น รวมถึงระยะห่างของคนทั้งสอง ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ของชายหนุ่มให้พุ่งสูงจนถึงขีดสุด
ซูย้าวชะงักไปด้วยความมึนงง ก่อนจะมองเขาด้วยแววตาตกตะลึง พร้อมกับคิดทบทวนอีกครั้ง “สองทางเลือกนี้ มันต่างกันเหรอ?”
“ต่างสิ” เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อย ๆ ใช้สายตาอันลุ่มลึกจ้องมองเธอ ต่อด้วยการกระทำที่เตลิดจากหัวข้อไปไกล
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในทันทีทันใด ราวกับมีสัตว์ดุร้ายกระหายเลือดจู่โจมใส่หญิงสาว ความเจ็บปวดที่ตามมานั้น มากจนเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้
เธอไม่เคยถูกใครแตะต้องร่างกายมาตลอดสองปี ในวินาทีนี้อยู่ ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างก็มลายหายไปจนหมด เพียงเพราะเขาคนเดียว
ใบหน้าอันสวยงามของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด จิตใต้สำนึกของเธอดูเหมือนกำลังจะพังทลาย ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้น มีเพียงเศษเสี้ยวความรู้สึกเดียวเท่านั้นที่เธอสัมผัสได้ นั่นก็คือความเจ็บปวด เป็นความเจ็บที่แทงลึกเข้าไปในใจจนถึงกระดูกดำ ราวกับว่าหญิงสาวกำลังจะถูกฉีกร่างออกเป็นสองส่วน มันเจ็บที่สุด!
ชายหนุ่มดูค่อนข้างพอใจกับปฏิกิริยาเธอ ราวกับกำลังมีความสุขกับสิ่งที่รอคอยมานาน เขาฝังใบหน้าลงมาที่ซอกคอและไหล่ของหญิงสาว ก่อนจะขบไปที่ใบหูเบา ๆ ราวกับมีมนต์สะกด น้ำเสียงทุ้มต่ำและนุ่มนวลเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “ที่รัก ผ่อนคลายลงหน่อยนะ มันแน่นเกินไป…”
เธอเจ็บจนไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจเขา แต่ร่างกายเธอก็ยังเป็นกายเนื้อ มันเริ่มเกร็งมากขึ้น ด้วยความเจ็บปวดทรมานเกินกว่าที่เธอจะรับไหว นั่นยิ่งทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ “เจ็บ เจ็บมาก….”
เขาประคองแก้มเธออีกครั้ง “ผมรู้ เพราะงั้นผ่อนคลายลงนะ อีกเดี๋ยวก็จะไม่เจ็บแล้ว”
“เบา ๆ นะ ช้า ๆ หน่อย อ๊าส์…” เธอเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ น้ำตาเริ่มซึมออกมาทีละน้อย คลออยู่ในดวงตาคู่สวย เพียงชั่วครู่มันก็ค่อย ๆ ไหลผ่านเปลือกตา ก่อนจะจมหายไปในปอยผมของเธอ
ลี่เฉินซีกอดเธอแน่น แม้ว่าเขาจะรู้สึกรักและทะนุถนอมเธอ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมสัญชาตญาณความบ้าคลั่งนี้ได้ การเคลื่อนไหวของเขาไม่มีหยุดชะงักหรือช้าลงแม้แต่น้อย
เพียงแค่เธอในตอนนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย เขาจึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเธอให้มากที่สุด โดยการจับมือเธอไว้ ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไประหว่างมือ “ความแตกต่างคือถ้าให้ความร่วมมือดี ๆ เดี๋ยวจะมีเซอร์ไพรส์ให้ทีหลัง แต่ถ้าไม่ล่ะก็ คอยดูว่าผมจะจัดการคุณยังไง!”
“คุณ…” ซูย้าวกัดฟันแน่น แต่ความเจ็บปวดนั้นเพิ่มขึ้น จนเกินกว่าที่เธอจะประคองสติตัวเองไว้ได้ หญิงสาวยกมือขึ้นเกาะแขนชายหนุ่มอย่างหมดหนทาง ปลายเล็บเรียวยาวของเธอกรีดผ่านเนื้อของเขา จนทิ้งรอยแดงเอาไว้เป็นทางยาว
ทว่าชายหนุ่มกลับดูเหมือนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เขาเพียงแค่มองไปที่เธอ แล้วพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “เด็กดี อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้วนะ….”
ราวกับการเดินทางอันแสนยาวไกลที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ซูย้าวเหมือนกำลังจะตาย เธอเจ็บจนชาไปทั้งร่าง สติค่อย ๆ เลือนหาย ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงชายหนุ่มกระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า “ที่รัก แต่งงานกันเถอะ!”