เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 686 จริงจังหน่อยได้ไหม
ซีซีไม่ได้เจอซูย้าวตั้งนาน เธอคิดถึงซูย้าวเป็นอย่างมาก ตอนนี้เธอก็กอดขาซูย้าวไว้แน่น:”คุณแม่ ถ้าคุณแม่ยังไม่กลับมา หนูต้องคิดถึงคุณแม่จนไม่สบายแน่เลย!”
ซูย้าวยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอโน้มตัวลงไปลูบหน้าลูกเบาๆ :”คิดถึงคุณแม่ขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นอยากดูไหมว่าคุณแม่ซื้อของขวัญอะไรมาให้หนู?”
“มีของขวัญด้วยเหรอ?” สายตาของซีซีเป็นประกายราวกับดวงดาว เพราะเธอยังเด็ก ได้ยินว่ามีของขวัญก็ดีใจเป็นอย่างมาก
ซูย้าวมองไปทางพี่เลี้ยง ให้พี่เลี้ยงพาซีซีออกไป ของขวัญอยู่ในรถ มันคือของที่เธอเลือกให้ลูกๆ ตอนที่ไปช้อปปิ้ง
ทันทีที่พี่เลี้ยงพาลูกออกไป ในห้องนั่งเล่นที่กว้างใหญ่ เหลือแค่เธอกับเจี่ยงเวินอี๋สองคน ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ซีซีเรียกเธอว่าคุณย่า เธอเป็นใครซูย้าวก็พอเดาออก
“คุณผู้หญิง” เธอพูดออกมาด้วยความเคารพ คิดอยู่ตั้งนานจึงเลือกที่จะเรียกแบบนี้
เจี่ยงเวินอี๋ตกใจ ได้ยินเธอเรียกตัวเองแบบนั้นเธอก็รู้สึกสงสัยอะไรขึ้นมา แต่เธอกลับไม่แสดงอาการอะไรออกมามาก เธอพูดแค่ว่า:”เธอเป็นอะไรไป จู่ๆ ก็หายตัวไป จู่ๆ ก็กลับมา เธอเห็นว่าบ้านตระกูลลี่ของเราเป็นอะไร?โรงแรมเหรอ?เธอยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไป?”
ทันใดนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ตำนิติเตือนและท่าทางโมโหเล็กน้อย แต่ซูย้าวกลับฟังอย่างมึนงง เธอขมวดคิ้ว
“แล้วอีกอย่าง เธอเห็นลี่เฉินซีเป็นอะไร เห็นเด็กๆ พวกนี้เป็นอะไร ลูกๆ อายุแค่นี้ เป็นวัยที่ต้องการแม่อยู่ใกล้ๆ ตอนนั้นเธอทิ้งเจิ้งเอ๋อไปห้าปี ตอนนี้ยังทิ้งหมิงเอ๋อกับซีซี เธอ…”
เจี่ยงเวินอี๋โมโห น้ำเสียงของเธอก็ดังขึ้น ใบหน้าของเธอก็ดุร้ายราวกับลมพายุฝนรุนแรงที่พุ่งเข้ามาหาซูย้าวเต็มๆ
เธอยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่ ขมวดคิ้วอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและพูดว่า:”ฉัน…”
ซูย้าวพูด‘ฉัน’อยู่ตั้งนาน แต่ก็หาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลไม่เจอ เมื่อเธอกำลังลังเล เสียงที่เย็นชาของลี่เฉินซีก็ดังขึ้นมา
“แม่!”
ลี่เฉินซีเดินตรงเข้ามา ใบหน้าอันหล่อเหลาที่เย็นชาของเขาก็มืดมนลง เขาเดินเข้ามาอยู่ข้างเธอ ยื่นมือออกไปโอบเอวเธอและพูดเบาๆ :”คุณขึ้นไปแกะของขวัญกับซีซีก่อน หมิงเอ๋อกับเจิ้งเอ๋อก็อยู่ชั้นบน”
ซูย้าวรีบพยักหน้าอย่างเร็ว ต้องหนีออกไปจากสถานการณ์ที่อึดอัดนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นเธอก็พาซีซีขึ้นไปชั้นบน
พี่เลี้ยงก็ถือถุงช้อปปิ้งใบเล็กใบใหญ่ที่อยู่ในรถขึ้นมาชั้นบน ยุ่งอยู่นานกว่าพี่เลี้ยงจะขนมาหมด จากนั้นพวกเธอก็แยกย้ายกันไปที่ห้องครัว ปล่อยให้ห้องนั่งเล่นที่กว้างใหญ่ เหลืออยู่แค่พวกเขาสองแม่ลูก
ลี่เฉินซีนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้างๆ และจุดบุหรี่ ในขณะที่ควันบุหรี่ค่อยๆ ลอยขึ้นมา เขาก็หยิบใบทะเบียนสมรสสองเล่มออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเองและวางลงบนโต๊ะ
เจี่ยงเวินอี๋เห็นแบบนี้เธอก็ตกใจ จากนั้นก็รีบโน้มตัวลงไปหยิบทะเบียนสมรสขึ้นมาเปิดดูอย่างรวดเร็ว เธอก็ตกใจอีกครั้ง:”ลูก…ลูกแต่งงานแล้ว?แต่ว่า คนนี้คืออานหว่านชิง?”
เธอดูรูปถ่ายของทั้งสองคนในทะเบียนสมรสซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆ ที่เธอคือซูย้าว แต่ทำไมชื่อถึงเขียนเป็นอานหว่านชิง?
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เจี่ยงเวินอี๋งงไปหมด สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม และเมื่อเธอกำลังจะอ้าปากถาม ในที่สุดลี่เฉินซีก็พูดออกมาก่อน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง:”เธอความจำเสื่อม ตอนนี้ใช้นามสกุลแม่แล้ว”
พูดแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะอธิบายได้ทุกอย่าง
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ เจี่ยงเวินอี๋ก็ยังคงสงสัย:”ความจำเสื่อมเหรอ แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ ลูก…จู่ๆ ก็แต่งงานแบบนี้ แม้แต่แม่ก็ไม่บอกก่อนล่วงหน้า?”
ลี่เฉินซีสะบัดเขม่าบุหรี่ ใบหน้าอันหล่อเหลามองไปที่แม่ของตัวเอง เขายิ้มและพูดว่า:”แม่ ยังไงก็เป็นเธอ แล้วต้องเป็นเธอเท่านั้น แต่งงานกันก็เป็นเรื่องปกติ อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วก็แค่นั้น”
และการแต่งงานครั้งนี้ ไม่ว่าเธอจะเป็นซูย้าวหรืออานหว่านชิง เธอก็จะลบความจริงที่ว่าเธอเป็นภรรยาของเขาไม่ได้ ถ้ามีความสัมพันธ์นี้ เขาอยากจะปกป้องเธอดูแลเธอมันก็จะสะดวกมากขึ้น
เจี่ยงเวินอี๋สูดลมหายใจเข้าอยากช่วยไม่ได้ เธอพยายามอยู่นานกว่าจะยอมรับความจริงนี้ได้ ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า:”แล้วแต่ลูกเถอะ ลูกก็โตขนาดนี้แล้ว แม่ก็ห้ามลูกไม่ได้!”
ถึงแม้ว่าเจี่ยงเวินอี๋จะไม่ค่อยชอบซูย้าว แต่หากจะให้พูดออกมาว่าไม่ชอบเธอตรงไหน ตอนนี้เธอเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
อาจจะเป็นเพราะความไม่พอใจเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ หรืออาจจะเป็นเพราะสะสมมาจากช่วงสองสามปีนี้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ต่อไปในอนาคต ค่อยๆ ขัดเกลากันไปก็ได้
และเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือเด็กๆ สามคนนี้ ถึงแม้ว่าเจี่ยงเวินอี๋จะไม่เห็นแก่หน้าลูกชายตัวเอง แต่เธอก็ต้องเห็นแก่หน้าหลานๆ มีแม่แท้ๆ คอยดูแลพวกเขาให้เติบโตก็เป็นเรื่องที่ดี
เพราะยังไงแม่แท้ๆ ก็ต้องดีกว่าแม่เลี้ยง
เธอถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองลูกชาย:”แล้วจะยังไงต่อ จะจัดงานแต่งงานเหรอ…”
“แน่นอนว่าต้องจัดงานแต่งงาน” ลี่เฉินซีตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาวางแผนไว้อยู่แล้ว “ช่วงนี้เตรียมการก่อน แล้วค่อยเลือกวันที่ฤกษ์งามยามดีจัดงานแต่ง”
เจี่ยงเวินอี๋ตกใจ เธอค่อยๆ หรี่ตาลง:”แต่งงานสองครั้ง แล้วยังแต่งกับคนเดิม ก็เท่ากับแต่งงานใหม่นะสิ ยังจะจัดงานใหญ่อีกเหรอ?”
ลี่เฉินซียิ้มอ่อนแปลกๆ :”แม่ ตอนนั้นที่ผมแต่งงานกับเธอ ผมทำผิดกับเธอไม่น้อย แต่ตอนนี้ในที่สุดผมก็มีโอกาสนี้อีกครั้ง แน่นอนว่าผมต้องชดเชยเธอให้มากที่สุด”
“แล้วแต่ลูกเถอะ!” เจี่ยงเวินอี๋ถอนหายใจ “แต่ว่า…”
เธอดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาของเธอหดตัวลงอย่างไม่รู้ตัว:”ในเมื่อพวกลูกจะแต่งงานกันแล้ว งั้นเรื่องก่อนที่เกี่ยวข้องกับอานโล๋ แม่คงต้องไปพูดกับเธอให้มันชัดเจนหน่อยใช่ไหม?”
สองปีก่อน ชอลพุซขุดคดีการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตของอานโล๋ออกมาอีกครั้ง แล้วยังจงใจชี้เป้าไปที่เจี่ยงเวินอี๋ รวมถึงคนขับที่ก่อเหตุ สำหรับเรื่องนี้ ลี่เฉินซีก็เคยสืบค้นอย่างละเอียด แต่ผลกลับไม่เป็นแบบนี้
ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาแล้วตั้งหลายปี ซูย้าวในตอนนี้ก็จำเรื่องในตอนนั้นไม่ได้ สำหรับเธอ อานโล๋ก็เป็นแค่คนที่เธอรู้จักและเข้าใจแค่ชื่อเท่านั้น ไม่ได้มีความผูกพันแม่ลูกอะไรมากมาย และแน่นอนว่าเธอก็ลืมเรื่องที่ตามหาฆาตกรไปแล้ว เธอลืมไปแล้วแต่เขายังจำได้ ดังนั้นก็จำเป็นที่จะต้องทำให้มันชัดเจนจริงๆ
“แม่หาเวลาอธิบายให้เธอฟังก็ได้! เพราะยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่…” เจี่ยงเวินอี๋พูดกับตัวเอง เรื่องนี้ติดอยู่ในใจของเธอมาตลอด ทุกครั้งที่เธอนึกถึงมันเธอก็จะนอนไม่หลับ
ลี่เฉินซีครุ่นคิดแล้วพูดว่า:”ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รออีกสักหน่อยเถอะครับ รอให้เราฮันนีมูนกันแล้ว ผมจะหาโอกาสอธิบายให้เธอฟัง”
เจี่ยงเวินอี๋พยักหน้า แล้วก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก เธอรีบเงยหน้าขึ้นมองเขา:”ลูกยังจะไปฮันนีมูนกับ ?แล้วพวกเด็กๆ ล่ะ?”
ครั้งนี้จู่ๆ เขาก็พาซูย้าวไปหลิ่งโจว เจี่ยงเวินอี๋ก็พึ่งจะมารู้ข่าวทีหลัง เธอจึงรีบมาดูแลพวกเด็กๆ ที่นี่ หากยังจะทิ้งพวกเด็กๆ ไปอีกครั้ง เธอรับได้ แต่พวกเด็กๆ จะรับได้เหรอ?
“ลูกอายุขนาดนี้แล้ว ลูกๆ ก็โตขนาดนี้แล้ว จริงจังหน่อยได้ไหม อย่าเอาแต่คิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ คิดเรื่องเป็นพ่อคนแม่คนให้มากหน่อย ดูแลลูกๆ ให้มากหน่อย” เจี่ยงเวินอี๋ขมวดคิ้วและบ่นไม่หยุด
ลี่เฉินซีแค่ยิ้มอย่างแผ่วเบา ดับบุหรี่และพูดว่า:”แม่ แบบนี้ก็ได้ ให้ลูกๆ ย้ายไปอยู่กับแม่สักสองสามวัน ตอนนี้เราจะยุ่งกับการเตรียมงานแต่ง จะต้องยุ่งมากแน่ๆ เดี๋ยวผมค่อยพาเธอไปรับลูกๆ กลับมา”
“ลูก…” เจี่ยงเวินอี๋ตกใจ เธอถึงกับพูดไม่ออก ถึงแม้ว่าอยากจะพูดต่อ แต่ตระหนักขึ้นได้ว่าจะได้อยู่กับพวกเด็กๆ ช่วงหนึ่ง ในฐานะย่าเธอก็ไม่มีทางปฏิเสธ เธอจึงรับปากเขา
แต่ว่าซูย้าวพึ่งจะกลับมา ซีซีและลี่หมิงไม่ยอมห่างเธอ เด็กทั้งสองคนแทบจะไม่ยอมห่างเธอเลยแม้แต่ก้าวเดียว ดังนั้นคิดแล้วคิดอีก ลี่เฉินซีจึงบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยส่งลูกๆ ไปที่เธอ