เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 696
“ฉันจะไม่หนีและจะไม่จากไปไหน ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยให้คุณได้รับสิ่งที่คุณต้องการ” ซูย้าวมองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตาที่สงบนิ่ง “เงื่อนไขอย่างเดียวคือข้อเรียกร้องนี้”
เธอชะงัก แล้วพูดอีกเสียงนุ่มนวลเหมือนเดิม ทว่าสีหน้ากลับเย็นชาและเฉยเมย “ฉันไม่ได้เสนอเงื่อนไขเพื่อค้าขาย คุณรับปากก็ต้องรับปาก ไม่รับปากก็ต้องรับปาก”
สิ่งที่ควรทำหรือพูด เธอทำเกือบหมดแล้ว และเธอก็ไม่มีความคิดที่จะคุยกับเขาอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้น หยิบเสื้อนอกกันลมจากโซฟามาวางไว้บนไหล่ของเธอ แล้วรัดให้แน่นขึ้น “อานเจียเย้น อย่าพยายามบังคับผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้หญิงคนนี้ยังเป็นแม่คนอยู่”
เสียงน้อยๆ แว่วผ่านเข้ามาในหูของเขา อานเจียเย้นพลันตกตะลึงในทันที ความทรงจำบางอย่างในใจของเขาคลายลง และภาพเงาของผู้หญิงในความคิดก็ค่อยๆ ซ้อนทับกับแผ่นหลังของซูย้าวที่ค่อยๆ เดินห่างออกไป
เขาเงยหน้ามองไปยังโซฟา และยกมือขยี้ตา เป็นเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือเปล่า? เธอเหมือนอานชินเมื่อตอนยังเด็ก! ช่างคล้ายคลึงกันเหลือเกิน
แม่ ใช่ ทำไมเขาลืมไป นอกจากซูย้าว เธอคืออานหว่านชิง ที่เหมือนกันคือเป็นแม่ของเด็กสามคน
ซูย้าวสูญเสียความทรงจำทั้งหมดของเธอ แต่เมื่อลี่เฉินซีพาเธอกลับบ้าน ช่วงเวลาที่ลูกทั้งสามพุ่งเข้าหาเธอ เธอรู้ว่าเด็กเหล่านี้ คือลูกๆ ที่เธอให้กำเนิด
มารดาไม่ได้เป็นเพียงชื่อและตัวอักษรสองพยางค์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงของความหมายที่ลึกซึ้ง คนที่ไม่มีลูกจะไม่เข้าใจ สัตว์เดรัจฉานยังมีหัวใจที่จะปกป้องลูกของมัน ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือมนุษย์
เมื่ออันตรายมาถึง เมื่อรู้สึกถึงความคลุมเครือว่ามีคนแอบสอดส่องลูกน้อย มารดามักจะมีประสาทสัมผัสที่ไว พวกเธอจะต้องรับรู้ถึงความแปลกประหลาดตั้งแต่ทีแรก เช่นเดียวกันกับ ซูย้าว เธอเชื่อในตัวลี่เฉินซี แม้จะไม่มีเธอ เขาก็จะเป็นพ่อที่ดีและเลี้ยงดูลูกให้อย่างปลอดภัยได้
ดังนั้นในความวุ่นวายนี้ เธอจึงยอมเสียสละตัวเอง เพียงเพื่อปกป้องความสงบสุขของทั้งสี่คน
ซูย้าวขึ้นรถเพื่อออกไปจากบ้านใหญ่ เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ตั้งแต่การทะเลาะเบาะแว้งครั้งแรกกับอานเจียเย้นจนถึงครั้งนี้ ทั้งสองไม่สามารถเข้ากันได้ดั่งเช่นเดิม เป็นการดีที่จะแยกกันอยู่
มิฉะนั้น เธอกลัวว่าจะควบคุมตัวเอง และหาโอกาสที่จะฆ่าเขา……
คาดว่า เขาคงคิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ซูย้าวจะอยู่ที่นี่ การปกป้องความปลอดภัยของตัวเองก่อนก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเช่นกัน
เธอร่วมเดินทางมากับกลุ่มคน กลับมายังบ้านของตัวเอง บ้านธรรมดา ที่มีสไตล์เรียบง่าย มีพี่เลี้ยงและคนรับใช้มากมาย เธอแค่คัดเลือกทุกคนมาอย่างพิถีพิถัน ถึงแม้จะตัดการสอดส่องของอานเจียเย้นไปไม่ได้ก็ตาม แต่เธอก็ยังพอรู้สึกสบายใจอยู่บ้าง
เธอเดินขึ้นไปชั้นบนแล้วโยนเสื้อคลุมและกระเป๋าที่ถอดออกให้พี่เลี้ยง ชายหนุ่มวัยเยาว์เดินตามไปเพื่อตามเธอขึ้นมายังชั้นบน ก่อนจะเข้าไปในห้องนอน
เมื่อประตูปิดลง ชายคนนั้นก็เอนตัวไปข้างหน้า และพูดว่า “เธอยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ตื่นแล้วครับ ผมจัดที่พักให้เธอเรียบร้อยแล้ว”
ซูย้าวพยักหน้า ก่อนหน้านี้ ต่อหน้าอานเจียเย้น เธอแค่แสดงละคร ไม่ได้ต้องการฆ่าเจี่ยงเวินอี๋จริง
โดยบังคับเชือกของอีกฝ่าย เธอใช้มือห้ามเชือกไว้ด้านหลังคอ ดังนั้นจึงทำให้เกิดปรากฏการณ์หยุดหายใจคล้ายตาย ปิดหูปิดตาคน หลอกลวงเพื่อหลีกเลี่ยงการสอบถาม
“ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว หาโอกาสส่งเธอไปที่อื่น!” ซูย้าวพูดอีกคำ ก่อนจะครุ่นคิด “อย่าเปลี่ยนตัวตนทำหนังสือเดินทาง ใช้วิธีลักลอบข้ามลำน้ำ! ถึงแม้จะลำบากหน่อย แต่ปลอดภัยกว่า”
เจี่ยงเวินอี๋ยังมีชีวิตอยู่ หากอานเจียเย้นรู้เข้า สถานะที่เป็นอยู่ของเธอตอนนี้จะยิ่งแย่ลงไปอีก ดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงแอบเปลี่ยนสถานที่ แล้วส่งเธอออกไปชั่วคราวเท่านั้น
ชายหนุ่มก้มศีรษะอย่างระมัดระวัง “ครับผม”
“ส่งคนไปดูเธอให้มากหน่อย อย่าให้เธอกลับประเทศเด็ดขาด อย่าให้ติดต่อกับลี่เฉินซี” เธอกำชับอีกหนึ่งประโยค
ถ้าหากเจี่ยงเวินอี๋ติดต่อกับลี่เฉินซีตอนนี้ แม้ว่าจะทำให้พวกเขาแม่ลูกกลับมาพบกันอีกครั้ง แต่ก็ต้องเผชิญกับอานเจียเย้นอย่างไม่ต้องสงสัย และมันก็เป็นมากกว่าอันตราย
ชายหนุ่มเข้าใจ “ผมจะจัดการให้อย่างดี ได้โปรดไว้วางใจ”
ซูย้าวพยักหน้าน้อยๆ เธอหมุนกายลงไปนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ช่วงต่อไปอาจจะยุ่งยากนิดหน่อย จัดเครื่องบินให้ฉันตอนกลางคืน ฉันจะออกจากที่นี่สักพัก”
เธออาศัยอยู่ในเมลเบิร์นเป็นเวลาสองวัน และบินไปBroken Hillในวันที่สาม ภายในเกือบสองเดือน ทุกที่ที่เธอไป จะอาศัยอยู่เพียงสองสามวันเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นค่อยรีบบินไปที่อื่น
หลังจากเป็นแบบนี้มาเกือบสามเดือน อาจจะเพราะความสั่นสะเทือนเป็นระยะเวลาที่นาน เลยทำให้เธอค่อนข้างที่จะเหนื่อย นอกจากนี้ ตอนนี้เธอยังบังเอิญไปอยู่ที่มีคาธารามีน้ำแข็งและหิมะ ทางเข้าเต็มไปด้วยหิมะสีขาว ภูเขาตระหง่าน และทิวทัศน์ที่น่ารื่นรมย์
เพราะว่าเธอไม่ได้กำหนดอะไรไว้ บินไปหลายสิบเมืองในสามเดือน ดังนั้นรอบตัวเธอจึงไม่มีคนมาก เหลือเพียงอาตงและเซียวหยางสองคนเท่านั้น
แม้ว่าอาตงจะเป็นคนของอานเจียเย้น แต่เมื่อซูย้าวกลับมาจากประเทศ และเขาได้ติดตามเธอมาเป็นเวลานาน ถือว่าค่อนข้างมีความจริงใจ ดังนั้นซูย้าวจึงไม่มีความคิดที่จะทิ้งเขา
และเธอก็ยังรู้ด้วยว่า แม้ว่าเธอจะหาข้ออ้างเพื่อที่จะขับไล่อาตงออกไป แต่อานเจียเย้นก็จะส่งคนอื่นมา ถ้าเป็นเช่นนั้น จะทำเรื่องที่มันเกินความจำเป็นไปทำไม
เซียวหยางถือได้ว่าเป็นคนสนิทของเธอ เธอพบคนคนนี้โดยบังเอิญเมื่อปีที่แล้ว คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ และจัดการสิ่งต่างๆ แทนเธอมากมาย ลงแรงทำเองกับมือ เชื่อถือได้
ซูย้าวมีเจตนาจะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ๆ เมื่อมองไปยังภูเขาสูงตระหง่านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตรงหน้า เธอก็มีความคิดเล่นสนุก เลยเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกไปเล่นสกี
สถานที่เล่นสกีเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเป็นสถานที่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นักท่องเที่ยวกลับมีน้อย มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ซูย้าวไม่สนใจเรื่องนี้ เธอเล่นสกีไปเรื่อยด้วยตัวเองสองสามรอบ เมื่อรู้สึกเหนื่อยแล้ว ก็เลยไถสกีไปร้านค้าใกล้ๆ เพื่อซื้อเครื่องดื่มอุ่นร้อนดื่ม
ที่จุดชำระเงิน พนักงานส่งบัตรกลับอย่างลำบากใจ “คุณผู้หญิง ขออภัยด้วยค่ะ บัตรของคุณรูดไม่ได้ค่ะ”
รูดไม่ได้ !
ซูย้าวชะงัก มีบางอย่างผิดปกติกับบัญชีธนาคารของเธอ?
เธอคิดถึงอานเจียเย้นเป็นคนแรก แต่ความคิดนั้นก็ถูกปัดเป่าออกไป เพราะถึงแม้วิธีการจะเลวทราม แต่เขาก็ยังใส่ใจเธอไม่มากก็น้อย แม้ว่าการดูแลนี้จะค่อนข้างมีความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจ แต่เขาคงไม่เล่นอุบายกับเรื่องเงินทองหรอก
ดังนั้นเธอจึงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหยิบบัตรจากกระเป๋าเงินของเธอ และส่งไปให้พนักงานคนเดิม แต่เมื่อพนักงานลองรูดอีกครั้งแล้ว ก็คืนกลับมาให้เธอดังเดิม
ความคิดของซูย้าวหยุดนิ่งไปพลัน เธอลองให้รูดบัตรใบอื่นดู แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม บัตรของเธอทุกใบ รูดไม่ผ่านเลย
“น่าจะเป็นเพราะว่าบัญชีถูกระงับ คุณผู้หญิง ลองติดต่อกับธนาคารเถอะค่ะ!” พนักงานเตือนขึ้นด้วยความหวังดี
ซูย้าวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ในตัวเธอไม่มีเงินสด ในระหว่างที่ยังคงลำบากใจว่าจะทำอย่างไรกับการจ่ายเงินของเครื่องดื่มนั้น เสียงกระดิ่งเปิดประตูของร้านก็ดังขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามา