เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 730 ของเล่นในมือ
ซูย้าวนั่งอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
แน่นอนว่าเธอจะไม่ให้ความร่วมมือโดยไปอาบน้ำจริงๆ จะให้เธอไปนอนรอเขาบนเตียงอย่างงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!
“ไม่ ฉันไม่อาบ” เธอพูดออกมาเบาๆด้วยความเย็นชา
ลี่เฉินซีหยุดฝีเท้าลง ดวงตาของเขาหันเหไปทางเธอก่อนจะเดินกลับมาหาเธออีกครั้ง เขาโน้มตัวยื่นมือออกไปบีบแก้มของเธอ พิจารณามองใบหน้าสวยงามอย่างละเอียดถี่ถ้วน สีหน้าของเขาที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่มันก็เย้ยหยันและเยือกเย็น “ทำไมไม่ได้ล่ะ? ก่อนแต่งงานคุณก็นอนกับผมตามอำเภอใจ พอแต่งงานแล้วไม่ได้หรือไง?”
เขาจงใจพูดประโยคนั้นออกมาด้วยความรุนแรง ซึ่งทำให้ไม่น่าฟังมาก
หัวใจของซูย้าวสั่นสะท้าน สายตาของเธอเยือกเย็นเล็กน้อย แต่กลับพูดต่อไปว่า “ไม่ก็คือไม่!”
“เหอะๆ” ลี่เฉินซียังคงยิ้มดังเดิม เพียงแต่รอยยิ้มนั้นมันช่างดูเข้มข้นราวกับจะทำให้เธอจมอยู่ในนั้นโดยไม่อาจปีนขึ้นมาได้ เขาบีบไปที่แก้มของเธอด้วยแรงมากยิ่งขึ้น “ทำไมเหรอ? เพราะเมื่อตอนกลางคืนคุณแสดงความรักออกมาต่อเพ้ยส้าวหลี่และเขาก็ยอมรับมัน จึงต้องการจะรักษาเนื้อรักษาตัวไว้ให้เขาอย่างงั้นหรือไง?”
ซูย้าวเลิกคิ้วอย่างหมดความอดทนและมองไปทางสายตาอันน่าขยะแขยงของชายหนุ่ม ก่อนจะพยักหน้าพูดว่า “ใช่ค่ะ คุณพูดได้ถูกแล้ว!”
หากว่าเธอจะเปลี่ยนเป็นความเงียบเข้ามาแทนคำตอบ เขาก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่เพียงประโยคง่ายๆประโยคนี้จุดประกายความโกรธในใจของชายหนุ่มขึ้นทันที มืออันทรงพลังของเขาเหวี่ยงเธอออกไปที่พื้นตะโกนพูดขึ้นว่า “รักษาเนื้อรักษาตัวไว้อย่างงั้นเหรอ? คุณคิดว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์อะไรกัน” เมื่อฟังคำพูดที่เสมือนหอกทิ่มแทงของเขา ซูย้าวก็เลิกคิ้วขึ้น “คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นสาบของผู้ชาย ไปอาบน้ำล้างมันให้สะอาด! ล้างให้ดีตั้งแต่ข้างนอกถึงข้างใน!” น้ำเสียงของชายหนุ่มดุดันและดังขึ้นมาก
เธอมองเห็นเปลวไฟในดวงตาของเขา แต่กระนั้นก็ยังนั่งแข็งทื่ออยู่ด้านข้างเหลือบมองดูเขาเป็นครั้งคราว
เมื่อลี่เฉินซีเห็นว่าเธอไม่สนอกสนใจเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่สามารถควบคุมความโกรธในหัวใจเอาไว้ได้ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา ทันใดนั้นก็ยื่นมือออกมาจับเธอเอาไว้ ลากเธอจูงเข้าไปในห้องน้ำอย่างรุนแรง
เขาใช้ขาถีบประตูห้องน้ำให้เปิดออกจากนั้นดึงเธอเข้าไปด้านใน ผลักเธอลงที่พื้นกระเบื้องเซรามิกโดยไม่สนใจว่าร่างของเธอจะชนเข้ากับอะไร จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบฝักบัว เปิดก๊อกน้ำแล้วฉีดใส่ร่างกายเธอทันที
กว่าซูย้าวจะลุกขึ้นมาจากพื้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอหันหน้าไปทางน้ำเย็นที่พุ่งเข้ามายังเธอ แม้ว่าตอนนี้เรื่องกายของเธอจะสั่นสะท้านไม่หยุดด้วยความหนาว แต่ก็พยายามควบคุมมันเอาไว้และไม่ขยับเขยื้อน
ที่จริงเธอตั้งใจทำมันเช่นนี้ ไม่หลบหนีและปล่อยให้เขาระบายอารมณ์ตามใจชอบ
เพราะอย่างไรเสียเธอก็หนีไม่พ้น สู้อยู่นิ่งๆ ให้เขาทำในสิ่งที่ต้องการจะดีกว่า
น้ำเย็นเหล่านั้นได้ซึมเข้าไปในเสื้อผ้าของเธอจนเปียกชุ่ม ทั้งเสื้อโค้ชเสื้อยืดด้านในแม้แต่กางเกงยีนของเธอ เดิมทีมันเป็นเสื้อที่เพิ่มความอบอุ่น แต่บัดนี้มันเหมือนกับกำแพงเยือกเย็นอันขมขื่นที่ควบคุมเธออยู่ ร่างกายของเธอไม่หลงเหลือความอบอุ่นอยู่แล้ว มันแทรกซึมเข้าไปในจิตใจ
ซูย้าวดูเหมือนกับเป็นหุ่นเชิดและปล่อยให้เขาแสดงความบ้าคลั่งดุร้ายออกมา เธอทำท่าทางไม่แยแสราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด
ลี่เฉินซีมองดูเธอที่เหมือนกับหมูนอนตายไม่เกรงกลัวน้ำเดือดแต่อย่างใด ท้ายที่สุดแล้วเขาก็สูดหายใจเข้าลึก โยนฝักบัวลงแล้วลากเธอขึ้นมาจากพื้น ผลักเธอเข้ากับกำแพงด้านข้าง มือข้างหนึ่งจับคอของเธอเอาไว้ หัวเราะออกมาเย้ยหยันเน้นย้ำทีละตัวอักษรว่า “ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดหรือไงหา?”
เขาพูดกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่อนุญาตให้เธอไปคบกับคนอื่น ห้ามแต่งงานใหม่ ห้ามหลบหนีไป แต่เธอกลับไปพัวพันกับเพ้ยส้าวหลี่!
ซูย้าวขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอไม่รู้ว่าจะตอบมันอย่างไรดี และเธอก็ไม่อยากจะตอบด้วย ดังนั้นจึงได้แต่ใช้ความเงียบเป็นคำตอบ
ลี่เฉินซีมองดูเธอแล้วพูดว่า “คุณพูดออกมาด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้นะ ว่าต่อไปนี้จะไม่เข้าไปยุ่งกับไอ้เพ้ยส้าวหลี่นั่นอีก และตัดขาดกับเขาโดยสิ้นเชิง!”
ดวงตาของเธอดูเศร้าโศกเล็กน้อย เธอละสายตาออกจากใบหน้าอันคลุมเครือของเขาเพื่อมองไปทางอื่น
ตัวเธอในขณะนี้ เนื่องด้วยน้ำเย็นเมื่อสักครู่ทำให้ใบหน้าอมชมพูของเธอซีดจาง มันดูขาวจนแทบจะเขียว หรือเหมือนกระดาษมากกว่าในตอนนี้ ฟันของเธอกระทบกันอย่างไม่อาจควบคุมได้ อาจจะเป็นเพราะน้ำเย็นเมื่อสักครู่มันเย็นเหลือเกิน หรืออาจจะเป็นเพราะอารมณ์ที่ถูกส่งผ่านมาจากร่างของชายหนุ่มน่ากลัวจนต้องสั่นสะท้าน
ลี่เฉินซีบีบแก้มของเธอบังคับให้เธอหันมาสบตากับเขา “พูดสิ!”
เธอจึงหันมามองทางเขาอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้คำตอบอย่างไม่จริงจัง แน่นอนว่าเธอจะไม่พูดสิ่งที่เขาต้องการจะฟัง เธอทำเพียงส่งสายตาไปทางเขาแล้วเผยอริมฝีปากยิ้มขึ้น
ด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นนั้น ดูไม่ได้มาจากใจเอาเสียเลย น้ำเสียงหัวเราะที่เหมือนจะไพเราะ แต่เมื่อเข้ามาในหูของลี่เฉินซีมันกลับใกล้เป็นความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงใจ
“คุณรักฉันมั้ย?” เธอถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าเธอจะพยายามบังคับตัวเองให้เข้มแข็งและอดทน แต่ท้ายที่สุดแล้วร่างกายของเธอก็ยังต้านทานไม่ไหว ร่างของเธอเคลื่อนตัวลงไปทีละน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่ หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มจับเธอเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งเธอคงจะล้มลงไปอยู่บนพื้นแล้วจริงๆ
ลี่เฉินซีได้ยินดังนั้นร่างของเขาก็แข็งทื่อทันทีและชะงักไปครู่หนึ่ง
“คุณเกลียดฉันไม่ใช่หรือไง? เป็นเพราะฉันจึงทำให้เจิ้งเอ๋อกับหมิงเอ๋อต้องรับบาดเจ็บ” เธอพูดออกมาเบาบาง แต่คำพูดนี้ กลับเป็นคำเตือนใจของชายหนุ่มให้ตื่นขึ้นราวกับฝัน
เมื่อลี่เฉินซีได้สติกลับคืนมาเขาก็ได้ปล่อยร่างเธอออก ดังนั้นซูย้าวจึงไหลลื่นลงไปที่พื้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ จากนั้นจึงล้มลง ผิวพรรณขาวซีดของเธอตอนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน แต่อุณหภูมิร่างกายอันร้อนระอุบ่งบอกว่าตอนนี้เธอเป็นไข้ไม่ต่ำเลยทีเดียว
ดวงตาอันตกตะลึงของเขาสั่นคลอน ก่อนจะโน้มตัวเข้ามากอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน “ซูย้าว?”
เมื่อลี่เฉินซีพูดจบ เขาก็ได้เปิดเสื้อของเธอขึ้นมาดูแผลผ่าตัดที่ท้องด้านซ้าย พบว่ามีรอยแดงบวมผิดปกติ เห็นได้ชัดว่ามีการติดเชื้อ แต่ว่าเมื่อสักครู่เขากลับ……
“ซูย้าว?” เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เธอไม่สามารถให้คำตอบเขาได้อีกต่อไป ร่างกายอันอ่อนล้าล้มลงไปในอ้อมอกของเขา ศีรษะเล็กๆของเธออยู่ในอ้อมแขนของเขาดูเหมือนแทบจะไม่มีลมหายใจ
หัวใจของเขาหล่นลงไปที่ตาตุ่ม แม้เขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าไตที่บริจาคให้กับแม่ของตนนั้นอาจจะเป็นของเธอ รู้ทั้งรู้ว่าการผ่าตัดครั้งใหญ่เช่นนี้จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลพักผ่อนอย่างดี แต่ว่าเขายังคง……
ดวงตาของลี่เฉินซีมืดมนลงทันใด เขาเอื้อมมือไปแตะที่จมูกของเธอเพื่อสังเกตลมหายใจ จากนั้นสัมผัสไปที่หน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ มันร้อนระอุมากจริงๆ เขาจึงรีบถอดเสื้อผ้าทุกตัวบนร่างของเธอจากนั้นวางร่างของเธอลงไปในอ่างอาบน้ำร้อน ด้วยความระมัดระวัง
น้ำอุ่นโอบล้อมเธอเอาไว้ และพัดพาเอาความเย็นออกไปจากร่างกายก่อนจะค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความร้อน
หลังจากปล่อยให้เธอนอนแช่น้ำอยู่สักครู่ โดยมีเขานั่งอยู่ข้างขอบอ่างอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา เมื่อพบว่าร่างกายของเธอมีความอบอุ่นขึ้นมามากพอควรแล้ว จึงได้อุ้มเธอออกมาใช้ผ้าขนหนูเช็ดจนแห้ง พาร่างของเธออุ้มเข้าไปในห้องนอน
เขาวางเธอลงบนเตียง จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทั้งหมดแล้วใช้ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาประทับไปที่ร่างของเธอ ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด มืออันใหญ่ของเขาลูบไปที่ผมยังเปียกปอน น้ำเสียงแผ่วเบาและต่ำทุ้ม “ทำไมคุณต้องทำให้ผมโกรธด้วยนะ? คุณก็รู้อยู่ว่าถ้าเวลาผมโมโหผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้……”
อาจจะเป็นเพราะการที่ได้นอนแช่น้ำอุ่นเมื่อสักครู่ หรืออาจจะเป็นเพราะความอบอุ่นจากอ้อมอกของเขา จึงทำให้ซูย้าวได้สติขึ้นมา เธอลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยล้า
ที่จริงเธอรู้ดีว่าบาดแผลของตนยังไม่หายสนิท อีกทั้งยังมีสัญญาณของการติดเชื้ออยู่ด้วย แต่ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงขนาดนี้
ซูย้าวขยับเขยื้อนร่างกายและพยายามจะหลบหนีไปจากเขา แต่กลับถูกชายหนุ่มดึงเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เธอพยายามยกแขนขึ้นอย่างทุลักทุเลและสัมผัสไปที่หน้าผากของตนเอง เธอไม่รู้สึกอะไรแล้วในตอนนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ปล่อยนะ อย่าแตะต้องฉัน”
“วางใจเถอะ ต่อให้ผมจะทำอะไรคุณก็คงต้องรอให้คุณหายไข้เสียก่อน!” น้ำเสียงของเขาดูไม่ได้โกรธ แต่ก็ยังมีความเย็นชาเล็กน้อย
เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอเป็นไข้อย่างงั้นเหรอ? มิน่าล่ะเธอจึงรู้สึกปวดหัวแล้วก็ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด……
“หายไข้แล้วก็ห้ามแตะต้องฉัน!” เธอพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงอะไร
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไร้ความอดทนแล้วสูดหายใจเข้าลึก “เดิมทีคุณก็เป็นของผม ทำไมคุณต้องต่อต้านผมด้วย เชื่อฟังคำพูดผมหน่อยไม่ดีหรือไง?”
เธอขยับร่างกายแล้วเหล่ตามองเขาอย่างรังเกียจ ก่อนจะหันหลังให้เขา จงใจดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายเอาไว้ “ฉันคือตัวของฉันเอง ไม่ใช่สิ่งของหรืออะไรที่เป็นของคนอื่น และไม่ใช่ของเล่นในมือที่คุณลี่จะกุมเอาไว้ได้ คุณอย่าคิดมากไปหน่อยเลย เดี๋ยวฉันตื่นขึ้นก็จะไปแล้ว”
ใบหน้าอันเย็นชาของชายหนุ่มเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้นเสียงกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้นจากชั้นล่าง ซึ่งเป็นเสียงที่รบกวนจิตใจเขาเป็นที่สุด
เมื่อเหลือบไปมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียงพบว่าเป็นเวลา 23.20 น. แล้ว ใครกันจะเดินทางมาในเวลานี้?