เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 734 ศพเดินได้
“คิดในอีกมุมนึงเถอะ!”
ซูย้าวไตร่ตรอง แล้วตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ภายนอก นายกับฉันแกล้งเป็นคู่รักกันได้ เป็นคู่หมั้นกัน แต่ในความเป็นจริง นายกับฉันก็แค่มีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน”
สายตาของเพ้ยส้าวหลี่จมดิ่งทันที หันตัวไปมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “หมายความว่าไง?”
“ไม่ต้องให้ฉันพูด นายก็รู้ได้ว่าคนที่ฉันหวาดกลัวมาโดยตลอดคือใคร เช่นเดียวกัน การมีอยู่ของคนคนนี้ ก็ตำมือตำเท้านาย ราวกับหนาม ยากที่จะนอนหลับ”
อานเจียเย้นได้รับสืบทอดทุกอย่างจากเพ้ยหยู่เจี๋ยโดยสมบูรณ์ ดังนั้นจะมากจะน้อย ก็จะได้รับช่วงต่อธุรกิจส่วนหนึ่งของกรุ๊ปเพ้ยซื่อ ดังนั้น ในทุกๆ ด้าน ก็จะผูกติดอยู่กับเพ้ยส้าวหลี่
นั่นมันแค่ชั่วคราว
ถ้าพัฒนาต่อไป แล้วอนาคตล่ะ?
ด้วยความชั่วร้ายโหดเหี้ยมของอานเจียเย้น จะไม่เหลือตัวอันตรายอย่างเพ้ยส้าวหลี่ไม่แน่นอน ดังนั้นการกำจัดทิ้ง จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ
ซูย้าวมองไปที่เขา “สู้เราร่วมมือกันดึงหนามนี้ออกดีกว่า! แบบนี้ เป็นผลดี ต่อนาย และต่อฉัน”
เพ้ยส้าวหลี่เข้าใจความตั้งใจที่แท้จริงของเธอแล้ว คิ้วที่สวยงามเผยรอยย่นเล็กน้อย ครุ่นคิด แล้วถึงพูดขึ้น “ร่วมมือกันจัดการอานเจียเย้น อันนี้ได้”
นี่ก็อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเขาเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีการตอบสนองที่ไม่จำเป็นใดๆ เพียงแต่หลังจากนั้นไม่นาน แววตาหยั่งลึกของเขาก็ตกลงที่เธอ ยื่นมือไปจับแก้มของเธอขึ้นมา แรงเบามาก ไม่ทำให้เธอเจ็บ แต่ก็ไม่ปล่อยให้เธอหนีไปได้ “แต่แกล้งเป็นคู่รัก แกล้งเป็นคู่หมั้น ฉันไม่เห็นด้วย จะทำ ก็ต้องทำจริงๆ แสดงละครแบบนี้ ให้ใครดูล่ะ?”
ให้อานเจียเย้นดูหรอ? แน่นอน นี่ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของซูย้าว ให้ทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นไม่ว่าจะจริงหรือปลอม การต่อสู้นี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องแสดงละคร
ให้ลี่เฉินซีดู? งั้นเขาก็ยิ่งไม่อยากเสแสร้ง!
ดวงตาที่สวยงามของซูย้าวหรี่ลงช้าๆ ทีแรก ตัวเลือกนี้ ทำให้เธอรู้สึกละอายใจต่อเพ้ยส้าวหลี่ไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้ ความรู้สึกลังเลนี้ จากหายไปแล้ว
เขา ยังไงก็เป็นเขาวันยันค่ำ วางแผนเล่ห์กล ทำแต่เรื่องไม่ดี มีแต่ความชั่วร้าย แผนการและวิธีการ ก่อการร้าย เป็นส่วนผสมที่สร้างเพ้ยส้าวหลี่ขึ้นมา
เธอกังวลมากเกินไปจริงๆ !
“ฉันพูดไปแล้ว ว่ารอเธอได้ ดังนั้นไม่ต้องแสดงละคร มันเป็นความจริง”เพ้ยส้าวหลี่เองก็เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เก็บแรงปล่อยเธอออก “ตอนนี้กลับไปทำพิธีการกับลี่เฉินซีซะ!”
เขาชะงักเล็กน้อย แล้วน้ำเสียงก็เปลี่ยนเล็กน้อย “ถ้าเขาไม่เห็นด้วย งั้นก็ เธอก็กลับไปใช้ตัวตนของซูย้าวแต่ก่อนเถอะ!”
เธอตัวแข็งทื่อทันที กลับไปใช้ตัวตนและชื่อของซูย้าว?!
แม้ว่า ชายหนุ่มจะพูดเหมือนไม่ได้สื่ออะไร แค่พูดขึ้นมาลอยๆ เธอฟังแล้วก็รู้สึกไร้สาระ แต่เมื่อคิดให้ละเอียด มันก็ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตอนนี้คนที่จดทะเบียนสมรสกับลี่เฉินซี คืออานเจียเย้น
แต่ซูย้าว ถูกทุกคนเชื่อว่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อสองปีที่แล้ว แม้แต่สถานะทะเบียนบ้านต่างก็ถูกยกเลิก ถ้าเปิดใช้งานตอนนี้……
ความคิดคงอยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกซูย้าวขัดจังหวะ “ไม่ได้ มีตัวตนสองคนในเวลาเดียวกัน จะทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นมากมาย ตอนนี้ยังไม่ได้”
เพ้ยส้าวหลี่เลิกคิ้วมองไปที่เธอ “ก็ไม่ใช่ไม่ได้ ฉันช่วยเธอได้ ใช้ฉันไหม?”
สามคำหลัง เขาใช้น้ำเสียงเอ่ยถาม และเป็นท่าทีปรึกษา มีมุมมองที่ให้ความเคารพ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนนอก เป็นผู้หญิงคนอื่น เขาเคยอ่อนน้อมถ่อมตนแบบนี้ซะเมื่อไหร่?!
ซูย้าวส่ายหน้านิ่งๆ “ฉันจัดการเอง”
มองดูร่างเธอหันไปทางด้านนอก เพ้ยส้าวหลี่ก็เดินไปที่โต๊ะทำงาน พลางพูดว่า “อีกเดี๋ยวฉันส่งคนไปรับเธอ ย้ายไปอยู่กับฉัน”
ฝีเท้าของเธอชะงักอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แข็งทื่อไปสองวินาที จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าต่อ พูดเพียงแค่หนึ่งประโยค “ยังไม่ต้อง”
แต่เมื่อสิ้นเสียงเธอ น้ำเสียงที่ต่ำนิ่งเย็นชาของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังก็ดังขึ้นมาทันที “ฉันไม่ได้ขอคำปรึกษาเธอ!”
ในท้ายที่สุด เขาก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองควบคุมไม่ได้อีกแล้ว พูดเสริมอีกประโยคโดยไม่รู้ตัว “เชื่อฟังหน่อย!”
หัวใจซูย้าวควบแน่นอย่างรุนแรง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร ผลักประตูเดินออกจากออฟฟิสไป
การตัดสินใจกะทันหันนี้ ทำให้เธอหวาดกลัวและไม่สบายใจมาโดยตลอด ถึงอย่างไร ในช่วงเวลาสองปีกว่า เธอก็พอจะเข้าใจเพ้ยส้าวหลี่ ผู้ชายคนนี้ ก็ไม่ใช่คนที่จะสร้างความแตกต่างอะไร
กับคนที่ไม่ยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเอง จะหนีรอดอย่างปลอดภัยได้ยังไง?
เธอไม่คำนึงถึง ความปลอดภัยของตัวเองมาตั้งนานแล้ว แต่หลังจากนี้ ตามพัฒนาการของการตัดสินใจนี้ จะเกิดอะไรขึ้นอีก ก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเธอในขณะนี้
……
อีกด้านหนึ่งของเมือง โรงพยาบาลที่ตกแต่งเรียบง่าย สะอาดเป็นระเบียบ ในห้องผู้ป่วย VVIP ลี่เฉินซีพอได้รับข้อความก็มาถึงทันที ตอนนี้ เขามองลี่เจิ้งซึ่งยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้าหม่นหมอง แววตามืดมน
“พ่อ จริงๆ นะ พี่ใหญ่ฟื้นแล้วจริงๆ !”
ด้านข้างลี่หมิงเงยหน้าพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ผมไม่ได้โกหกนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพี่ใหญ่ หลับไปอีกแล้ว……”
ช่วงนี้ เกือบทุกวันลี่หมิงจะวิ่งมาดูที่ห้องผู้ป่วยของลี่เจิ้ง จนเคยชิน วันนี้เช้าตรู่ เขาตื่นมาค่อนข้างเช้า ก็ถือโอกาสตอนที่พี่สาวพยาบาลยังพักผ่อนอยู่ แอบวิ่งเข้ามาที่ห้องผู้ป่วยของลี่เจิ้ง พูดเองตอบเองกับพี่ใหญ่อยู่พักหนึ่ง ก็ค้นพบอย่างน่าประหลาดว่า ลี่เจิ้งที่นอนหลับใหลมาหลายเดือน กลับฟื้นขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์!
ลี่หมิงดีใจมาก ก็รีบเรียกพยาบาลมา พยาบาลจึงโทรไปหาลี่เฉินซี ทำให้เขาวกกลับมาที่นี่
“พ่อ ผมไม่ได้โกหกจริงๆ !”ลี่หมิงจ้องเขม็งไปที่เขา ปากเล็กๆ แทบจะฉีกออกมา เพราะอยากที่จะพิสูจน์ แต่ยังไงลี่เจิ้งตอนนี้ก็ยังนอนหลับไม่ฟื้น เรียกยังไงก็ไม่เป็นผล
ลี่เฉินซีโน้มตัวลงอุ้มลี่หมิงขึ้นมา ลูบใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดขาวของเขา “พ่อรู้ หมิงเอ๋อไม่โกหกหรอก”
เขาโอ๋ลูกชาย หลังจากแพทย์ที่ให้การรักษาทักทายเขา เขาถึงฝากลูกไว้กับพยาบาล แล้วตนก็ออกจากห้องผู้ป่วยไป
ด้านนอก แพทย์ที่ให้การรักษาได้นำผลตรวจแต่ละอย่างอันล่าสุดของลี่เจิ้ง ส่งให้เขาดู ขณะเดียวกันก็พูดว่า “นี่เป็นปาฏิหาริย์จริงๆ เดิมทีนึกว่าเด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บหนักที่ศีรษะถึงสองครั้ง มีเลือดคลั่งในสมองอย่างรุนแรง ทำให้กดทับเส้นประสาท ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นเจ้าชายนิทรา แต่ไม่คาดคิดว่า……”
“คุณลี่ ผลตรวจต่างๆ ได้พิสูจน์แล้วว่า อาการเลือดคลั่งในสมองของเด็กได้มีเค้าลางการดูดกลืนด้วยตัวเองแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะฟื้นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ”
ลี่เฉินซีมองดูใบรายงานต่างๆ ในมือ บนใบหน้าที่มืดมน ในที่สุดก็เผยความสุขออกมา “พูดอีกอย่างคือ เจิ้งเอ๋อจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาเหมือนเด็กปกติทั่วไป?”
“ประมาณนั้น แต่เพราะเด็กมีเลือดคลั่งในสมองมาก ดังนั้น เวลาที่จะฟื้นขึ้นมา อาจจะสั้นมาก หรืออาจจะกำหนดวันไม่ได้”
พูดอีกอย่างคือ ลี่เจิ้งยังจะตกอยู่ในการหลับใหลเมื่อไหร่ก็ได้ เหมือนกับเจ้าชายนิทราในนิทาน เพียงแต่แตกต่างกัน เขาไม่ใช่เจ้าชาย ในความเป็นจริงก็ไม่มีคำสาป มีเพียงแค่การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและไม่มีกำหนดของอาการป่วย
“เค้าลางแบบนี้ อาจจะคงอยู่ไปสักพัก เมื่อเลือดคลั่งในสมองค่อยๆ หายไป เด็กเองก็มีหวังที่จะฟื้นตัวจนหายดี!”หมอเองก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
ลี่เฉินซีพยักหน้าหงึกๆ “งั้นก็ดี”
“เพียงแต่…..”หมอลากเสียงยาวอีกครั้ง “มีจุดนึงหวังว่าทางครอบครัวจะเตรียมใจไว้ให้ดี การพัฒนาของโรคในตอนนี้ อาจจะมีสถานการณ์สองแบบ”
“แบบแรกคืออย่างที่ผมพูดไปเมื่อกี้ เด็กอาจจะตื่นขึ้นเป็นครั้งคราว หลับใหลเป็นครั้งคราว ฟื้นฟูกลับเป็นปกติช้าๆ ตามการรักษาและการดูดซึมเลือดที่คลั่งในสมอง นี่เป็นผลลัพธ์แบบหนึ่งที่ดีที่สุด”
“อีกแบบนึงล่ะ?”ลี่เฉินซีถามกลับ
หมอยกมือขึ้นดันแว่นที่อยู่บนสันจมูก หลังจากเลือกถ้อยคำอย่างระมัดระวัง ถึงพูดขึ้น “สถานการณ์อีกแบบนึง ก็แบ่งเป็นสองแบบเช่นกัน แบบนึงคือสถานการณ์ดูดซึมเลือดคลั่งในสมองไม่ดี อาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดช่วยเหลือ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ การผ่าตัดก็มีความเสี่ยงบางอย่าง รายละเอียดจะเป็นยังไง ผมไม่กล้ารับประกัน”
“อีกแบบหนึ่ง คืออาจจะฟื้นตัวขึ้นช้าๆ แต่จะยังมีเลือดในสมองกดทับเส้นประสาท…..”ขณะที่หมอพูด ก็รีบถือ CTส่วนศีรษะของลี่เจิ้ง ใช้นิ้วชี้ไปที่จุดจุดหนึ่งให้ลี่เฉินซีดู “ตำแหน่งที่เลือดออกแย่มาก ความเป็นไปได้สูง คือจะไปกดทับเส้นประสาทจำนวนมาก แล้วส่งผลต่อความรู้สึกและความทรงจำ”
ก็คือมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ในอนาคตลี่เจิ้งจะกลายเป็นศพเดินได้ที่ไร้ความรู้สึก และสูญเสียความทรงจำ